บทที่ 276 ความน่ากลัวที่แท้จริง
บทที่ 276 ความน่ากลัวที่แท้จริง
“อาหู่ เอามัน! ฆ่ามันให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เจาหลี่จึงไม่รีรออะไรอีกต่อไป เขาสั่งหนึ่งในคนของเขาทันที
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ที่ชื่ออาหู่ แสดงสีหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างฉับพลัน เขาชักมีดที่เหน็บอยู่ที่หลังออกมา และเดินเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานทันที
ก่อนหน้านี้เขาเคยฆ่าคนมาแล้ว ดังนั้นอาหู่จึงไม่ลังเลเลยที่จะฆ่าอวี้ฮ่าวหรานตามคำสั่งของเจ้านายตัวเอง
“หึหึ ไอ้ลูกหมา วันนี้แกตายแน่นอน! แกรู้หรือเปล่าว่าคนที่ขัดใจเจ้านายของฉันไม่มีใครรอดไปได้สักราย!”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยันและเดินเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานก็เผยรอยยิ้มดูถูกขึ้นมาเช่นกัน และในวินาทีที่อาหู่เข้ามาถึงระยะประชิด อวี้ฮ่าวหรานก็ปลดปล่อยจิตสังหารหนาแน่นผ่านทางดวงตาไปหาอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน!
“อึก!”
สีหน้าของอาหู่เปลี่ยนเป็นแข็งค้างในทันที เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงจิตสังหารที่รุนแรงออกมาจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมันน่ากลัวมากจนทำให้ใจเขาสั่น!
หากเทียบกันแล้วความต้องการฆ่าของเขาเปรียบได้เท่ากับแรงใจของมดเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้!
เคร้ง…!!
ด้วยความกลัวอย่างลนลาน อาหู่จึงไม่สามารถกำมีดเอาไว้ได้อีกต่อไป มือของเขาสั่นจนมีดร่วงไปที่พื้น และต่อมาเพียงชั่วอึดใจ อาหู่ก็เข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอวี้ฮ่าวหราน!
“ผ…ผม..ผิดไปแล้ว…”
อันที่จริงแล้วเมื่อครู่นี้ไม่เพียงแต่อวี้ฮ่าวหรานจะปลดปล่อยกลิ่นอายสังหาร แต่เขายังสร้างภาพลวงตาไปยังสมองอีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายได้เห็นภาพสมรภูมินอกเลือดต่าง ๆ ที่ชายหนุ่มเคยผ่านมาเมื่อตอนอยู่ที่ดินแดนแห่งเทพ
ภาพของศพนับล้านนั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะทานทนได้ถึงแม้ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะเป็นฆาตกรที่โหดเหี้ยมที่สุดก็ตาม!
ทางด้านของเจาหลี่ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที และอดไม่ได้ที่จะตวาดด่า
“แม่งเอ๊ย อาหู่! แกทำบ้าอะไรของแก ทำไมแกลงไปนั่งคุกเข่าทำหน้าเหมือนคนใจเสาะแบบนั้น!!”
เจาหลี่รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นแบบนี้ อาหู่อยู่กับเขามาหลายปีแล้ว และเขาไม่เคยเห็นลูกน้องตัวเองแสดงท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย
“น…นายน้อย…รีบหนีไป! เขา…เขาไม่ใช่คนที่เราจะสู้ด้วยได้!”
อาหู่รวบรวมความกล้าก่อนที่จะหันกลับไปและตะโกนด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
เขารู้จักจิตสังหารนี้เป็นอย่างดีเพราะเคยฆ่าคนมาหลายคนแล้ว
แต่ถ้าเทียบกับชายหนุ่มตรงหน้า เขาไม่มีทางเทียบได้เลย!
ชายหนุ่มคนนี้ฆ่าคนมาแล้วกี่คนกันแน่ถึงได้มีกลิ่นอายสังหารที่น่ากลัวขนาดนี้?
แต่ในทางกลับกัน เจาหลี่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับจิตสังหาร ก็ตวาดด่าขึ้นอีกครั้ง
“อาหู่! เดือนนี้ฉันจะหักเงินแก! แม่งเอ๊ย นี่ฉันเลี้ยงคนไร้ค่าอย่างแกเอาไว้ทำไมวะเนี่ย!”
หลังจากตะโกนจบ เจาหลี่ก็โบกมืออีกครั้งสั่งให้ลูกน้องที่เหลือเข้าไปจัดการกับอวี้ฮ่าวหราน
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ก็หมดอารมณ์ล้อเล่นกับคนพวกนี้อีกต่อไป ในที่สุดเขาก็ลงมือ!
ไม่มีใครมองตามทันร่างของอวี้ฮ่าวหรานทั้งนั้น มันมีเพียงแค่เสียง ผัวะ พลั่ก และเสียงกระดูกหักไม่กี่ครั้งก่อนที่ร่างของอวี้ฮ่าวหรานจะไปปรากฏตรงหน้าของเจาหลี่ หลังจากนั้นร่างของพวกลูกน้องของเจาหลี่ก็กระเด็นลอยละลิ่วไปคนละทิศละทาง!
ด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่ายอดมนุษย์ ทุกอย่างจบลงภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น!
เจาหลี่มองตามอะไรไม่ทันเลย แต่เมื่อได้เห็นว่าลูกน้องของเขาลอยละลิ่วไปคนละทิศทางหลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานมาหยุดอยู่ตรงหน้าราวกับมีเวทมนต์ เขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
นี่มันบ้าอะไร?
ทำไมลูกน้องของเขาถึงลอยไปคนละทิศคนละทางแบบนั้น?
แล้วจู่ ๆ ไอ้นี่มันมาโผล่ตรงหน้าเขาได้ยังไง?
