บทที่ 272 พบเจอโดยบังเอิญอีกแล้ว?
บทที่ 272 พบเจอโดยบังเอิญอีกแล้ว?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ กงซุนซาจึงพูดเน้นเสียงขึ้นอีกครั้ง
“ฉันสัญญา! ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยอยากให้คนในแก๊งเสียเลือดเสียเนื้อสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็ทนเห็นแก๊งพยัคฆ์เวหามันจองหองมากไปกว่านี้ไม่ได้ อ้อ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับของที่น้องหลิ่วส่งมาให้ฉันมันล้ำค่าหรอกนะ หึหึ”
อันที่จริงกงซุนซาตัดสินใจได้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว
หากเขาไม่ตัดสินใจได้แบบนี้ ก็คงไม่มาตั้งแต่แรก
หลิ่วอวี้จิงรู้สึกเบิกบานทันทีเมื่อได้ยินคำยืนยันที่หนักแน่นขนาดนี้
“ฮ่า ๆ! เยี่ยม…เยี่ยม! นับจากนี้ไอ้โจวเฟยหู่มันหลับไม่ลงแน่ ๆ!”
ตั้งแต่ที่เขาโดนอวี้ฮ่าวหรานอัด และโจวเฟยหู่หยามหน้า เขาก็เอาแต่หาทางล้างแค้นมาโดยตลอด
ในที่สุดวันนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว!
…
อีกด้านที่เหมยซาน
เทือกเขาแห่งนี้คือจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในละแวกใกล้เคียงจากเมืองฮ่วยอัน มันสวยงามมากเสียจนละครมากมายหลายเรื่องพากันมาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์
ขับรถราวสามชั่วโมงในที่สุด อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถมาถึงภูเขาเหมยซาน
“วู้…พ่อจ๋า ดูสิ ภูเขาสูงจังเล้ย!”
ในทันทีที่ลงจากรถ ถวนถวนเงยหน้ามองภูเขาเหมยซานที่อยู่ไม่ไกล
“ไม่ใช่แค่สูง แต่มันยังสวยมาก ๆ ด้วย!”
ในขณะเดียวกัน…หลี่หรงก็ลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าสะพายของเธอ
เนื่องจากก่อนหน้าหญิงสาวมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานในบริษัทจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวที่ไหนเลย การได้มายังสถานที่ ๆ สวยงามแบบนี้มันจึงทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเช่นกัน
“ไปกันเถอะ เมื่อตอนนั้นพี่เคยมาที่นี่กับพี่สาวของเธอ ข้างบนนั่นสวยมากจริง ๆ”
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อลงจากรถ ก็พาลูกสาวและหลี่หรงเดินตรงไปที่สถานีกระเช้าเคเบิ้ลลอยฟ้า ซึ่งอยู่ไปห่างจากที่จอดรถไม่ไกลนัก
เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นทางภาครัฐจึงได้สร้างกระเช้าลอยฟ้าเอาไว้ใช้สำหรับเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาเหมยซานเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของนักท่องเที่ยวทุกคน
“พ่อจ๋า เราจะขึ้นไปข้างบนด้วยกระเช้าลอย ๆ พวกนั้นเหรอ?”
ถวนถวนมองไปที่กระเช้าลอยฟ้าด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
“ใช่ พวกเราขึ้นไปโดยกระเช้าลอย ๆ พวกนั้น!” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ขึ้นไปนั่งในกระเช้าลอยฟ้า
“ว้าว! พ่อจ๋า ดูสิ! คนข้างล่างนั่นตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ด้วยแหละ!”
ถวนถวนเกาะหน้าต่างพลางตะโกนร้องด้วยสีหน้าตื่นเต้น แต่การกระทำนี้ของเด็กน้อยทำให้หลี่หรงขนหัวลุก
“ถวนถวน อย่าปีนหน้าต่างแบบนั้นสิลูก! มันอันตรายนะ!”
ในระหว่างที่บ่น หลี่หรงก็กอดตัวของถวนถวนเอาไว้
ถึงแม้ว่ากระเช้าจะดูแข็งแรงมาก แต่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อเห็นว่า ถวนถวนปีนที่นั่งเอาหน้าแนบกับหน้าต่างกระจกใส
“แหะ ๆ ถวนถวนมีความสุขจังเลย แม่หรง ดูสิมันสวยมาก ๆ เลย!”
เด็กน้อยไม่ค่อยจะเชื่อฟังเท่าไหร่ในเวลานี้ ด้วยความสนุกเด็กน้อยจึงยังคงขืนตัวเอาหน้าแนบกับหน้าต่างต่อไป
หลังจากผ่านไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง กระเช้าลอยฟ้าก็เริ่มลดความเร็วลงซึ่งเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงสถานีบนยอดเขาแล้ว ด้วยความสูงของยอดเขามันจึงทำให้ภาพที่ด้านนอกกระเช้าตอนนี้มองเห็นเป็นทะเลหมอก
เมื่อกระเช้าหยุดลงที่สถานี ถวนถวนก็วิ่งออกไปจากกระเช้าเป็นคนแรก
“พ่อจ๋าดูสิ พวกเราอยู่บนเมฆ!”
เด็กน้องเกาะระเบียงของสถานีและจ้องไปที่ทะเลหมอกด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่ได้ตอบกลับลูกสาวของเขาในเวลานี้
ที่นี่ไง!
มือของเขาที่เคยสังหารสรรพชีวิตมามากมายเริ่มสั่นเทา!
มันคือที่นี่!
