“อืม…ผมจำผู้หญิงคนนั้น เธอมีปัญหาอะไร?”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ของผู้จัดการหวัง เขาไม่ชอบขี้หน้าผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่การที่เขาจะไล่ใครออกเพราะไม่ชอบขี้หน้ามันก็ดูไร้เหตุผลมากไปหน่อย
“อันที่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไหร่ครับท่านประธาน ผมแค่พบว่าช่วงนี้ที่ผมคอยจับตาดูหลี่จิงเทียน ผมเห็นว่าเผิงอิงอิงเข้าไปในออฟฟิศของหลี่จิงเทียนบ่อยมากซึ่งดูเหมือนว่าสองคนนี้น่าจะสนิทสนมกันเป็นอย่างดี มันเป็นไปได้ว่า…เผิงอิงอาจจะกำลังมีความคิดที่จะไต่เต้าจากหลี่จิงเทียน”
ผู้จัดการหวังเล่าทุกอย่างที่เขาพบเจอในช่วงหลายวันที่ผ่านมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ที่สองคนนี้จะจับคู่กัน
อย่างไรก็ตามอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“อืมผมเข้าใจแล้ว”
สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ในใจของเขารู้สึกดูถูกคนคู่นี้ หลี่จิงเทียนที่โง่ขนาดนั้นไม่มีวันทำอะไรเขาได้แน่นอน
“รายงานสถานการณ์ในบริษัทช่วงนี้มาให้ผมฟังหน่อยว่ามีอะไรสำคัญเกิดขึ้นบ้าง”
หากเทียบกันแล้วเรื่องนี้สิที่สำคัญกว่า!
หลังจากได้รับคำสั่ง ผู้จัดการหวังจึงรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งแค่ไตรมาสเดียวเครือฮ่าวหรานมีรายได้เข้ามามากกว่ารายได้ทั้งปีของบริษัทชงซานถึง 3 เท่า!
หลังจากรายงานจบ ผู้จัดการหวังยิ้มออกมาด้วยความเบิกบาน ยิ่งบริษัทเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ ประธานของบริษัทก็ยิ่งดูแลเขาดีมากเท่านั้น!
“ดีมาก!”
มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน แน่นอนว่าเขาดีใจที่ผลประกอบการขนาดบริษัทกำลังไปได้สวยขนาดนี้…
นี่มันหมายถึงว่าเขาจะยิ่งมีเงินซื้อวัตถุโบราณมากยิ่งขึ้น แล้วฝันที่เขาจะแข็งแกร่งพอออกไปตามหาหลี่เม่ยก็ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเช่นกัน!
เมื่อถึงเวลาเกือบ 4 โมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานก็เดินไปที่แผนกสวนสนุกของบริษัทเพื่อรับตัวถวนถวน
เมื่อตอนกลางวัน อวี้ฮ่าวหรานสั่งไก่ทอดผู้พันมาให้ถวนถวนกิน แต่ตอนนี้มันเย็นแล้วเด็กน้อยที่เล่นสนุกมาทั้งวันจึงรู้สึกหิวอีกรอบ
“พ่อจ๋า…หนูยังอยากกินไก่ผู้พันอีก”
ถวนถวนเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอ้อนวอนซึ่งมันทำให้เด็กน้อยยิ่งดูน่ารักมากกว่าเดิม
แต่แล้วก่อนที่จะตอบกลับถวนถวน จู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ฟ่านซีเหยียนนัดเขาไปกินข้าว แถมอีกฝ่ายยังวางสายไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธเลย
ในตอนนี้มันใกล้ได้เวลานัดที่อีกฝ่ายบอกแล้วนี่นา
ช่างเถอะไปสักหน่อยก็แล้วกันอย่างน้อย ๆ ถือซะว่าไปเอาลายเซ็นมาให้หลี่หรง!
“ถวนถวน…ลูกอยากเจอพี่สาวฟ่านซีเหยียนที่เป็นนักร้องไหม? วันนี้พี่สาวนัดกับพ่อไว้ลูกอยากไปหรือเปล่า?”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปอันดับแรก อวี้ฮ่าวหรานต้องถามลูกสาวของเขาดูก่อนว่าอยากจะไปด้วยหรือเปล่าเพราะคราวที่แล้วลูกสาวของเขาไม่ค่อยชอบบรรยากาศในคอนเสิร์ตสักเท่าไหร่
“พ่อจ๋าหนูอยากไป! ถวนถวนอยากไปเจอพี่สาวฟ่านซีเหยียน!” ถวนถวนตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น ซึ่งผิดคาดกับที่อวี้ฮ่าวหรานคิดเอาไว้
“เพื่อนของหนูที่โรงเรียนชอบพี่สาวฟ่านซีเหยียนทุกคนเลย ตอนนี้ ถวนถวนก็ชอบพี่สาวฟ่านซีเหยียนเหมือนกัน!”
เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจ เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากจะไป
เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองตื่นเต้นขนาดนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะมองฟ่านซีเหยียนดีขึ้นบ้าง
ดูเหมือนว่าการไปเจอฟ่านซีเหยียน ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายอะไรเท่าไหร่อย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายก็สามารถทำให้ลูกสาวของเขาอารมณ์ดีได้
หลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานพาถวนถวน ออกจากบริษัทและขับรถเบ๊นซ์ S class ของบริษัทตรงไปที่ภัตตาคารจินหัว
แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนรถเพราะคันเดิมเขาเอาไปชนประตูรั้วบริษัทฉีถงและโรงงานของฉีถงจนหน้ารถยับเยินไปหมดแล้ว
ในระหว่างทางขับรถไป อวี้ฮ่าวหรานโทรไปหาฟ่านซีเหยียนเพื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายยังรอเขาอยู่ที่ภัตตาคารจินหัว
“ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง ฉันกำลังคิดอยู่ว่าคุณจะมารึเปล่า”
“อืม เรากำลังไปเดี๋ยวนี้”
“เอ๊ะ? เรา?” ฟ่านซีเหยียน รู้สึกงุนงงกับคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหราน ไม่ได้ตอบกลับอะไรมากไปกว่านั้น เขาวางสายทันทีหลังจากมั่นใจแล้วว่าฟ่านซีเหยียนยังคงรอเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกดีกับอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดังแต่เธอก็ยังรอเขาเพียงเพื่อตอบแทนที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ นับได้ว่าเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคนดีมาก
ภัตตาคารจินหัวอยู่ห่างจากบริษัทพอสมควรดังนั้นกว่า อวี้ฮ่าวหรานจะขับรถไปถึงก็ปาเข้าเกือบ 5 โมงเย็น
“พ่อจ๋า พี่สาวฟ่านซีเหยียนอยู่ที่ไหน?”
ในทันทีที่เข้าไปในร้านอาหาร ถวนถวนเอ่ยปากขึ้นถามทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็เจออีกฝ่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในสุดของภัตตาคาร
วันนี้อีกฝ่ายสวมหมวกแก๊ป ผ้าปิดปากและแว่นตากันแดดอันใหญ่
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะปกปิดใบหน้าเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาที่เฉียบคมของอวี้ฮ่าวหราน
หลังจากเห็นแล้วว่าฟ่านซีเหยียนนั่งอยู่ที่ไหน อวี้ฮ่าวหรานจูงถวนถวน เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามอีกฝ่ายทันที
“เอ๊ะ? พ่อจ๋าพี่สาวคนนี้เป็นใคร?”
ถวนถวนจำไม่ได้ว่าผู้หญิงที่ใส่หมวกและปิดหน้าปิดตามิดชิดฝั่งตรงข้ามเป็นใคร เธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
ฟ่านซีเหยียนเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยสงสัย เธอจึงค่อย ๆ ถอดผ้าปิดปากและแว่นตาออกและยิ้มให้กับ ถวนถวน
“พี่สาวฟ่านซีเหยียน!”
“ชู่ววว!”
ถวนถวนพูดขึ้นเสียงดังด้วยความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ ฟ่านซีเหยียนรีบเอานิ้วทาบที่ปากของเธอเองเพื่อส่งสัญญาณให้เด็กน้อยอย่าพูดเสียงดัง
เธอกังวลว่าหากคนในร้านรู้ว่าเธอเป็นใคร การทานอาหารวันนี้คงไม่สงบสุขแน่นอน
“อื้ม ๆ พี่สาวฟ่านซีเหยียน หนูขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม? ถวนถวน อยากเอาไปอวดเพื่อนๆ!”
ถวนถวนเอ่ยขึ้นขอเสียงเบาอย่างรู้ความ
“ได้เลย! หนูนี่น่ารักจริงๆ!”
ฟ่านซีเหยียนอดใจกับความน่ารักของถวนถวนไม่ไหวจนลูบหัว ถวนถวนเบา ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน…
“ถวนถวนได้เอาสมุดหรือรูปถ่ายของพี่มาหรือเปล่าจ้ะ?”
“อืม…หนูไม่ได้เอามาด้วย…ไม่สิพี่สาวเซ็นให้หนูที่เสื้อก็ได้! วันจันทร์หนูจะเอาไปอวดเพื่อน ๆ ของหนู ทุก ๆ คนชอบพี่สาวฟ่านซีเหยียนกันหมดเลย!”
เด็กน้อยพูดขึ้นก่อนที่จะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาฟ่านซีเหยียน
“ได้เลยๆ”
ฟ่านซีเหยียนไม่ลังเลที่จะเขียนลายเซ็นให้กับเด็กน้อย เธอเขียนลายเซ็นลงไปที่ตรงอกเสื้อของถวนถวน
“นี่คุณจำเป็นต้องแต่งตัวให้มันประหลาดแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
หลังจากแจกลายเซ็นกันเสร็จเรียบร้อยและถวนถวนกลับมานั่งที่เก้าอี้ เหมือนเดิม อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าแปลกประหลาดใจ
“ก็ถ้าฉันไม่แต่งตัวแบบนี้ทุกคนก็จำฉันได้หมดน่ะสิ! คุณลองคิดสิว่าถ้าทุกคนจำฉันได้เราจะได้กินข้าวกันแบบเงียบ ๆ งั้นเหรอ? ทุกคนในร้านคงต่างกรูกันเข้ามาขอลายเซ็นฉันหรือต่อให้ฉันเซ็นให้ทุกคนจนหมดแล้วพวกเขาคงเอาแต่จับจ้องเราตาไม่กระพริบ”
ฟ่านซีเหยียนตอบกลับพลางใส่แว่นและผ้าปิดปากเหมือนเดิมก่อนที่จะพูดต่อ “เรื่องการแต่งตัวของฉันคุณไม่ต้องสนใจหรอก เอาเป็นว่าวันนี้ให้ฉันได้เลี้ยงข้าวคุณเพื่อเป็นการขอบคุณก่อนจะดีกว่า”
หลังจากพูดจบ ฟ่านซีเหยียนหยิบเมนูส่งให้อวี้ฮ่าวหราน
“ภัตตาคารแห่งนี้เป็นที่ ๆ ฉันชอบมากินมากที่สุด เมนูที่ฉันสั่งประจำก็คือล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ ๆ อบชีส คุณกับถวนถวนลองสั่งมากินสิรับรองไม่ผิดหวัง!”
คำพูดของฟ่านซีเหยียนฟังดูน่าคล้อยตามเป็นอย่างมากจน ถวนถวน เริ่มน้ำลายสอ