บทที่ 25 จัดการมด
“เฮ้ยไอ้สวะ ถ้าแกคิดจะโทษใครที่ทำให้แกกับลูกแกต้องตายแล้วล่ะก็ แกควรโทษตัวเองที่บังอาจไปล่วงเกินคนที่แกไม่ควรล่วงเกินซะ!”
“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้าล่วงเกินคุณถง!”
“…”
ภายใต้คำสั่งของชายในชุดสูท บรรดานักเลงทั้งหลายก็ถือท่อนเหล็กวิ่งกรูไปหาอวี้ฮ่าวหราน
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานในตอนนี้ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย เมื่อเห็นว่าพวกนักเลงวิ่งเข้ามาเขาแค่พ่นลมหายใจด้วยความรำคาญ และจู่ ๆ ร่างของเขาก็หายไป!
“ไอ้สวะ คอยดูเหล็กในมือของฉันฟาดเข้าไปที่หัว…อ้าก!!!”
“แค่ก!”
นักเลงคนแรกที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งกำลังเหวี่ยงท่อนเหล็กไปฟาดอวี้ฮ่าวหราน จู่ ๆ ก็ร้องโอดครวญเสียงดังลั่นพร้อมกับปล่อยเหล็กในมือทันที
บรรดานักเลงคนอื่น ๆ ต่างก็หยุดกึกด้วยความตกตะลึง เพราะตอนนี้พวกมันทุกคนเห็นว่าสหายของพวกมันที่ร้องครางด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้น ตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ลงมามันถูกหักงอผิดรูปหลายท่อนอย่างน่ากลัว
สภาพแบบนี้อย่างน้อย ๆ แขนข้างนั้นก็ไม่มีวันกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมตลอดชีวิต!
แต่…แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
นักเลงทุกคนต่างหันไปมองอวี้ฮ่าวหรานที่ปรากฏตัวขึ้นใกล้ ๆ กับนักเลงที่ลงไปนอนร้องโอดโอยที่พื้นด้วยสายตางุนงง
นะ…นี่ไอ้ไก่อ่อนคนนี้ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร จริง ๆ แล้วมันซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้งั้นเหรอ?
“เหอะ! ก็แค่มดแมลง!”
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างดูถูก จากนั้นร่างของเขาก็หายไปอีกรอบ และคราวนี้เสียงร้องระงมก็ดังลั่นไปทั่ว
“พ่อจ๋า เอาเลย เอาเลย ตูมตูม!”
ถวนถวนที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในรถส่งเสียงเชียร์ดังลั่น พร้อมกับออกท่าทางออกหมัดด้วยสีหน้าเบิกบานและหัวเราะร่า
ในความคิดของเด็กน้อย คนพวกนี้ทั้งหมดคือคนเลวที่มารังแกพ่อของเธอและตัวเธอ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสมควรแล้วที่คนพวกนี้จะโดนอัด!
“อ้ากก!! แขนฉัน แขนฉัน…!”
“ช่วยด้วย! อั่ก!”
เสียงร้องที่ไม่ต่างอะไรกับหมูถูกเชือดดังระงมขึ้น ยังดีที่แถวนี้เป็นที่เปลี่ยวไม่มีผู้คน ดังนั้นมันจึงไม่มีใครได้มาเห็นเหตุการณ์นี้ ไม่งั้นคงมีคนโทรแจ้งตำรวจไปแล้ว
ในตอนนี้ไม่มีนักเลงคนไหนอีกแล้วที่แสดงสีหน้าจองหองแบบเมื่อครู่ นักเลงทุกคนต่างแสดงสีหน้าเจ็บปวด และหวาดกลัวต่ออวี้ฮ่าวหรานราวกับตอนนี้พวกเขากำลังเห็นผี
คนผู้นี้มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
ประธานหลี่ นี่แกส่งพวกฉันมาเจอกับปีศาจตนนี้เพราะอยากฆ่าพวกฉันงั้นเหรอ!?
ตอนนี้บรรดานักเลงที่นอนโอดครวญกันอยู่ต่างสาปแช่งคนจ้างวานอยู่ในใจ
“เอาล่ะ ถึงตาแกแล้ว” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพลางจ้องไปที่ชายในชุดสูทเทา
หลังจากที่ลูกน้องของตัวเองโดนอัดจนหมดสภาพในเวลาเพียงชั่วพริบตา ชายในชุดสูทไม่มองว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นหมูในอวยอีกแล้ว เขามองว่าคนผู้นี้อันตรายเกินกว่าที่เขาจะสู้ด้วยมือเปล่าไหว “เหอะ ไอ้หนุ่ม! ฉันยอมรับว่าแกไม่เลวเลย แต่แกเคยได้ยินชื่อของฉันหรือเปล่า ฉันคือเทพมรณะซิงจวินนะโว๊ย!”