ความทรงจำมากมายเริ่มผุดขึ้นในสมองชายหนุ่มอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะผ่านไปมากกว่าสามหมื่นปี มันก็ยังชัดเจนเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน!
‘หากฉันหาเธอไม่พบ ฉันจะทำยังไงดี?’
‘ไม่ ไม่ว่ายังไงฉันจะต้องหาเธอให้พบ หลี่เม่ย!’
‘…’
ท่ามกลางผู้คนมากมายในสถานี ขณะนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเหม่อลอยกับความทรงจำของตัวเอง
ทะเลหมอกยังคงงดงามเช่นเดิมเหมือนในตอนนั้น ถึงแม้ว่าสถานีกระเช้าลอยฟ้าแห่งนี้จะทาสีใหม่แล้วแต่ความรู้สึกต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม
สำหรับโลกนี้แล้วเวลามันผ่านไปแค่สาม…ไม่สิ สี่ปีแล้วหลังจากที่เขากลับมา
เมื่อได้สติ อวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจอย่างเซื่องซึม
แต่แล้วในขณะเดียวกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นไม่ไกลจากเขา
“เร็วเข้า รีบไปดูเร็ว! มีคนดังมาที่นี่ด้วย!”
“น่าประหลาดตรงไหน? ที่นี่มีดารามาถ่ายละครบ่อยจะตาย!”
“ไม่เหมือนกันสักหน่อย! คราวนี้เป็นนักร้องหญิงที่ดังที่สุดในตอนนี้มาถ่ายทำรายการที่นี่ต่างหาก!”
“…”
เมื่อได้ยินเสียงเอะอะ อวี้ฮ่าวหรานจึงหันไปมอง
เขาเห็นว่าในจุดที่ห่างไปไม่ไกลมากนักกำลังมีกลุ่มคนจำนวนมากล้อมวงดู ‘คนดัง’ ที่ใครหลายคนเพิ่งพูดถึงเมื่อครู่
แน่นอนว่าส่วนตัวแล้ว อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจพวกคนดังของโลกใบนี้เลย เขาตั้งใจพาหลี่หรงและถวนถวนเดินไปอีกทางทันที ชายหนุ่มอยากไปยังจุดที่ ๆ เขาเคยมีความทรงจำมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของเขาก็พังทลายลงทันทีจากคำพูดของถวนถวน
“พ่อจ๋า หนูอยากไปดูนักร้องดังด้วย!”
หลี่หรงเองก็เช่นกัน ดวงตาของเธอเป็นประกายในขณะที่มองอวี้ฮ่าวหราน ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ล้วนอยากจะไปดู ‘คนดัง’
“ก็ได้ งั้นเราไปดูกันหน่อยก็แล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานลอบถอนหายใจก่อนที่จะพยักหน้าตกลง
ใช่แล้ว ความคิดเห็นของเขาในตอนนี้มันไร้ค่าไปเลยเมื่อเทียบกับความต้องการของครอบครัว
จากนั้น…อวี้ฮ่าวหรานก็อุ้มถวนถวนขึ้นไหล่ และแหวกฝูงชนเข้าไป
ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือมนุษย์ ถึงแม้ว่าฝูงชนจะหนาแน่นมาก แต่อวี้ฮ่าวหรานก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ก็นำหลี่หรงและถวนถวนไปอยู่แถวหน้าได้สำเร็จ
“เอ๊ะ? พ่อจ๋า นั่นพี่สาวฟ่านซีเหยียนนี่นา!”
ในทันทีที่เห็นหน้า ‘คนดัง’ ถวนถวนก็ตะโกนเอ่ยทักขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที…
เนื่องจากเด็กน้อยถูกอุ้มขึ้นไปนั่งบนไหล่ เธอจึงเห็นได้ก่อนใครคนอื่น
“หา? อะไรนะ? ให้ฉันดูด้วยคน!”
หลี่หรงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังอวี้ฮ่าวหรานรีบแทรกตัวออกมายืนด้านหน้าทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น ต้องรู้ว่าฟ่านซีเหยียนคือไอดอลที่เธอชอบมากที่สุด
“เป็นฟ่านซีเหยียน จริง ๆ ด้วย! บังเอิญจริง ๆ!”
ไม่ใช่แค่หลี่หรงที่คิดว่ามันบังเอิญ แม้แต่อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก ประเทศจีนกว้างใหญ่จะตายไป ทำไมถึงบังเอิญเจอกับฟ่านซีเหยียนอีกแล้ว?
นักร้องดังอย่างฟ่านซีเหยียนไม่ต้องไปรับงานที่มุมอื่นของประเทศบ้างหรือไง?
แต่แล้วหลังจากที่กลุ่มของอวี้ฮ่าวหรานเพิ่งจะตื่นเต้นไปหมาด ๆ จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นสร้างความวุ่นวายที่ด้านหลัง
“ออกไปให้พ้นทางโว้ย ออกไปให้พ้นทาง!”
บรรดานักท่องเที่ยวที่มุงดูต่างหันกลับไปมองทันที ซึ่งพวกเขาก็ได้เห็นว่าขณะนี้มีชายร่างยักษ์หกคนที่แต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดกำลังผลักผู้คนออกไปให้พ้นทาง…
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้พวกนักท่องเที่ยวที่ยังขวางทางอยู่ต่างก็ตื่นกลัวและรีบหลบทางให้กันพัลวัน
แค่เพียงเวลาไม่นาน ที่ด้านหน้ากลุ่มบอดี้การ์ดก็ไร้ผู้คนจนเหลือแค่กลุ่มของอวี้ฮ่าวหรานเท่านั้นที่ยืนอยู่ และถัดมาชายร่างอ้วนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง!