บทที่ 245 ไม่ต่างจากขอทาน
เมื่อเห็นว่าสวีรุ่ยสงบอารมณ์ลงได้อีกรอบ อวี้ฮ่าวหรานจึงเอ่ยขึ้นต่อ
“คุณไปนอนในห้องเถอะ หลายวันมานี้คุณคงไม่ค่อยได้นอนจริงไหม?”
“อืม…”
สวีรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อย แต่หน้าของเธอก็ยังคงซุกอยู่ที่หน้าอกของอวี้ฮ่าวหรานไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปเลย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีที่จะลุกออกไป อวี้ฮ่าวหรานจึงลอบถอนหายใจด้วยความจนใจและพูดขึ้นโน้มน้าวอีกรอบ
“คุณไปนอนในห้องเถอะ ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรทั้งนั้น ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเราน่าจะเจอพ่อคุณแล้วล่ะ”
“ฉ…ฉันขอนอนหนุนตักคุณตรงนี้ได้ไหม?”
สวีรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เธอแอบชอบพร้อมกับเอ่ยขอด้วยความโลภเล็กน้อย
น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อยในขณะที่ขอ เนื่องจากเธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ
หญิงสาวคิดว่าหากวันนี้เธอเข้าไปนอนในห้องคนเดียว คงนอนไม่หลับอีกแน่เพราะความกังวล
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อถูกเอ่ยขอเช่นนี้ก็ผงะไปชั่วแวบหนึ่งก่อนที่จะครุ่นคิดอยู่อีกครู่แล้วก็พยักหน้า
“อืม…เอาแบบนั้นก็ได้”
ปกติเขาปลอบแต่ถวนถวน ดังนั้นเมื่อเจอกับหญิงสาวที่กำลังเสียอกเสียใจ ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าจะต้องปลอบยังไงเพราะมันไม่เหมือนกับการปลอบเด็ก เขาจึงทำได้แต่ตามน้ำตกลงไป
เช้าวันถัดมา
สวีรุ่ยรู้สึกตัวตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เมื่อเธอสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มที่มอบความอบอุ่นให้อยู่ทั้งคืนยังไม่ได้ลุกไปไหน จึงแกล้งหลับต่อเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่เขาให้นานที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่นานต่อมาความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงโทรศัพท์
อวี้ฮ่าวหรานรับสายอย่างรวดเร็วพร้อมกับค่อย ๆ วางศีรษะของสวีรุ่ย ลงบนโซฟาอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะเดินออกไปคุยสายที่ด้านนอก
“น้องอวี้ ฉันมีข่าวคืบหน้ามาบอก!” หวังเหยียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ว่ามา” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ
“เมื่อราวตี 5 กว่า ๆ หนึ่งในลูกน้องของฉันบังเอิญไปเห็นคนมีรูปพรรณคล้ายกับสวีเซี่ยงจวินอยู่แถว ๆ หน้าผับแห่งหนึ่ง แต่ลูกน้องของฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าใช่เขาไหม ส่วนฉันเองก็ไม่ได้เห็นกับตา นายอยากจะไปดูด้วยตัวเองไหมว่าใช่เขาหรือเปล่า?”
