เมื่อถูกเปลี่ยนประเด็นเอาดื้อ ๆ แบบนี้ หลี่หรงก็รู้สึกโกรธจนหัวแทบระเบิด
“ฉันง่วงแล้ว! ฉันไปนอนก่อนล่ะ!”
หลังจากตะคอกจบ เธอกระทืบเท้ากลับเข้าไปในห้องนอนของเธอเองและปิดประตูเสียงดังเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอโกรธจริงๆ
ที่ด้านนอก อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกจนใจจริง ๆ เพราะเขาเองก็ลืมเรียกหลี่หรง ไปซะสนิท
“พ่อจ๋า แม่หรงโกรธมากเลยพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ถวนถวนกระตุกชายเสื้อของอวี้ฮ่าวหรานและเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มตอบอย่างขมขื่น…
สองวันถัดมา…วันจันทร์
หลังจากเลิกงานแล้ว อวี้ฮ่าวหรานรีบขับรถตรงมาที่โรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงทันที
ขณะนี้เวลา 4 โมงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของถวนถวนพอดี
“พ่อจ๋า หนูมาแล้ว!”
ถวนถวนเดินออกมาพร้อมกับสวีรุ่ยตามเคย เด็กน้อยตะโกนทักทายทันทีที่เห็นพ่อของเธอ
“ถวนถวน วันนี้สนุกไหมลูก?”
อวี้ฮ่าวหรานยกถวนถวนขึ้นมาอุ้มก่อนจะถามอย่างอ่อนโยน
“สนุก! วันนี้เพื่อน ๆ ของหนูชอบหนูกันหมดเลย ลายเซ็นของพี่สาวฟ่านซีเหยียนดีที่สุดเลยพ่อจ๋า!”
ในขณะเดียวกัน สวีรุ่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งหลายวันก่อนเธอได้ข่าวแล้วว่าหลี่เม่ยที่มากับอวี้ฮ่าวหรานวันนั้นคือตัวปลอมซึ่งส่งผลให้เธอโล่งใจอย่างน่าประหลาด อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นถามว่า
“ฉันไม่เห็นคุณมารับถวนถวนหลายวันเลย”
“ว่าแต่ถวนถวนได้ไปเจอฟ่านซีเหยียนจริง ๆ เหรอ? เธอบอกกับเด็กนักเรียนในห้องทุกคนว่าลายเซ็นบนเสื้อของเธอคือลายเซ็นของฟ่านซีเหยียนและนั่นทำให้นักเรียนในห้องตื่นเต้นกันหมดเลย”
สวีรุ่ยเองก็ชอบฟ่านซีเหยียนเช่นกัน เธอรู้ว่าเมื่อเดือนที่แล้วฟ่านซีเหยียน มาแสดงคอนเสิร์ตในเมือง แต่เธอไม่สามารถไปดูได้เพราะค่าตั๋วมันแพงเกินไป และฟ่านซีเหยียนก็เป็นนักร้องที่ดังระดับประเทศดังนั้นเธอจึงสงสัยว่ามันเป็นความจริงเหรอที่ถวนถวนไปได้ลายเซ็นของฟ่านซีเหยียนมาจากเจ้าตัวจริงๆ
อวี้ฮ่าวหรานยักไหล่และตอบกลับอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่เห็นจะน่าแปลกอะไรเลย เมื่อ 2 วันที่แล้วผมเพิ่งไปทานอาหารเย็นกับฟ่านซีเหยียน ดังนั้นมันจะแปลกอะไรที่ลูกสาวของผมได้ลายเซ็นมา?”
“หา? นี่คุณไปทานข้าวกับฟ่านซีเหยียนมางั้นเหรอ?”
สวีรุ่ยเบิกตากว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าอวี้ฮ่าวหรานเพิ่งไปกินข้าวกับ ฟ่านซีเหยียนคนดังมา!
