วันถัดมา…
กระแสข่าวที่โหมกระหน่ำยิ่งทำให้ยอดขายและราคาหุ้นของบริษัทไป๋เชาดิ่งลงเหว ถึงแม้ว่ามันจะไม่นักหนาเท่ากับที่บริษัทชิวเฮิงเผชิญเพราะไม่มีหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง แต่ผลกระทบนี้ก็นับได้ว่าไม่น้อยเลย
ในออฟฟิศของหวังเจา
“ท่านประธาน ตอนนี้ข่าวในอินเตอร์เน็ตกำลังร้อนแรง มันส่งผลให้ยอดขายของเราตอนนี้ตกลงไปแล้วมากกว่า 30% พวกเราคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแล้ว”
“เอาหนังสือพิมพ์มาให้ฉันดูซิ!”
ยิ่งฟังรายงานมากเท่าไหร่ สีหน้าของหวังเจาก็ยิ่งมืดหม่นลง เขาไม่นึกเลยว่าตัวเองจะตื่นมาพร้อมกับข่าวร้ายขนาดนี้
“ท่านประธานนี่คือหนังสือพิมพ์ของเช้านี้ครับท่าน…”
คนของหวังเจาส่งหนังสือพิมพ์ให้กับเขา
หวังเจาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาซึ่งเขาไม่ต้องเสียเวลาเปิดไปอ่านหน้าอื่นเลย ที่หน้าแรกมีชื่อบริษัทของเขาตัวใหญ่พิมพ์อยู่อย่างชัดเจน
‘ข่าวด่วน! ฉาววงการเวชภัณฑ์ บริษัทไป๋เชาผู้อยู่เบื้องหลังแผนร้ายบ่อนทำลายสองบริษัทยักษ์ใหญ่ร่วมวงการ!’
ถัดมาหลังจากที่เขาอ่านเนื้อหาด้านในไปได้แค่ครึ่งเดียว หวังเจาก็เขวี้ยงหนังสือพิมพ์ลงไปที่พื้นอย่างโกรธจัด
“บัดซบ!! ไอ้ข่าวนี่มันเขียนขึ้นมากล่าวหาฉันลอย ๆ ชัด ๆ มันไม่ได้เป็นแบบที่มันเขียนสักหน่อย! ไอ้พวกนักข่าวมันกล้าดียังไงถึงเขียนข่าวให้ร้ายบริษัทฉันแบบนี้!!”
“ทำไม! บอกฉันหน่อยสิว่าทำไมบทความที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ มารองรับถึงได้รับความสนใจมากขนาดนี้? ใครกันที่มันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!?”
หวังเจาตั้งคำถามกับคนของเขาอย่างเดือดดาล แค่อ่านก็รู้แล้วว่าคนเขียนบทความนี้พุ่งเป้าโจมตีมาที่ไป๋เชาโดยตรงทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานอะไร แต่มันกลับโด่งดังอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าการที่ข่าวมันแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วแบบนี้มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง!
“เอ่อ…ท่านประธาน จากการที่ผมให้คนไปตรวจสอบเบื้องต้น ผมพบว่าหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ผลักดันให้ข่าวนี้มันโด่งดังมากขึ้นไปอีกคือบริษัทฉีถง…”
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
หวังเจาตะโกนขึ้นอีกครั้ง เขายิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เป็นมันอีกแล้วงั้นเหรอ! นี่ฉันประมาทไอ้ผอมนั่นมากไปหน่อยใช่ไหม!?
อีกด้านหนึ่ง
แทบจะในทันทีที่ อวี้ฮ่าวหรานเดินทางไปถึงบริษัทของเขาเอง เฉิงกัวอัน ก็โทรเข้ามาหาเขา
“ฮ่าวหราน นายได้อ่านข่าววันนี้แล้วรึยัง? ผลลัพธ์ของมันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ฮ่า ๆๆ! แผนของเราได้ผลเกินคาดมาก!”
เฉิงกัวอันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบิกบานสุดขีด เขาสะใจเป็นอย่างมากที่ได้แก้แค้นถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตามอวี้ฮ่าวหรานก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“แน่นอนว่ามันต้องได้ผล แต่นี่มันยังไม่เพียงพอ เราต้องเอาคืนหวังเจา ให้มากกว่านี้”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ เฉิงกัวอันก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ดี! ดีเลย! เราต้องเอาคืนให้มากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ฉันทรมานมามาก เราต้องเอาคืนให้สาสม ฮ่าวหราน ฉันขอขอบคุณนายอีกครั้งจริง ๆ ที่ช่วยเหลือฉันมากขนาดนี้!”
