บทที่ 290 ร่วมมือกันต้าน
บทที่ 290 ร่วมมือกันต้าน
เนื่องจากยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควร หลี่หรงจึงเลือกที่จะไม่กินบะหมี่ในหม้อที่อวี้ฮ่าวหรานทำไหม้
เมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่น พวกเขาจึงพากันลงไปที่ชั้นล่างเพื่อหาร้านอะไรในละแวกใกล้เคียงกิน
ในระหว่างที่เดินผ่านสวนสาธารณะ หลี่หรงสังเกตเห็นคู่สามีภรรยาชราที่จูงมือกันมาเดินเล่นด้วยสีหน้ามีความสุข
ภาพนี้มันทำให้ในหัวของเธอเกิดภาพจินตนาการบางอย่างขึ้นมา ซึ่งมันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
“พี่เขย พี่คิดว่าพอเราแก่ตัวไป เราจะมีชีวิตที่มีความสุขและสงบเหมือนคู่สามีภรรยาชราคู่นั้นหรือเปล่า?”
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้ “ไม่ต้องห่วง เราไม่แก่กันหรอก”
น้ำเสียงของเขาดูมั่นใจจนหลี่หรงงุนงง
“หืม?”
อย่างไรก็ตาม หลังจากครุ่นคิดไปได้สักพัก หลี่หรงก็เข้าใจไปว่าการที่พี่เขยของเธอตอบกลับมาแบบนี้ มันคงเป็นเพราะว่า พี่เขยของเธอไม่ได้มีความคิดที่จะอยู่กับเธอจนแก่เฒ่า ซึ่งมันทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก
…
คืนเดียวกัน ในที่สุดตระกูลอู๋ก็ได้ทราบข่าวการตายของอู๋เส้าฮัว!
“เส้าฮัวของแม่!!!! ฮือ…ลูกรักของแม่ ทำไมลูกถึงตายก่อนแม่ไปแบบนี้!!”
หญิงวัยกลางคนร้องไห้จนแทบขาดใจ เธอโผเข้าไปกอดร่างของอู๋เส้าฮัว พร้อมกับสะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด
“บัดซบ! บัดซบ! ไอ้สารเลวอวี้ฮ่าวหราน!!!!”
ที่อยู่ข้าง ๆ หญิงวัยกลางคนคืออู๋หมิ่น ผู้นำตระกูลอู๋ เขากระทืบเท้าหลายครั้งด้วยความอาฆาตแค้นสุดขีด
เขาไม่นึกเลยเช่นกันว่า แผนที่เขาวางมาอย่างดี อย่างการใช้ให้ลูกชายตัวเองไปจัดการมัน กลับผิดพลาดร้ายแรงได้ขนาดนี้
นักฆ่าทั้งหมดตายโดยที่อวัยวะภายในแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี แถมลูกชายของเขาเองก็ตายตาไม่หลับ!
มันบอกได้อย่างชัดเจนว่าก่อนตายลูกชายของเขาหวาดกลัวมากขนาดไหน!
“ไม่! ตระกูลอู๋ของฉันจะไม่ปล่อยให้ไอ้สารเลวอวี้ฮ่าวหรานมันเล่นงานได้อีกแล้ว!”
ดวงตาของอู๋หมิ่นในตอนนี้แดงก่ำจนดูราวกับว่ามันเหมือนเหล็กที่โดนไฟลนจนแดงฉาน
“คุณจะต้องฆ่าไอ้ลูกหมานั่นให้ได้! คุณต้องแก้แค้นให้กับลูกชายของเรา เส้าฮัวจะต้องไม่ตายเปล่า!”
ในขณะที่ร้องไห้ปานจะขาดใจ หญิงวัยกลางคนหันมาตะโกนใส่อู๋หมิ่น ด้วยสีหน้าเคียดแค้นสุดขีด แน่นอนว่าเธอคือภรรยาของอู๋หมิ่น
อู๋เส้าฮัวคือลูกชายของเธอ ดังนั้นเธอจะไม่โกรธแค้นได้ยังไง?
อู๋หมิ่นมองไปที่ภรรยาและศพของลูกชายตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้อย่างเด็ดขาด
“แน่นอน! เดี๋ยวฉันจะติดต่อหาคนเหล่านั้น!”
อันที่จริงตระกูลอู๋นั้นไม่ใช่ธรรมดา ตระกูลอู๋นั้นมีความสัมพันธ์กับสำนักผู้บ่มเพาะลึกลับมานานแล้ว
แต่สาเหตุที่อู๋หมิ่นไม่เคยติดต่อไปขอความช่วยเหลือเป็นเพราะค่าใช้จ่ายนั้นสูงมากเกินไป
ค่าจ้างที่สำนักผู้บ่มเพาะลึกลับต้องการนั้น มันเพียงพอที่จะทำให้ตระกูลอู๋แทบจะหมดตัวได้เลย
แต่ในตอนนี้เมื่อลูกชายของเขาตาย และตระกูลของเขาก็เสียหายยับเยินหลายครั้งเพราะอวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นอู๋หมิ่นจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสียอีก เงินทั้งหมดที่เหลือเขาขอใช้มันเพื่อเอาคืนเป็นครั้งสุดท้าย!
…
ในขณะเดียวกัน ในห้อง VIP ของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
หลี่อิงไห่แห่งตระกูลหลี่กำลังรอใครบางคนด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“ทำไมยังไม่มาอีก…ทำไมยังไม่มาอีก?”
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะหมดความอดทน ประตูของห้องก็ถูกเปิดออก และชายสองคนก็เดินเข้ามา
“ฮ่า ๆ ไม่นึกเลยว่าพี่หลี่จะมารอพวกฉันก่อนแบบนี้!”
ในสองคนที่เข้ามาในห้อง หนึ่งในนั้นคือชายชรา ซึ่งเขาเป็นคนเอ่ยทักขึ้นก่อน
หลี่อิงไห่รีบลุกขึ้นทันที เมื่อได้ยินคำทักทายของอีกฝ่าย เขารีบแสดงสีหน้าประจบประแจงอย่างรวดเร็ว
“โธ่ ๆ ผมจะให้หัวหน้ากงซุนรอผมได้ยังไง ผมจำเป็นต้องมารอก่อนอยู่แล้ว”
“ฮ่า ๆ ดี เอาล่ะ พวกเรามานั่งคุยกันเลยดีกว่า”
ชายชราหัวเราะพร้อมกับตอบกลับ
ชายสองคนที่เดินเข้ามาในห้องไม่ใช่คนอื่น พวกเขาคือกงซุนซาและหลิ่วอวี้จิง!
สาเหตุที่พวกเขามาพบกันในวันนี้ก็คือ ปรึกษาแผนการร่วมมือในการจัดการกับอวี้ฮ่าวหราน!
เป้าหมายหลักของพวกเขาคือ จะทำให้อวี้ฮ่าวหรานยุ่งอยู่กับการจัดการปัญหาของเครือฮ่าวหรานจนไม่มีเวลามาสนใจแก๊งพยัคฆ์เวหา
หลังจากนั่งลงกันเรียบร้อย หลี่อิงไห่ก็อธิบายถึงแผนการที่อยู่ในหัวของเขาทันที
“ตราบใดที่พวกเราทั้งสามคนร่วมมือกัน พวกเราจะสามารถสั่นคลอนรากฐานเครือฮ่าวหรานได้ไม่ยาก และจากนั้นพวกเราค่อยฮุบเครือฮ่าวหรานทั้งหมด เมื่อบวกกับการข่มขู่พวกผู้บริหารแผนกต่าง ๆ ของเครือฮ่าวหราน หลังจากนั้นเครือฮ่าวหรานก็จะตกอยู่ในที่นั่งลำบากจนไม่สามารถขัดขืนเราได้แน่นอน!”
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเอ่ยแผนนี้ออกไป เขาไม่เคยชอบขี้หน้า อวี้ฮ่าวหรานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นหากแผนนี้สำเร็จ เขาอาจจะเข้าฮุบเครือฮ่าวหรานได้ด้วยซ้ำ และเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะสามารถตั้งตัวเองให้กลายเป็นผู้นำตระกูลแทนหลี่ชงซานที่ไร้น้ำยาได้!!
“อืม เท่าที่ฟังดูแผนการนี้ค่อนข้างดีใช้ได้ แต่มันอาจจะต้องมีบางอย่างถูกปรับเปลี่ยนบ้างสักหน่อย”
กงซุนซาพยักหน้าเมื่อได้ยินแผนนี้ บริษัทของหลี่อิงไห่และเครือฮ่าวหรานอยู่ในธุรกิจเดียวกันพอดี ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เหมาะเจาะมาก
เขาไม่นึกเลยเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะคิดทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลิ่วอวี้จิงพยักหน้าเช่นกันก่อนที่จะพูดว่า “ฉันไม่มีปัญหา ตอนนี้แก๊งพยัคฆ์เวหาอ่อนแอลงไปเยอะ ดังนั้นการที่จะจัดการกับเครือฮ่าวหรานย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”
“เยี่ยม!”
