บทที่ 291 แก้แค้น!
บทที่ 291 แก้แค้น!
ด้วยการแต่งตัวธรรมดา ๆ เสื้อเชิ้ตขาวและกางเกงสแล็กสีดำของอวี้ฮ่าวหรานส่งผลให้เขาตกเป็นจุดสนใจของพวกนักเลงในห้องโถงทันที
“ไอ้ละอ่อนนั่นมันใครกันวะ? มันมาเที่ยวผิดวันหรือเปล่า?”
“ดูจากการแต่งตัวของมันแล้ว ไอ้หนุ่มนี่มันไม่ใช่พวกแก๊งแบบเราแน่ ๆ”
“ไอ้เวรนี่มารนหาที่ตายหรือไง?”
บรรดาชาวแก๊งทั้งหลายต่างมองมาที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยความคิดหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องดี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคนที่มองต่างรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้เห็นอวี้ฮ่าวหราน
“ฮ่า ๆ! ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้เจอแกอีก!”
คนที่พูดขึ้นคือชายร่างอ้วนที่อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้
อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองทางต้นเสียงทันที และเขาก็ได้พบว่าคนที่เอ่ยทักเขาไม่ใช่ใครอื่น มันคือเจาหลี่ คนที่เขาเจอที่ภูเขาเหมยซาน!
ตอนนี้ เจาหลี่ยังอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเหมือนเดิม ขาของเขาเข้าเฝือกหนาเตอะ และยังต้องใช้ไม้ค้ำยันในการเดิน
“ฉันขอแนะนำให้แกไปให้พ้นหน้าฉันจะดีกว่า!”
เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่อยากที่จะเสียเวลายุ่งด้วยให้เปลืองแรง เขาโบกมือไล่ในทันที
“ถุย! แกยังกล้าปากดีที่นี่อีกงั้นเหรอ! แกไม่ดูรอบ ๆ ก่อนว่าที่นี่มันที่ไหน! ที่นี่แกทำอะไรฉันไม่ได้อีกแล้ว วันนี้แกตายแน่ แกต้องชดใช้ที่หักขาของฉัน!”
เจาหลี่ชี้หน้าด่าอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเดือดดาล เขาคิดอยู่เสมอว่าจะต้องหาตัวอวี้ฮ่าวหรานให้เจอเพื่อจะได้แก้แค้น ซึ่งในวันนี้ในที่สุดเขาก็ได้เจออีกฝ่าย!
ช่างเป็นความบังเอิญที่ยอดเยี่ยม เพราะในวันนี้พ่อของเขาก็มาที่นี่ด้วย!
“แกตายแน่! แกจำได้ใช่ไหมว่าฉันเป็นลูกชายของหัวหน้าแก๊งอินทรี! วันนี้ฉันจะบอกให้พ่อของฉันฆ่าแกเพื่อล้างแค้นให้ฉัน!”
ในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนหัวล้านผู้หนึ่งก็เดินฝ่าฝูงชนออกมาและตะโกนขึ้น
“หลี่เอ๋อร์ มีเรื่องอะไร?”
หลังจากชายวัยกลางคนถามจบ ชายฉกรรจ์อีกเกือบยี่สิบคนก็เดินตามหลังออกมา
ชายหัวล้านคนนี้ดูเหมือนจะมีอำนาจพอตัวเพราะตั้งแต่ที่เขาโผล่มา พวกหัวหน้าแก๊งเล็กอื่น ๆ ต่างก็พากันถอยห่าง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแก๊งเล็กเหมือนกัน แต่มันก็ยังมีความต่างในด้านของความแข็งแกร่ง
แก๊งอินทรีนั้นถึงแม้จะเป็นแก๊งเล็ก แต่พวกเขานับได้ว่าเป็นแก๊งเล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแก๊งเล็กด้วยกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขาสักเท่าไหร่
“พ่อ! ไอ้เวรนี่ไงที่มันหักขาผม!”