นี่ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
แถมเขายังทำท่าทางราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีกต่างหาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มสงสัยอย่างจริงจังว่าสรุปแล้วอวี้ฮ่าวหรานรวยขนาดไหนกันแน่?
“ฉันอยากเจอฟ่านซีเหยียน บ้างจริงๆ”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สวีรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
หลังจากคุยอะไรกันไปได้อีกนิดหน่อย อวี้ฮ่าวหรานจึงพาถวนถวนกลับขึ้นรถ
ระหว่างทาง
ถวนถวนเล่าประสบการณ์วันนี้ของเธอในโรงเรียนด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“พ่อจ๋า พ่อรู้หรือเปล่าว่าเพื่อน ๆ ของหนูชอบฟ่านซีเหยียนกันทุกคนเลย! พอหนูเอาลายเซ็นออกมาอวดทุกคนเข้ามามุงดูกันใหญ่เลยแถมยังแบ่งขนมให้หนูตั้งเยอะแน่ะ! วันนี้หนูมีความสุขมากเล้ย!”
ในระหว่างที่เล่า เด็กน้อยแสดงสีหน้าร่าเริงเป็นอย่างมากพลางลูบลายเซ็นของฟ่านซีเหยียนไม่หยุดราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า…
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นภาพนี้ ตราบใดที่ถวนถวนมีความสุข เขาเองก็มีความสุขเช่นกัน
ดูเหมือนว่าหากมีโอกาส ในอนาคตเขาคงต้องไปเจอฟ่านซีเหยียน บ่อยๆ
เมื่อถึงคอนโด
หลี่หรงกำลังวุ่นอยู่ในห้องครัวเช่นเดิม แถมบนโต๊ะอาหารวันนี้มีกล่องขนมไหว้พระจันทร์วางอยู่ด้วย
ที่ด้านบนกล่องมีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ซึ่งเป็น เทศกาลตามวัฒนธรรมที่มีขึ้นทุก ๆ กลางฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี
สิ่งนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานนึกได้ว่านี่มันก็เกือบ8เดือนครึ่งแล้วที่เขากลับมาจากดินแดนแห่งเทพ!
“เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง…”
เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
ใช่ โลกมนุษย์มีเทศกาลนี้อยู่ แต่ที่ดินแดนแห่งเทพไม่มีอะไรแบบนี้
อันที่จริงเมื่อตอนที่เขาอยู่ในดินแดนแห่งเทพ เขาไม่เคยนึกถึงเทศกาลพวกนี้เลยเพราะทุก ๆ วันเขาเอาแต่พยายามเอาชีวิตรอด
มันนานแล้วจริง ๆ ที่เขาไม่ได้อยู่ฉลองเทศกาลนี้…เทศกาลที่มีแต่ความสุข…
ดีจริง ๆ ที่เขาพยายามอย่างหนักจนสามารถฝ่ากำแพงมิติกลับมาที่นี่ได้!
ที่ ๆ เขาไม่จำเป็นต้องตื่นตัวตลอดเวลา หรือพะวงว่าจะมีใครพยายามลอบสังหารเขาหรือเปล่า?
ในขณะเดียวกับที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังคิดอะไรไปไกล หลี่หรงก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับยกอาหารมาตั้งบนโต๊ะ
“พี่เขย พี่เป็นอะไร ทำไมถึงจ้องขนมไหว้พระจันทร์ด้วยสายตาเหม่อลอยแบบนั้น?”