หรือว่าที่อาหู่ บอกว่าไอ้นี่มันไม่ธรรมดามันจะเป็นเรื่องจริง?
“ก…แกอย่าเข้ามานะ! ฉ…ฉันบอกเอาไว้เลยว่าฉันเป็นลูกชายของหัวหน้าแก๊งอินทรี แกจะทำอะไรฉันไม่ได้!”
ด้วยความตื่นตระหนก เจาหลี่ตะโกนลั่นเสียงหลงพร้อมกับค่อย ๆ ก้าวถอยอย่างหวาดกลัว
“อ้อเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหราน ยิ้มอย่างชั่วร้าย และในวินาทีถัดมา!
กร๊อบ!!
แค่เพียงเสี้ยงวินาที อวี้ฮ่าวหรานก็เข้าประชิดตัวเจาหลี่ และเหยียบไปที่หัวเข่าของอีกฝ่ายเต็ม ๆ จนกระดูกแตกละเอียด!
ด้วยความเจ็บปวดจากแรงเหยียบของอวี้ฮ่าวหรานที่กระทำต่อเข่าของตัวเอง ชายอ้วนก็ลงไปนั่งทรุดด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับร้องลั่น
“อ๊ากกกกก!!! ขาฉัน ขาฉัน!!”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ กับสภาพที่เวทนาของอีกฝ่าย เขาเกลียดพวกเดนสังคมแบบนี้มากที่สุด ดังนั้นจึงอยากจะสั่งสอนให้หนักสักหน่อย
“ฉ…ฉันขอบคุณ…”
ในขณะเดียวกัน ฟ่านซีเหยียนที่เพิ่งได้สติจากเสียงร้องของเจาหลี่ก็ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาตัวเองที่จะเอ่ยขอบคุณ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรต่อ บอดี้การ์ดสิบกว่าคนของเธอและผู้จัดการส่วนตัวก็วิ่งกรูกันออกมาจากโรงแรมและพุ่งเข้ามาถึงตัวเธอภายในไม่กี่อึดใจ
เมื่อครู่หลังจากพวกเขาได้ยินเสียงโวยวายและเมื่อรู้ว่าฟ่านซีเหยียน ไม่ได้อยู่ในห้อง พวกเขาจึงรู้สึกตื่นตระหนกและรีบวิ่งออกมาในทันที
“ซีเหยียน…เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ผู้จัดการส่วนตัวของฟ่านซีเหยียน เอ่ยถามขึ้นพลางสำรวจร่างกายด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ฟ่านซีเหยียนที่ในตอนนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มคนของเธอ เธอแสดงสีหน้าจนใจเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานหายไปจากสายตาก่อนที่จะตอบกลับ “ฉันไม่เป็นอะไร ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พรุ่งนี้ฉันยังสามารถไปตามนัดต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม”
เธอพยายามปลอบผู้จัดการส่วนตัวของตัวเอง
หญิงวัยกลางคนผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฟ่านซีเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
“เฮ้อ ดีแล้ว ๆ พรุ่งนี้เรานัดกับลูกค้าที่เป็นบริษัทใหญ่เอาไว้ด้วย ถ้าเราพลาดนัดไป บริษัทของเราจะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินมหาศาลเลยทีเดียว”
“ซีเหยียน คราวหลังอย่าแอบออกมาแบบนี้อีกนะ ฉันเกือบหัวใจวายตายแน่ะเมื่อกี้”
หลังจากพูดจบ เธอสั่งให้พวกบอดี้การ์ดจัดการกับกลุ่มของเจาหลี่ที่นอนร้องโอดโอยกันอยู่ ก่อนที่จะพาฟ่านซีเหยียนกลับเข้าไปในโรงแรม ส่วนทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานนั้นหายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย
…
เช้าวันต่อมา
ในระหว่างที่อวี้ฮ่าวหรานและคนอื่น ๆ กำลังนั่งกินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันของคนอื่น ๆ
“นี่ ๆ ได้ยินหรือเปล่าว่าเมื่อคืนฟ่านซีเหยียนถูกกลุ่มนักเลงจู่โจม และเธอก็ออกไปโรมแรมตั้งแต่เช้าตรู่?”
“โธ่ มันเรื่องปกติอยู่แล้ว พวกทีมงานไม่มีทางให้ฟ่านซีเหยียนอยู่ที่นี่ต่อแน่นอน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก สัญญาต่าง ๆ ที่ทำกับบริษัทอื่นไว้มันจะถูกยกเลิกทันที และนั่นจะเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวง”
“…”
ถึงแม้ว่าเสียงพูดคุยจะแผ่วเบา แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของอวี้ฮ่าวหราน เขาจึงได้ยินทุกอย่างแบบชัดเจน
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็พาหลี่หรงและถวนถวนขึ้นไปนั่งกระเช้าลอยฟ้าและพาขึ้นไปบนยอดเขาเหมยซานอีกรอบ
เนื่องจากเมื่อวานตอนที่พวกเขามาถึงมันเป็นเวลาสายแล้ว ดังนั้นภาพวิวทิวทัศน์เมื่อวานกับเช้าตอนนี้จึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ว้าว พ่อจ๋า พระอาทิตย์สวยจังเลย! ถวนถวนไม่เคยเห็นพระอาทิตย์สวยแบบนี้มาก่อนเลย!”
เด็กน้อยชี้ไปทางทิศตะวันออกด้วยสีหน้าเบิกบาน
“มาเร็วพี่เขย พี่ช่วยถ่ายรูปฉันกับถวนถวนหน่อยเร็ว!”
หลี่หรงรู้สึกเบิกบานเช่นกันเมื่อได้เห็นสีหน้าที่ร่าเริงของถวนถวน และวิวที่สวยงามของภูเขาเหมยซาน