หวังเหยียนเอ่ยทุกอย่างที่เขาได้ข่าวมา
เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาระดมคนของเขาทุกคนออกตามหาสวีเซี่ยงจวินทั่วทั้งเมืองฮ่วยอัน และท้ายที่สุดเขาก็ได้ข่าวแค่คนที่มีรูปพรรณคล้ายกันแค่นั้น
“ได้ ส่งที่อยู่ผับนั่นมา ฉันจะไปดูเอง”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับพลางรู้สึกพึงพอใจกับผลงานของหวังเหยียน
เห็นได้ชัดว่าแก็งค์พยัคฆ์เวหาให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเขามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีความคืบหน้าเร็วขนาดนี้ ต้องรู้ว่าเมืองฮ่วยอันไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ ที่จะตามหาคนสักคนเจอได้ง่าย ๆ
หลังจากรู้สถานที่ของผับแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงเดินเข้าไปในบ้านของสวีรุ่ยอีกรอบเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าเขาจะจากไปก่อน แต่แน่นอนว่าจะยังไม่บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องความคืบหน้าล่าสุด เพราะหวังเหยียนเองก็ไม่แน่ใจว่าชายคนที่พบจะใช่สวีเซี่ยงจวินหรือเปล่า
หากไม่ใช่ขึ้นมา เขาไม่ต้องการทำให้สวีรุ่ยผิดหวังซ้ำอีกโดยไม่จำเป็น
ในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานกลับเข้ามาในบ้าน สวีรุ่ยที่ตื่นอยู่แล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันทีและเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“ท…โทรศัพท์เมื่อกี้เกี่ยวกับพ่อของฉันหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่หรอก เมื่อครู่มันธุระของผมน่ะ เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวออกไปจัดการธุระของผมก่อน ส่วนเรื่องของพ่อคุณหากได้ความคืบหน้ายังไงผมจะรีบโทรบอกก็แล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานโกหกด้วยสีหน้าที่แนบเนียน
“อืม คุณไปเถอะ ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวได้แล้ว”
หลังจากหลับอย่างเต็มอิ่มไปเมื่อคืน สีหน้าของสวีรุ่ยตอนนี้จึงดีขึ้นมาก
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดีขึ้นมากแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงพยักหน้าและเดินออกจากบ้านทันที
…
หน้าผับแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากบ้านของสวีรุ่ยพอสมควร
หลังจากขับรถเกือบหนึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปจอดที่หน้าทางเข้า ซึ่งเขาเห็นว่าหวังเหยียนและคนของแก็งค์พยัคฆ์เวหาอีกยี่สิบกว่าคนที่ดูขึงขังยืนคอยอยู่ที่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
คนที่หวังเหยียนพามาด้วยคราวนี้เป็นลูกน้องชั้นหัวกะทิของเขาเอง
“น้องอวี้ นายมาเร็วดีจริง ๆ”
หวังเหยียนเอ่ยทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาหา
“คนที่ว่าอยู่ที่ไหน?”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าทักทายก่อนที่จะถามกลับไปตรง ๆ
“อยู่ที่ตรอกด้านหลังนู่นแน่ะ ฉันเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันยังไม่ได้เข้าไปเห็นเลย ตอนนี้ลูกน้องของฉันกักตัวเขาเอาไว้อยู่ เพื่อรอให้เรามายืนยัน แต่ฉันต้องขอบอกนายเอาไว้ก่อนว่าในตอนที่ลูกน้องของฉันเห็นเขา สภาพของเขาก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของเรา”
ภายใต้การนำของหวังเหยียน ทุกคนเดินเข้าไปในตรอกด้านหลังผับซึ่งที่ด้านในตรอกมีลูกน้องของหวังเหยียนอีกแปดคนกำลังยืนเฝ้าอยู่
“พวกแกไปพาเขาออกมาให้พวกฉันดูหน้าเร็ว”
หวังเหยียนโบกมือออกคำสั่งพวกลูกน้องของตัวเองที่อยู่ในตรอก และในเวลาเพียงชั่วครู่ ชายคนหนึ่งที่มีสภาพเสื้อผ้าซอมซ่อก็ถูกหามออกมา
อวี้ฮ่าวหรานเพ่งมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นและแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“เป็นเขาจริง ๆ!”
อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้มานอนอยู่ในตรอกหลังผับที่ไกลบ้านขนาดนี้ แถมสภาพเสื้อผ้ายังดูสกปรกมอมแมมเป็นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าน่าจะเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมา
ว่าแต่ทำไมถึงไม่กลับบ้าน?
ด้วยความสงสัย อวี้ฮ่าวหรานจึงเดินเข้าไปที่ตรงหน้าสวีเซี่ยงจวินและตบหน้าอีกฝ่ายเบา ๆ เพื่อให้ฟื้นสติ
สวีเซี่ยงจวินเมื่อถูกตบเขาก็เริ่มฟื้นสติขึ้นจากอาการอ่อนเพลีย แต่เมื่อเขาเห็นว่าขณะนี้มีชายฉกรรจ์จำนวนมากกำลังยืนล้อมเขาอยู่ เขาก็ตื่นตระหนกทันที
“ย…อย่าทำผมอีกเลย! ผมไม่มีเงินแล้ว! ผมไม่มีเงินแล้วจริง ๆ!”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังสั่นกลัวจนขาอ่อน หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและนี่ทำให้ดวงตาของเขามีประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“น..นี่..นี่คุณเองงั้นเหรอ! ค…คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่?”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับ
“คือผม…”
เมื่อเผชิญกับคำถามนี้ สวีเซี่ยงจวินก็รู้สึกลังเลที่จะตอบ
แน่นอนว่าเมื่อเห็นความลังเลแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกหงุดหงิดทันที ไอ้คน ๆ นี้นี่มันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด!
“ทำไมคุณถึงไม่กลับบ้าน? คุณรู้หรือเปล่าว่าสวีรุ่ยเป็นห่วงคุณขนาดไหน?” อวี้ฮ่าวหรานถามต่อด้วยเสียงต่ำ
“อ…อันที่จริงผมเองก็อยากกลับเหมือนกัน ต..แต่…”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวของอวี้ฮ่าวหราน สวีเซี่ยงจวินก็รู้สึกกลัวจนน้ำตาเริ่มไหล
“มีปัญหาอะไรก็ว่ามา ฉันจะช่วยแก้ไขให้เอง!”
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่น่าเวทนาของสวีรุ่ยที่เขาเห็นเมื่อคืน ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่พอใจกับสวีเซี่ยงจวินมาก ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องช่วยเหลือชายที่ไร้ความรับผิดชอบคนนี้อีกครั้งด้วยความหงุดหงิดใจ
สวีเซี่ยงจวินที่กำลังร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินว่าอวี้ฮ่าวหรานรับปากว่าจะช่วย เขาก็รีบปาดน้ำตาและคุกเข่าขอบคุณตรงหน้า อวี้ฮ่าวหรานทันที
“ถ้าได้คุณช่วยผมต้องรอดแน่ ๆ ถ้าได้คุณช่วยมันคือเรื่องดีที่สุด! ขอบคุณ ขอบคุณ!”
หลังจากคุกเข่าขอบคุณอยู่ได้สักพัก สวีเซี่ยงจวินก็เริ่มเล่าเรื่องราว
“ค…คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังจากที่คุณช่วยผมคราวก่อน ผมก็ไม่ก้าวเข้าไปเหยียบที่บ่อนไหนอีกเลย แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เพื่อนเก่าของผมที่ชื่อว่าจางไห่ก็มาหาผมและขอยืมเงินผม”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ สวีเซี่ยงจวินหยุดลงครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ทันทีที่ผมปฏิเสธไปบอกว่าผมไม่มีเงินให้ยืม ไอ้จางไห่มันก็ชวนผมไปที่บ่อนเพื่อหาเงิน มันหว่านล้อมผมต่าง ๆ นานาว่ามันมีวิธีทำให้ผมรวย ในตอนแรกผมก็ไม่ได้เชื่อมันหรอก แต่หลังจากที่มันพาผมไปกินเหล้าจนเมามาย มันก็ควักเงินออกมาหนึ่งหมื่นและบอกว่าเงินก้อนนี้มันเพิ่งยืมมาจากแก็งค์เงินกู้”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ สวีเซี่ยงจวินก็หยุดลงอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาด้วยความคับแค้น
“ผมน่าจะรู้ตั้งแต่ตรงนั้นแล้วว่าทุกอย่างมันไม่ชอบมาพากล แต่มันคงเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้าและการโน้มน้าวของมันที่ทำให้ความโลภเข้าครอบงำผมจนมิด ผมก็เลย…”