“เทพมรณะ?”
อวี้ฮ่าวหรานมองฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาดูถูก ในชีวิตที่แล้วเขาเคยฆ่าเทพมรณะมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่าถ้าหากเทพมรณะตัวจริงได้มารู้ว่าตอนนี้มีไอ้ไก่อ่อนตัวหนึ่งเอาฉายานี้ไปใช้ เทพมรณะตัวจริงคงแหกยมโลกขึ้นมากลืนวิญญาณของไอ้คนผู้นี้แน่นอน!
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเมื่อได้ยินฉายาของตัวเอง แถมยังมองเขาอย่างดูถูกอีกต่างหาก ซิงจวินจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาชักมีดออกมาและพุ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานทันทีพร้อมกับตะโกนว่า
“ไอ้โง่เอ๊ย แกไม่รู้ซะแล้วว่าในชีวิตนี้ฉันฆ่าคนมาแล้วกี่คน!”
อันที่จริงซิงจวินเองก็ไม่ธรรมดาหากเทียบกับพวกนักเลง ดังนั้นแค่เพียงการกระโจนเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็เกือบพุ่งมาถึงตัวอวี้ฮ่าวหราน
“พ่อ!” ถวนถวนตะโกนลั่นทันทีเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามชักมีดพุ่งเข้าหาพ่อของเธอ
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยกับซิงจวินที่ถือมีดวิ่งเข้ามา เขาหันไปหาถวนถวนและพูดว่าอย่างใจเย็นว่า “ถวนถวน ลูกจำเอาไว้ พวกนี้มันเป็นแค่มดแมลง พวกเราไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปกลัว”
เมื่อเห็นภาพนี้ซิงจวินรู้สึกเบิกบานใจทันที เพราะฝั่งตรงข้ามถูกหันเหความสนใจ ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาโจมตีง่ายขึ้น!
“มองไปทางอื่นงั้นเรอะ รนหาที่ตาย!”
แต่แล้วในช่วงวินาทีที่ปลายมีดกำลังเสียบเข้าไปที่คอของอวี้ฮ่าวหราน
จู่ ๆ มีดกลับถูกหยุดลง เพราะถูกอวี้ฮ่าวหรานใช้นิ้วคีบเอาไว้โดยที่ไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ!
“เอาล่ะ ถึงเวลาของแกแล้ว…” อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ หันหน้ากลับมา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จับข้อมือของซิงจวินข้างที่ถือมืด และบีบกระดูกข้อมือข้างนั้นจนแหลกละเอียด ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้มีดหลุดจากการควบคุมของซิงจวินไปในทันที
“อะ อ้ากกกก!! นี่มันเป็นไปได้ยังไง!!!”
ปลายมีดห่างออกไปจากเป้าหมายแค่นิ้วเดียวเท่านั้น!
เขาไม่เข้าใจเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานหยุดมีดของเขาได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หันมามอง แถมด้วยพละกำลังของเขา อวี้ฮ่าวหรานไม่ควรหยุดมีดเขาโดยแค่การใช้นิ้วสองนิ้วคีบมีดของเขาเอาไว้!
ตอนนี้ทั้งความเจ็บปวดที่กระดูกข้อมือของตัวเองถูกบดจนละเอียด และความสิ้นหวังในใจ มันทำให้ซิงจวินเข่าอ่อนจนแทบจะทรุดตัวลงไปกับพื้น แต่เขาทรุดตัวลงไปไม่ได้เพราะอวี้ฮ่าวหรานยังคงกำข้อมือของเขาเอาไว้อยู่
“เอาล่ะ ไหนบอกมาสิว่าไอ้คุณถงอะไรนั่นที่แกกับพวกของแกเอ่ยถึงตลอดมันเป็นใคร?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฉัน ฉันไม่รู้ อ้ากกกก!”
ทันทีที่ซิงจวินบอกว่าไม่รู้ อวี้ฮ่าวหรานโยนมีดที่อยู่ในมืออีกข้างของเขาทิ้ง และใช้มือข้างนั้นจับที่แขนอีกข้างของซิงจวิน และบีบมันจนกระดูกแหลกละเอียดไปอีกข้าง!
“ฉันพูดแล้ว ฉันพูดแล้ว!”