หลี่อิงไห่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นแทรกด้วยความตื่นเต้น
“ตราบใดที่พวกผู้บริหารในเครือฮ่าวหรานถูกลักพาตัวหายไป ทั้งบริษัทจะกลายเป็นอัมพาตทันที และในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนั้น แก๊งฉลามคลั่งและฉันจะปล่อยข่าวสร้างความเสียหายให้กับเครือฮ่าวหรานและเมื่อราคาหุ้นตกเมื่อไหร่ เราจะช้อนซื้อและฮุบเครือฮ่าวหรานทั้งหมดทันที”
ถัดมา…ทั้งสามคนก็เริ่มปรึกษากันต่อในรายละเอียดของแผนการที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
…
ในขณะเดียวกัน แก๊งพยัคฆ์เวหาที่กำลังอยู่ในสถานะเสียเปรียบก็พยายามดิ้นรนเช่นกัน
เช้าวันถัดมา อวี้ฮ่าวหรานได้รับโทรศัพท์จากโจวเฟยหู่หลังจากส่งถวนถวนเสร็จ
“น้องอวี้ วันนี้แก๊งของฉันจะจัดประชุมใหญ่กับอีกหลาย ๆ แก๊ง หากนายว่างตอนนี้ นายช่วยมาเข้าร่วมหน่อยจะได้ไหม?”
“ได้ ฉันจะไป”
หลังจากสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่หม่นหมอง อวี้ฮ่าวหรานจึงตอบตกลง
“ขอบคุณมากน้องอวี้! สถานที่จัดประชุมคือคลับพระจันทร์ทองคำ ตอนนี้ลูกน้องของฉันไปรวมกันที่นั่นเรียบร้อยแล้ว และเดี๋ยวพวกหัวหน้าแก๊งเล็กอื่น ๆ ก็จะตามมา ถ้ามีนายอยู่ด้วยฉันมั่นใจว่าการประชุมมันจะยิ่งราบรื่นแน่นอน!”
“ได้ อีกสักพักฉันจะไปถึง”
อวี้ฮ่าวหรานตอบตกลงอีกครั้งก่อนจะวางสายไป
ตอนนี้สถานการณ์ในโลกใต้ดินของเมืองฮ่วยอันกำลังวุ่นวาย สามแก๊งใหญ่กำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าหากแก๊งพยัคฆ์เวหาถูกกำจัดไป แก๊งฉลามคลั่งและแก๊งวาฬยักษ์จะต้องพุ่งความสนใจมาที่เขาและครอบครัวต่อแน่นอน ดังนั้นชายหนุ่มจะยอมให้แก๊งพยัคฆ์เวหาแพ้ไม่ได้
เขาต้องไป!
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
อวี้ฮ่าวหรานก็ไปถึงคลับพระจันทร์ทองคำ
เมื่อเข้าไปด้านใน อวี้ฮ่าวหรานสังเกตเห็นว่าไม่มีลูกค้าเลยสักคน ด้านในมีแต่พวกนักเลงหน้าตาเหี้ยมเกรียมนั่งกันอยู่เต็มไปหมด
บรรดาสมาชิกแก๊งบางคนต่างนั่งล้อมคุยกันเบา ๆ
“ไอ้แก๊งฉลามคลั่งและแก๊งวาฬยักษ์มันร่วมมือกันแบบนี้ พวกมันคงคิดที่จะกำจัดแก๊งอื่น ๆ ให้สิ้นซากแน่นอน!”
“พวกมันไม่มีทางทำสำเร็จแน่! แก๊งขวานดำของฉันก็แข็งแกร่งเช่นกัน แถมแก๊งพยัคฆ์เวหาก็ยังคงอยู่ในสภาพพร้อมสู้ ดังนั้นหากพวกเราทุกแก๊งร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ฉันเชื่อว่าเราจะไม่แพ้!”
“ฉันก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น เพราะไม่งั้นพวกเราทั้งหมดจบเห่แน่ เมื่อวานแก็งวาฬยักษ์ก็เพิ่งส่งข้อความมาให้พวกฉันยอมศิโรราบ ไม่งั้นพวกมันจะฆ่าพวกฉันทั้งหมด!”
“…”
บรรยากาศการพูดคุยเต็มไปด้วยความกังวล
ด้วยการรวมมือกันของแก๊งฉลามคลั่งและแก๊งวาฬยักษ์มันทำให้สมดุลอำนาจของโลกใต้ดินในเมืองฮ่วยอันพังลงทันที พวกแก๊งเล็ก ๆ ที่ถูกข่มขู่จึงจำเป็นต้องมารวมตัวกันเพื่อต่อต้านการถูกกลืนกิน