เจาหลี่ชี้ไปที่อวี้ฮ่าวหรานทันที
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำฟ้องของลูกชายตัวเองเช่นนี้ หัวหน้าแก๊งอินทรีวัยสี่สิบซึ่งมีกล้ามเป็นมัด ๆ ก็หันไปจ้องเขม็งที่อวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว
“แกเองเหรอที่รังแกลูกชายของฉัน?”
ในขณะที่พูด เขามองอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะถ่มน้ำลายอย่างดูถูก
แต่ก่อนที่ อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้ตอบอะไรกลับไป เจาหลี่ตะโกนขึ้นแทรกก่อน “พ่อ! มันนี่แหละที่รังแกผม! พ่อเอามันเลย! ฆ่ามันให้ผมเลย! ผมอยากแก้แค้นมัน!”
“หุบปากไปเดี๋ยวนี้! ทั้ง ๆ ที่วันนั้นแกพาคนไปด้วยตั้งเยอะตั้งแยะแต่กลับทำอะไรไอ้ละอ่อนนี่ไม่ได้ แกนี่มันไม่ได้เรื่องจนฉันต้องมาตามล้างตามเช็ดให้!”
เจาอิงหันกลับไปตะคอกใส่ลูกชายตัวเอง ส่งผลให้เจาหลี่ยอมหุบปากไปในทันที
หลังจากห้องโถงเงียบไปได้ครู่หนึ่ง เจาอิงก็หันกลับมาหาอวี้ฮ่าวหราน อีกครั้งเดี๋ยวสีหน้าเย็นชา
“เอาล่ะ ตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันต้องคิดบัญชีกับแกแทนลูกชายไม่ได้เรื่องของฉันแล้ว!”
ในระหว่างที่พูด เจาอิงเดินเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าแก แต่ในเมื่อแกหักขาลูกชายฉัน ดังนั้นฉันจะขอขาแกทั้งสองข้าง เพื่อที่ในวันหน้าเวลาแกเจอฉัน แกจะได้คลานมาหาได้อย่างเดียวแบบนี้แกว่ายุติธรรมดีไหม?”
เจาอิงคิดมาดีแล้วกับการแก้แค้นเช่นนี้ การฆ่าอีกฝ่ายมันไม่ได้สร้างความกลัวเท่ากับปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่รอดในสภาพน่าอนาถ เมื่อคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ มันจะไม่มีใครกล้าแตะต้องลูกชายของเขาอีก
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับหัวเราะขบขันเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“ฮ่า ๆ ถ้าแกอยากได้ขาฉัน แกต้องแสดงให้ฉันเห็นก่อนว่ามีปัญญาหรือเปล่า”
“ปากดี! ปากดีแบบนี้ งั้นฉันขอปากแกด้วยก็แล้วกัน!”
เจาอิงรู้สึกโมโหมากเมื่อโดนหยอกล้อจากชายหนุ่มรุ่นลูก เขาก้าวเข้าประชิดและเหวี่ยงลูกเตะสูงเล็งไปที่ปากของอวี้ฮ่าวหรานทันที!
บรรดานักเลงแก๊งอื่นที่ดูเหตุการณ์ต่างมองดูด้วยแววตาตื่นเต้น พวกเขาชอบเหตุการณ์ความรุนแรงแบบนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้ามีคนตายพวกเขายิ่งชอบ!
“เอาเลย!”
“ฆ่าเลย!”
“…”
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่อมามันทำให้ฝูงชนทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าง
พวกเขาทั้งหมดต่างเห็นกันเต็มสองตาว่าชายหนุ่มหน้าละอ่อนที่ไม่น่าจะแข็งแรงอะไร กลับใช้มือจับลูกเตะของเจาอิงได้แบบสบาย ๆ
“ห๊ะ?”
ถึงแม้ว่าคนอื่น ๆ จะตกตะลึง แต่คนที่ตกตะลึงที่สุดย่อมเป็นเจาอิง!
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถรับลูกเตะของเขาได้แบบสบาย ๆ!