หลังจากเห็นว่าฝั่งตรงข้ามพูดน้อยกว่าทำ และสีหน้าของฝั่งตรงข้ามไม่แยแสเลยในระหว่างที่ทรมานเขา ดังนั้นซิงจวินจึงรู้ว่าหากเขาไม่พูดความจริงออกไปฝั่งตรงข้ามเอาเขาตายแน่ ๆ
“คะ…คนที่จ้างวานให้ผมมาจัดการกับคุณกะ…ก็คือบริษัทเว่ยไห่ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาก็คือคนที่เล่นงานเฉิงกัวอันและลูกสาว แต่ถูกคุณยับยั้งแผนเอาไว้ได้ทัน ดังนั้นครั้งนี้พวกเขาจึงจ้างผมให้มาจัดการกับคุณ!”
ซิงจวินอดกลั้นความเจ็บปวดของตัวเองเอาไว้ และเผยข้อมูลทั้งหมดออกมารวดเดียว เขาชั่งน้ำหนักเอาไว้แล้วว่าต่อให้เขาเผยเรื่องนี้ออกไปแล้วพวกคนที่จ้างเขาจะตามล่าเขา เขาก็ยังมีโอกาสรอดมากกว่าปิดปากเงียบต่อหน้าปีศาจผู้นี้
“ดีมาก” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรเลย
สาเหตุที่เฉิงกัวอันจ่ายเงินให้เขามากถึง 10 ล้านหยวน ที่แท้มันก็เป็นเพราะว่าปัญหานี้มันใหญ่ขนาดนี้นี่เอง
“นะ..น้อ…เอ๊ยไม่ใช่ ๆ! พี่ชาย พี่ชาย! โปรดปล่อยผมไปเถอะนะพี่ชาย!”
เมื่อเห็นสีหน้าของฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นพึงพอใจ ซิงจวินจึงใช้โอกาสนี้อ้อนวอนทันที ไม่หลงเหลือสีหน้าหยิ่งยโสแบบในตอนแรกอีกแล้ว
“อย่าเพิ่งมาพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน ไหนบอกข้อมูลฉันมาว่าไอ้คุณถงอะไรนั่นตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาอีกรอบ
ตอนนี้เขาเริ่มจะโกรธขึ้นมาอีกรอบแล้ว เพราะเขานึกย้อนไปว่าถ้าหากเขายังเป็นคนธรรมดาแบบเมื่อก่อนอยู่ ป่านนี้เขากับลูกไม่ตายไปแล้วงั้นเหรอ? ถ้าเป็นตัวเขาเองคนเดียวมันคงไม่เท่าไหร่แต่ถ้าหากลูกของเขาเป็นอะไรไป…
เมื่อคิดได้เช่นนี้อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจที่จะกำจัดต้นตอของเรื่องนี้ให้มันจบ ๆ ไป
“นี่….เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกครั้งที่คุณถงติดต่อผมมา เขาจะส่งคนของเขามาหาผมเท่านั้น เขาไม่เคยเรียกให้ผมไปหาหรือมาหาผมด้วยตัวเองเลย!”
“กร๊อบ!”
หัวไหล่อีกข้างของซิงจวินถูกบีบจนแหลกละเอียด!
“อ้ากกกก!! ผมไม่รู้จริง ๆ ผมไม่รู้! ผมพูดจริง ๆ นะ…” ซิงจวินตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเมื่อเห็นอาการนี้ของฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามจะพูดความจริง…
ต่อให้เขาจะทรมานไอ้คนผู้นี้ไปมากแค่ไหนเขาก็คงไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มแน่ เพราะมันคงไม่รู้จริง ๆ ดูเหมือนว่ามันน่าจะเป็นแค่พวกหางแถวเท่านั้น ดูจากอาการขี้ขลาดที่มันแสดงออกมาในตอนนี้
เมื่อเข้าใจว่าน่าจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกแล้วแน่นอน อวี้ฮ่าวหรานปล่อยมือออกจากซิงจวิน และเตะเข้าไปที่ร่างของฝั่งตรงข้ามจนกระเด็นเข้าไปในพุ่มไม้โดยไม่สนใจว่าจะอยู่หรือว่าจะตาย
ส่วนทางด้านของพวกนักเลงที่อยู่รอบ ๆ ตอนนี้ต่างจ้องไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาหวาดกลัวสุดขีด ไม่มีใครกล้าหายใจแรงเพราะกลัวว่าตัวเองจะดึงดูดความสนใจของอวี้ฮ่าวหราน
นักเลงพวกนี้ทุกคนต่างมีความคิดแบบเดียวกัน เมื่อไหร่ที่รอดไปได้พวกเขาจะหนีไปให้ไกลที่สุด แล้วจะไม่โผล่หน้ามาเจอกับปีศาจตนนี้อีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน!