บทที่ 273 เป็นคุณ!
บทที่ 273 เป็นคุณ!
“เฮ้ย! พวกแกน่ะหูหนวกหรือไงวะ? แกกล้าดียังไงไม่หลบให้กับฉันคนนี้?”
เนื่องจากกลุ่มของอวี้ฮ่าวหราน ยังไม่หลบออกไปให้พ้นทาง ชายร่างอ้วนจึงตะโกนขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงน่ารังเกียจ
ในขณะเดียวกัน บอดี้การ์ดทั้งหกคนของชายร่างอ้วนก็เริ่มแสดงสีหน้าโมโห
“เฮ้ย! ออกไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้! คนชั้นต่ำอย่างแกกล้าดียังไงถึงได้มาขวางนายน้อยของเรา!”
เนื่องจากการแต่งตัวของกลุ่มอวี้ฮ่าวหรานนั้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้าราคาแพงอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเข้าใจไปว่าเป็นพวกคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ
หลี่หรงเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็เริ่มหมดความอดทนและตะโกนกลับไป
“พวกแกน่ะสิชั้นต่ำ! คนอย่างพวกแกมันน่ารังเกียจ”
หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจมาก ๆ ที่มีใครก็ไม่รู้มาหาว่าพวกเธอเป็นคนชั้นต่ำ พี่เขยของเธอสมบูรณ์แบบขนาดนี้เธอจะยอมได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายร่างอ้วนสังเกตเห็นว่าหลี่หรงมีหน้าตาที่สวยงาม ความคิดชั่วร้ายจึงบังเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ไม่นึกเลยว่าวันนี้ฉันจะโชคดีเจอผู้หญิงสวย ๆ เข้าแล้ว! เฮ้! ไอ้หนุ่มตรงนั้นน่ะ เอาแบบนี้เป็นไง ถ้าแกอยากดูฟ่านซีเหยียนก็ดูไป แต่ในระหว่างนี้ฉันขอเล่นกับผู้หญิงของแกฆ่าเวลาไปพลาง ๆ ก่อนก็แล้วกันตกลงไหม?”
ชายร่างอ้วนมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาดูถูก ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำผิดพลาดอย่างมหันต์ที่สุดในชีวิต!
อวี้ฮ่าวหรานหันกลับไปมองในทันทีด้วยสายตาเย็นชา
สำหรับเขาแล้วไม่มีใครจะรอดตัวไปได้หากคุกคามครอบครัวหรือคนใกล้ชิดของเขา!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่คำพูดก็ต้องชดใช้!
“ฮึ่ม! รนหาเรื่องเจ็บตัว!”
แค่เพียงพริบตา!
เพี๊ยะ!!
อวี้ฮ่าวหรานพุ่งไปตบหน้าชายร่างอ้วนอย่างรุนแรงจนกระเด็นกลิ้งไปที่พื้น!
ด้วยความรุนแรงจากการตบ ชายร่างอ้วนฟันหักไปหลายซี่และปากก็เต็มไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว!
ฝูงชนที่เห็นภาพนี้ต่างตกก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง!
“พระเจ้า! ไอ้หนุ่มนั่นบ้าไปแล้วงั้นเหรอ? เขากล้าตบคนที่มากับบอดี้การ์ดตัวใหญ่พวกนั้นได้ยังไง?”
“จบแล้ว ไอ้หนุ่มนั่นจบเห่แล้วแน่นอน!”
“…”
ฝูงชนต่างกระซิบกระซาบกันอย่างเป็นกังวล
“ก…แก…แกกล้าดียังไงถึงตบหน้าฉัน! คนชั้นต่ำอย่างแกกล้าดียังไงถึงทำร้ายฉันจนเลือดกบปาก!”
หลังจากได้สติ ชายร่างอ้วนก็ยันกายขึ้นมานั่งและตะโกนชี้หน้าด่าอวี้ฮ่าวหราน
“แกรู้ไหมว่าฉันลูกใคร! ฉันคือเจาหลี่! แกตายแน่ วันนี้แกตายแน่นอน!”
เจาหลี่รู้สึกโมโหมาก ๆ โมโหชนิดที่เรียกว่าไม่เคยโมโหแบบนี้มาก่อนในชีวิต…
ตั้งแต่เขาเกิดมาไม่เคยมีใครกล้าตีเขาเลยแบบนี้!
หลังจากตะโกนใส่อวี้ฮ่าวหรานจบ และเห็นว่าบอดี้การ์ดของตัวเองยังคงยืนแสดงสีหน้าเหลอหลา เจาหลี่จึงตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“ไอ้พวกโง่เอ๊ย! พวกแกยืนนิ่งกันทำบ้าอะไร พวกแกไม่เห็นเหรอว่ามันทำร้ายฉัน เร็วเข้า! ไปลากตัวมันมาคุกเข่าต่อหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
หลังจากได้ยินคำสั่ง พวกบอดี้การ์ดก็ได้สติและแววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นโหดเหี้ยม พวกเขาค่อย ๆ ย่างก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกบอดี้การ์ดเดินเข้ามาใกล้เกือบจะถึงอวี้ฮ่าวหราน จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ไพเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น? อย่าทะเลาะกัน!”
ทุกคนต่างหันไปมองทันที ซึ่งทุกคนก็ได้เห็นว่าคนที่พูดคือฟ่านซีเหยียน และนักร้องสาวก็กำลังเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยตัวเอง!
เมื่อเห็นว่าฟ่านซีเหยียนเดินเข้ามา เจาหลี่รีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลด้วยดวงตาที่เป็นประกายก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างประจบประแจง
“แหะ ๆ ผ..ผมแค่จะสั่งสอนไอ้พวกคนชั้นต่ำที่กล้ามามองคุณเท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณฟ่านซีเหยียนไม่ชอบใจผมยอมเลิกราก็ได้ แหะ ๆ”
ฟ่านซีเหยียนขมวดคิ้วมองไปที่เจาหลี่ด้วยแววตารังเกียจ เธอเกลียดพวกคนรวยที่ชอบรังแกคนอื่นมาก ๆ
“ในสายตาของฉันคนทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นคนชั้นต่ำหรือชั้นสูง ยิ่งไปกว่านั้นการที่คุณรังแกพวกเขา…เอ๊ะ?”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฟ่านซีเหยียนก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ
เธอไม่นึกเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่!
“อ…อวี้ฮ่าวหราน? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
หลังจากพูดจบ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานโดยไม่สนใจสายตาของฝูงชนเลย เธอทำตัวเหมือนกับเด็กสาวที่วิ่งเข้าไปหาไอดอลของตัวเอง
“รอบที่แล้วที่คุณแก้ปัญหาให้ฉัน ฉันยังไม่ได้ตอบแทนคุณให้เหมาะสมเลย!”
ด้วยเหตุผลที่เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกว่าอยากจะใกล้ชิดผู้ชายคนนี้ให้มากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ของฟ่านซีเหยียน ก็ทำให้ฝูงชนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นี่คุณเป็นนักร้องดังนะ คุณวิ่งเข้าหาผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ได้ไง?
พวกเรามีกันตั้งเยอะแยะที่อยากถ่ายรูปกันคุณ แต่คุณกลับวิ่งไปหาแค่คน ๆ เดียวเนี่ยนะ?
แล้วไอ้หนุ่มนี่มันเป็นใครกัน? ทำไมฟ่านซีเหยียนถึงวิ่งเข้าไปหามันแบบนั้น?
มันมีอะไรดี?
ไม่ได้การแล้วต้องสืบให้ได้ว่ามันเป็นใคร!
หลังจากที่ได้สติ คนที่ดูเหตุการณ์อยู่หลายคนก็เริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อที่จะถ่ายรูปเอาไปลงในเว็บบอร์ดต่าง ๆ เพื่อสืบหาว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นใคร
เมื่อเห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกทีมงานของฟ่านซีเหยียนก็รีบกระโดดเอาตัวเข้ามาบัง และตะโกนห้ามถ่ายรูปเสียงดังลั่น จนทั่วบริเวณวุ่นวายไปหมด
ในทางกลับกัน ฟ่านซีเหยียนซึ่งกำลังยประหลาดใจและดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้สนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเลย
“ดีจริง ๆ เลยที่เจอคุณที่นี่!”
“ผมแค่บังเอิญพาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่ก็แค่นั้นเอง”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าปกติ ถึงแม้เขาจะประหลาดใจที่เจออีกฝ่ายที่นี่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกยินดีหรือตื่นเต้นอะไร
ในขณะเดียวกัน เจาหลี่ที่โดนมนต์ความงามของฟ่านซีเหยียนสะกดอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้โอกาสเขาก็รีบก้าวเข้ามาใกล้และพูดขึ้นแทรก
“แหะ ๆ คุณฟ่าน! ผมชื่นชมคุณมานานมาก ๆ แล้ว คุณพอจะให้เกียรติไปทานข้าวกับผมได้ไหม ผมเลี้ยงเอง คุณอยากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”
หลังจากพูดจบ เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หากวันนี้ฉันได้กินข้าวกับฟ่านซีเหยียน ชาตินี้ฉันนอนตายตาหลับแน่นอน!
ในทางกลับกัน ฟ่านซีเหยียนไม่แม้แต่จะเหล่มองเจาหลี่
เธอได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเช่นกัน แต่เธอรังเกียจอีกฝ่ายมากจนไม่ต้องการจะเบนสายตาไปให้เสียเวลาชีวิต หญิงสาวตอบกลับไปโดยที่สายตาของเธอยังมองอวี้ฮ่าวหรานอยู่
“ไม่ล่ะ ฉันยุ่ง ฉันไม่มีเวลากินข้าวกับใครทั้งนั้น!”
“โอ้ จริงด้วย จริงด้วย วันนี้คุณฟ่านมาทำงานนี่นา แหะ ๆ งั้นเอาแบบนี้ได้ไหม ผมขอเบอร์โทรติดต่อของคุณเอาไว้หน่อย เผื่อวันหน้าผมจะได้ชวนคุณออกมากินข้าวกับผม?”
เจาหลี่นั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายรังเกียจตัวเองเป็นอย่างมาก และด้วยการที่เขาหลงเสน่ห์ของฟ่านซีเหยียนอย่างหนัก มันจึงทำให้เขาเชื่อข้อแก้ตัวของอีกฝ่ายอย่างโง่งม ไม่โกรธแม้แต่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นเขายังพยายามหาทางติดต่อกับอีกฝ่ายในอนาคตอย่างกระตือรือร้น
แต่น่าเสียดายที่คราวนี้ ฟ่านซีเหยียนกลับหันหลังให้กับเขาและไม่ตอบอะไรกลับมาอีกเลย