วันนี้เธออารมณ์ดีขึ้นมากแล้วจากอาการโกรธเมื่อสองวันก่อน
“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่จู่ ๆ ก็นึกถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อปีก่อนๆ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับพลางถอนหายใจ
“อืมนี่มันเกือบจะกลางฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ขนมไหว้พระจันทร์ของร้านนี้ฉันสั่งมาแจกคนในบริษัทของฉันทุกปี ร้านนี้ทำได้ดูดีและอร่อยมาก ๆ เลยล่ะ”
หลี่หรงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้หลังจากจัดโต๊ะอาหารเสร็จ
“ว่าแต่พี่เขย…ที่บริษัทพี่ไม่มีแจกขนมไหว้พระจันทร์งั้นเหรอ? นี่มันก็ใกล้จะถึงกลางฤดูใบไม้ร่วงแล้วนะ บริษัทส่วนใหญ่ต่างก็แจกขนมไหว้พระจันทร์ให้กับพนักงานกันทั้งนั้น”
หลี่หรงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ขณะนี้บริษัทของอวี้ฮ่าวหรานกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีผลกำไรที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นการแจกขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นเรื่องที่สมควร
“ขนมไหว้พระจันทร์งั้นเหรอ… อืม เอาไว้พรุ่งนี้พี่ไปที่บริษัทพี่จะให้คนจัดการเรื่องนี้”
เนื่องจากเขาลืมไปเลยว่ามีเทศกาลนี้อยู่ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีแผนว่าจะแจกขนมไหว้พระจันทร์ให้กับคนในบริษัท
“อืม ดีแล้ว ๆ ตอนนี้บริษัทพี่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วพี่ต้องไม่ขี้เหนียวกับพวกพนักงานนะจำไว้!”
หลี่หรงพูดขึ้นด้วยสีหน้าหยอกล้อปนภาคภูมิใจ ในที่สุดบริษัทเล็ก ๆ ของเธอก็มีบางอย่างที่เอาชนะบริษัทสุดใหญ่โตของพี่เขยเธอได้บ้างแล้ว!
อวี้ฮ่าวหรานแสดงสีหน้าจนใจ เขาลืมเรื่องนี้ไปเลยจริงๆ
เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลสำคัญของคนจีน ดังนั้นมันจึงจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องแจกขนมไหว้พระจันทร์ให้กับพนักงานของตัวเองหากมีงบมากพอ
“แม่หรง…วันนี้ที่โรงเรียนสนุกมากเลย!”
ถวนถวนไม่เข้าใจประเด็นในบทสนทนาของผู้ใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นเด็กน้อยจึงเปลี่ยนเรื่องคุยไปในเรื่องที่เธอตื่นเต้น
“เพื่อน ๆ ของหนูทุกคนชอบลายเซ็นของฟ่านซีเหยียนกันหมดเลย! ทุก ๆ คนเข้ามาเล่นกับหนูกันหมดและทุก ๆ คนต่างอยากได้ลายเซ็นของ ฟ่านซีเหยียนกันทุกคนเลย!”
หลังจากนั้นทั้งอวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงต่างหัวเราะในความน่ารักของ ถวนถวน และทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าวและขนมไหว้พระจันทร์กล่องใหญ่อย่างมีความสุข
…
วันถัดมา
อวี้ฮ่าวหรานไปถึงบริษัทเร็วเป็นพิเศษ เมื่อไปถึงเขาเรียกผู้จัดการหวังให้เข้ามาพบทันที
“ที่ผมเรียกคุณมาพบวันนี้เพราะต้องการอยากให้คุณจัดการเรื่องขนมไหว้พระจันทร์ ตอนนี้มันใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วผมอยากจะแจกขนมไหว้พระจันทร์ให้กับพนักงานทุกคนในบริษัทเรา”
“ขนมไหว้พระจันทร์…”
ผู้จัดการหวังแสดงสีหน้าลังเลเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“เอ่อ…ท่านประธานอันที่จริงบริษัทของเราไม่มีนโยบายแจกขนมไหว้พระจันทร์มานานแล้วเพราะก่อนหน้านี้หลี่จิงเทียนเสนอให้ยกเลิกไปด้วยเหตุผลว่ามันสิ้นเปลือง”
ด้วยสาเหตุนี้ทุกคนในบริษัทจึงคิดเหมือนกันหมดว่าบริษัทจะไม่แจกขนมไหว้พระจันทร์แน่นอน ซึ่งในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับลืมเทศกาลนี้ไปซะสนิท…