เมื่อได้ยินคำขอบคุณอย่างจริงใจของเฉิงกัวอันอวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างพึงพอใจ
อันที่จริงความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับความสามารถในการปั้นข่าวของหว่านเฮิงด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ได้อีกฝ่ายบทความที่ออกมาคงไม่แนบเนียนพอที่จะชักจูงความเชื่อของผู้คนได้ขนาดนี้
…
ที่อีกด้านหนึ่งในคลับแห่งหนึ่งของแก็งค์มังกรคราม
เฉินซิวกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในออฟฟิศของเขาเองด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างไรก็ตามเมื่อเปิดอ่านไปเรื่อย ๆ ถึงหน้าข่าววงการบันเทิง ดวงตาของชายหนุ่มก็หรี่ลง
“จิ๊! จิ๊! น่าสนใจจริง ๆ ไม่นึกเลยว่าเมียของอวี้ฮ่าวหรานที่แท้แล้วคือ ฟ่านซีเหยียน โอ้แถมทั้งคู่มีลูกด้วยกันแล้วอีกต่างหาก”
เฉินซิวพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แต่แล้วจากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องหลังงานคอนเสิร์ตได้
“อ้อมิน่าล่ะวันนั้นอวี้ฮ่าวหรานถึงช่วยฟ่านซีเหยียนเอาไว้ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
เขาถอนหายใจยาวเมื่อนึกถึงเรื่องในวันนั้น โชคดีที่คนของเขายังไม่ได้ทำอะไรฟ่านซีเหยียน ไม่เช่นนั้นอวี้ฮ่าวหรานคงไม่ปล่อยให้แก็งค์มังกรครามทั้งหมดรอดชีวิตไปได้แน่ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้อีกรอบ ก็เกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว เขาจำได้ว่าหัวหน้าแก็งค์ต้องการจะล้างแค้นอวี้ฮ่าวหรานอยู่นี่นา?
ถ้าเขาบอกข่าวนี้กับหัวหน้าแก็งค์ล่ะก็…
เมื่อโอกาสสร้างผลงานมาถึง เฉินซิวรีบโทรออกไปหาหยวนหลงทันทีและเล่ารายละเอียดข่าวทุกอย่างให้กับหัวหน้าแก็งค์ของเขาฟัง
“ผมมั่นใจว่าเป็นเรื่องนะหัวหน้าเพราะทั้งรูปถ่ายและบทความทั้งหมดมันดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก พวกเขาถึงขนาดมีลูกด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ”
เฉินซิวยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“โอ้ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็…”
หยวนหลงเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อครุ่นคิดถึงแผนว่าจะเล่นงานอวี้ฮ่าวหราน จากข่าวนี้ยังไงดี
สามีทุกคนล้วนมีภรรยาเป็นจุดอ่อนอยู่แล้วจริงไหม?
ในเมื่อพวกเขาสู้ตรง ๆ ไม่ได้ถ้างั้นใช้แผนนี้มันก็น่าจะได้ผล!
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ หยวนหลงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไอ้อวี้ฮ่าวหรานมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เราจะจัดการมันได้ด้วยกำลัง ดังนั้นตอนนี้เราจะเล่นงานไปที่เมียของมันแทน ครั้งนี้ฉันขอมอบโอกาสให้แกได้สร้างผลงาน”
“โอกาส?”
เฉินซิวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่หัวหน้าแก็งค์มอบโอกาสสร้างผลงานให้กับเขา
“แกจงไปสืบหาที่อยู่ของฟ่านซีเหยียน และลักพาตัวนังนั่นมาซะ!”
หยวนหลงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ ตอนนี้เขามีแผนอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เฉินซิวสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งนี้
“ล…ลักพาตัว? นี่หัวหน้าต้องการให้ผมลักพาตัวเมียของอวี้ฮ่าวหราน งั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของเต็มไปด้วยความกลัว เขาเคยสู้กับอีกฝ่ายมาแล้วดังนั้นจึงรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถฆ่าเขาได้ไม่ยากเลย
ในตอนนี้เมื่อเขาเผชิญกับคำสั่งที่เสี่ยงตายขนาดนี้จึงอดไม่ได้ที่จะลังเล
“ไม่ต้องกังวลฉันรู้ว่าแกแข็งแกร่งแค่ไหน ดังนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้แกเสี่ยงตาย แกแค่ลักพาตัวฟ่านซีเหยียน มากักตัวไว้เฉย ๆ เพื่อรอให้ฉันจัดการกับอวี้ฮ่าวหรานก็พอ ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่าไอ้อวี้ฮ่าวหรานมันจะต้องยอมคุกเข่าขมาให้เราแน่นอน!”
หยวนหลงพูดให้กำลังใจอีกฝ่ายโดยไม่โกรธเคืองเพราะเขาเข้าใจดีว่าทำไมลูกน้องของเขาถึงดูลังเล อวี้ฮ่าวหรานนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนแม้แต่ตนเองก็ยังหวาดกลัวเช่นกันหากเผชิญหน้ากันตรง ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่โทษที่พวกลูกน้องแสดงน้ำเสียงหวาดกลัวอย่างชัดเจน
“ก็ได้ ก็ได้ งั้นผมขอเรียกรวมคนของผมก่อนก็แล้วกัน”
เฉินซิวลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบตกลงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่ว่ายังไงหยวนหลงก็เป็นคนมอบวิธีการบ่มเพาะให้กับเขาดังนั้นจึงต้องตอบแทนบุญคุณด้วยความจงรักภักดี