“พ่อจ๋า กุ้งล็อบสเตอร์น่ากินเหมือนที่พี่สาวฟ่านซีเหยียนบอกเลย!”
หลังจากที่กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ถวนถวนพูดพลางตบมือด้วยความตื่นเต้น
“มาจ้ะ เดี๋ยวพี่สาวจะแกะเปลือกกุ้งให้ถวนถวนนะ!”
หลังจากพูดจบ ฟ่านซีเหยียนแกะเปลือกกุ้งให้กับถวนถวนและตัดเนื้อชิ้นใหญ่พร้อมกับจุ่มซอสสูตรพิเศษของทางร้านให้กับถวนถวน
“อู้ว! อร่อยจังเลย! ถวนถวนไม่เคยกินกุ้งที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ถวนถวนชอบพี่สาวฟ่านซีเหยียนที่สุดเล้ย!”
เนื้อกุ้งที่จุ่มซอสแสนอร่อยทำให้ถวนถวนอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นภาพนี้…อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มกว้างออกมา
ตราบใดที่ลูกสาวมีความสุขเขาก็มีความสุขเช่นกัน
หลังจากฟ่านซีเหยียนป้อนกุ้งให้กับถวนถวน จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงด้วย หลังจากที่วันนั้นคุณช่วยฉันเอาไว้ มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณบ้างหรือเปล่า? คนพวกนั้นตามหาเรื่องคุณอีกบ้างไหม?”
เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวลกลัวว่า อวี้ฮ่าวหรานจะต้องมาเดือดร้อนเพราะเธอ
“มีปัญหางั้นเหรอ? หึหึ ไม่มีหรอก คนอย่างพวกนั้นไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับผมได้”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ เขาพูดขึ้นราวกับคนเหล่านั้นเป็นแค่ตัวประกอบที่ไม่น่าสนใจอะไร
แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะมองข้ามนักเลงธรรมดา ๆ พวกนั้น
หลังจากกินกันไปอีกครึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็จัดการอาหารบนโต๊ะจนหมดและเตรียมตัวที่จะกลับ
“ให้ผมไปส่งคุณไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานเห็นว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ตามลำพังดังนั้นเขาจึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกใครรังแกเข้าอีก เขาจึงเอ่ยปากอาสาไปส่ง
“ไม่เป็นไร ขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณแต่ตอนนี้รถของฉันมารอที่ด้านนอกแล้ว ฉันสามารถกลับเองได้”
“โอเคถ้างั้นพวกเราไปกันเถอะ ถวนถวน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าก่อนที่จะอุ้มถวนถวนและเดินออกจากร้านไปในทันที
หลังจากออกไปจากร้าน ฟ่านซีเหยียนก็ขอบคุณเขาอีกครั้ง
“ไม่ว่าคุณจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ฉันขอขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยฉันเอาไว้…ฉันขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกมันเรื่องเล็กน้อย”
อวี้ฮ่าวหราน พยักหน้าจากนั้นเขาเดินไปขึ้นรถของเขา
ในตอนที่ร่ำลาน้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนมากกว่าเดิม เพราะเขารู้สึกดีกับอีกฝ่ายมากขึ้นที่สามารถทำให้ลูกสาวของเขายิ้มได้
เขาตัดสินใจว่าถ้าหากอีกฝ่ายมีปัญหาอะไรอีกในอนาคตและโทรหาเขา เขาคงยินดีไปช่วยเหลืออีกครั้ง
ภายในรถ
“พ่อจ๋า ถวนถวนชอบพี่สาวฟ่านซีเหยียนจังเลย ครั้งหน้าถ้าพ่อจะมาเจอกับพี่สาวพ่อต้องพาถวนถวนมาด้วยนะ!”
“ได้เลย!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เบิกบานของลูกสาวตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก
ในระหว่างทางกลับ ท้องฟ้าในตอนนี้ได้มืดลงแล้ว ถวนถวนที่กำลังมองดูข้างทางผ่านหน้าต่างรถจู่ ๆ ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พ่อจ๋าดูสิ ดอกไม้ไฟ!”
“ให้พ่อพาไปดูใกล้ ๆ เอาไหม?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“อื้ม!” เด็กน้อยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปจอดที่สวนสาธารณะซึ่งกำลังมีงานจุดดอกไม้กันอยู่
เมื่อมองดูดอกไม้ไฟที่สวยงาม อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีตตอนที่เขากับหลี่เม่ย เคยดูดอกไม้ไฟด้วยกันที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง
ถึงแม้ว่ามันจะนานมาแล้วแต่เขาก็ยังคงจำมันได้ว่าตอนนั้นเขากับหลี่เม่ยมีความสุขกันมาก
เขาอยากให้ช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมาเร็ว ๆ จริงๆ
…
กว่าจะกลับถึงคอนโด เวลาก็ปาเข้าไปถึง 4 ทุ่ม
อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนเย็นเขาได้โทรบอกหลี่หรงไปแล้วว่าวันนี้จะพาถวนถวนกลับบ้านดึก ดังนั้นอีกฝ่ายควรจะนอนหลับไปแล้ว
แต่แล้วหลังจากที่เปิดประตูห้องเข้าไป เขากลับพบว่าไฟที่ห้องนั่งเล่นยังคงเปิดสว่างอยู่
“นี่มันก็ดึกมากแล้วทำไมเธอยังไม่ไปนอนอีก?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หลี่หรงยังคงนั่งเล่นกับเจ้าลูกกวาดอยู่ที่โซฟา แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตู เธอหันกลับมามองด้วยแววตาที่ยังคงขุ่นเคือง
“เหรอ? พี่รู้ด้วยเหรอว่าตอนนี้มันดึกแล้ว!”
แน่นอนว่าเธอยังคงอารมณ์ค้างจากเมื่อวาน และวันนี้อวี้ฮ่าวหรานก็ยังกลับดึกอีก!
“แม่หรง! วันนี้หนูได้เจอฟ่านซีเหยียนด้วยแหละ!”
ในทางกลับกัน ถวนถวนที่ไร้เดียงสาไม่รู้เลยว่าน้าของเธอกำลังไม่พอใจพ่อของเธออยู่ เด็กน้อยวิ่งเข้าไปอวดลายเซ็นของฟ่านซีเหยียนที่อกเสื้อทันที
“หืม? ฟ่านซีเหยียน?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของถวนถวน หลี่หรงลืมอารมณ์ขุ่นเคืองของเธอทันที เธอมองดูถวนถวนและลายเซ็นบนเสื้อของเด็กน้อยด้วยอาการตกตะลึง
“ใช่! นี่ไงหนูได้ลายเซ็นมาด้วย แถมวันนี้หนูได้กินกุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่มาด้วยแหละ อร่อยที่สุดเล้ย!”
“เฮ้ นี่มันลายเซ็นของฟ่านซีเหยียนของจริงเลยนี่นา!” หลังจากหายจากอาการตกตะลึง หลี่หรงเพ่งมองดูที่ลายเซ็นบนอกเสื้อของเด็กน้อยอีกครั้งชัด ๆ จากนั้นเธอตะโกนร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เสื้อตัวนี้จะเอาไปซักไม่ได้เด็ดขาด!”
ด้วยความตื่นเต้นและดีใจ เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“เอ๊ะ? แต่ถ้าเราไม่เอาไปซักมันจะเหม็นนะแม่หรง!”
“เสื้อตัวนี้…ถวนถวนไม่จำเป็นต้องใส่มันอีกแล้ว เราจะเอามันใส่กรอบรูปเก็บเอาไว้โชว์อย่างเดียว!”
“ต…แต่ แม่หรง หนูอยากจะใส่เสื้อตัวนี้ไปอวดเพื่อน ๆ ของหนูที่โรงเรียนวันจันทร์นะ!” ถวนถวน พูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ถ้าอย่างนั้น…เอาเป็นว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้หนูใส่ไปทั้งแบบนี้แหละไม่ต้องซักแล้วจากนั้นแม่หรงจะเอามันเก็บใส่กรอบ!”
หลี่หรงรู้สึกจนใจเมื่อเห็นสีหน้าของถวนถวน เธออยากจะเก็บเสื้อตัวนี้เอาไว้ทันที แต่เธอก็ทนเห็นถวนถวนผิดหวังไม่ได้
และยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้สึกผิดหวังมากกว่าที่ไม่ได้เจอกับฟ่านซีเหยียนด้วยตัวเอง…
แต่แล้วเมื่อเธอคิดได้ถึงจุดนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีกรอบ!
โอกาสดี ๆ แบบนี้ทำไมพี่เขยถึงไม่ชวนเธอ!!!
เขากล้าปล่อยให้เธอนั่งเล่นอยู่กับหมาที่บ้านได้ยังไง!?
“พี่เขย! ทำไมพี่ถึงไม่ชวนฉันไปด้วย! ฉันเองก็อยากจะเจอกับไอดอลของฉันเหมือนกัน!”
เธอโมโหมากจริง ๆ รอบนี้โดยเฉพาะเมื่อรวมกับเรื่องที่ช่วงนี้พี่เขยของเธอกลับบ้านดึกทุกวันมันก็ยิ่งทำให้เธอโกรธจนแทบควันออกหู!
“อ…เอ่อ…พี่…ลืมไปขอโทษที…”
เมื่อเผชิญกับความโกรธเคืองของหลี่หรง อวี้ฮ่าวหรานไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี เขารู้สึกผิดจริง ๆ ที่ลืมชวนหลี่หรงไปด้วย
“พี่เขย! ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่า พี่สาวของฉันชอบพี่ได้ยังไงตั้งแต่แรก!”
หลี่หรงรู้สึกโกรธมาก ๆ จนเธอเริ่มสงสัยว่าพี่สาวของเธอตกหลุมรักผู้ชายที่ซื่อบื้อขนาดนี้ได้ยังไง?
ไม่กลับบ้านว่าแย่แล้วแต่นี่ไม่คิดถึงจิตใจเธอบ้างเลยว่าเธอเองก็อยากจะเจอไอดอลของเธอเหมือนกันแบบนี้เธอรับไม่ได้!
เมื่อเห็นว่าหลี่หรงโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ อวี้ฮ่าวหราน เกาหัวไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี
“เอ่อ…เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าช่วงนี้เจ้าลูกกวาดมันฉลาดขึ้นเยอะ…เลย?”
หลี่หรง “???”
นี่นายเปลี่ยนประเด็นเอาดื้อ ๆ แบบนี้เลยงั้นเหรอ?