กร๊อบ!!
แต่แล้วในขณะที่ยังคงงุนงง เจาอิงก็ได้ยินเสียงกระดูกหน้าแข้งของตัวเองหักดังลั่นจากการโดนบีบด้วยอุ้งมือของอวี้ฮ่าวหราน!
“อ…อ๊ากกกก ขาฉัน!!!”
ด้วยความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ มันไม่ได้ยากเลยที่อวี้ฮ่าวหรานจะหักขามนุษย์ธรรมดาสักคนหนึ่ง
เจาอิงร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะทรุดลงไปที่พื้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
บรรดาสมาชิกแก็งอื่น ๆ ต่างตกตะลึงกันมากกว่าเดิม!
พวกเขาตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!
ไอ้ชายหนุ่มที่ดูเหมือนคนธรรมดาคนนี้มันคือสัตว์ประหลาดนี่หว่า!
“เขา…เขาหักขาของเจาหลี่ได้ด้วยมือเดียว!”
“เจาหลี่คือปรมาจารย์กำลังภายใน ต่อให้ถูกรถชน กระดูกเขาก็ยังไม่หักเลย แต่นี่แค่โดนบีบด้วยมือเดียวกระดูกของเขากลับหักราวกับกิ่งไม้แห้งเนี่ยนะ?”
“…”
นักเลงที่มุงดูหลายคนต่างอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน หลังจากหักขาอีกฝ่ายไป ชายหนุ่มยังไม่เคลื่อนไหวทำอะไรต่อ กลับเอาแต่ยืนมองเจาอิงด้วยแววตาหยอกล้อ
“เห็นไหม? แกไม่มีปัญญา…”
“แก…!”
เจาอิงแทบจะกระอักเลือดเพราะคำล้อเลียนของอวี้ฮ่าวหราน แต่ก่อนที่เขาจะเถียงออกไป ก็พบว่าตัวเองรู้สึกเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก
ทางด้านของเจาหลี่ เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว จึงรีบหันไปหาลูกน้องของพ่อเขาและตะคอกใส่ทันที
“พวกแกจะยืนโง่กันอีกนานไหม! เร็วเข้า! รีบไปฆ่ามันให้ฉัน!”
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับคำสั่ง บรรดาลูกน้องของเจาอิงก็ยังไม่เคลื่อนไหว พวกเขาต่างมองหน้ากันอย่างลังเล เพราะที่นี่มันคือถิ่นของ แก๊งพยัคฆ์เวหา การสู้กันตัวต่อตัวมันไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นการรุมแบบนี้แล้วมันดูค่อนข้างจะไม่เหมาะ…
“เอาเลย!”
เจาอิงเห็นสีหน้าของลูกน้องตัวเองก็รู้ได้ทันทีว่าคิดอะไรกันอยู่ ดังนั้นเขาจึงสั่งขึ้นอีกรอบด้วยตัวเอง ซึ่งมันหมายความว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นเขาจะรับผิดชอบเอง!
“เฮอะ! ไม่ว่าพวกแกจะมากันสักกี่คน ในสายตาฉันพวกแกก็ไม่ต่างอะไรจากมด!”
เมื่อเห็นว่านักเลงเกือบยี่สิบคนกรูเข้ามาหา อวี้ฮ่าวหรานก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ก่อนที่จะพุ่งตัวสวนเข้าไปเตะคนที่วิ่งไวที่สุดจนร่างลอยกระเด็นไปชนกับเพื่อนร่วมแก๊งอีกแปดคน ส่งผลให้ทั้งเก้าคนนอนสลบไสลไม่ได้สติจากแรงปะทะ!
เมื่อเห็นภาพนี้ บรรดานักเลงที่มุงดูอยู่ต่างก็ตกตะลึงอีกรอบ!
นี่มันแรงของมนุษย์จริง ๆ หรือเปล่า?
ใครกันจะสามารถเตะคนอีกคนให้ลอยได้ไกลและแรงขนาดนั้น?