บทที่ 302 หลี่จิงเทียนเอาคืน
บทที่ 302 หลี่จิงเทียนเอาคืน
“ฉันไม่สามารถบรรลุมันในชีวิตนี้ได้??”
หลิ่วอวี้จิงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ และตกอยู่ในภาวะขาดสติ
กงซุนซาต้องการที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้แสดงความพึงพอใจออกมาให้อีกฝ่ายเห็น เขาจึงแสร้งแสดงสีหน้าเห็นใจแทน
“อันที่จริงเรื่องนี้ยังพอมีทางแก้ ถ้าในอนาคตน้องหลิ่วยินดีติดตามฉัน นายจะได้รับโอกาสมากกว่าคนทั่วไป ด้วยความช่วยเหลือจากฉัน นายอาจจะมีโอกาสที่จะทะลวงระดับขึ้นไปได้”
“ป…เป็นความจริงงั้นเหรอ?”
หลิ่วอวี้จิงรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินคำพูดนี้
“แน่นอน! ตราบใดที่นายเต็มใจติดตามฉัน แก๊งพยัคฆ์เวหาก็จะถูกทำลาย และอวี้ฮ่าวหรานก็จะตายเช่นกัน! และหลังจากนั้น แน่นอนว่านายจะมีโอกาสก้าวต่อไปได้”
กงซุนซาโยนเหยื่อล่อ
“ได้! ผมยินดีติดตามพี่กงซุนนับจากนี้!”
หลิ่วอวี้จิงไม่ลังเลเลยที่จะตกลงหลังจากได้ยินเรื่องนี้!
เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกเหนือสิ่งอื่นใด
“เอาล่ะ! ถ้างั้นจากนี้ไป แก๊งวาฬยักษ์ของนายจะรวมเป็นส่วนหนึ่งกับแก๊งฉลามคลั่งของฉัน!”
หลังจากที่ทั้งสองคุยกันจบ ทั้งสองแก๊งก็ถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์!
แก๊งวาฬยักษ์ได้เข้าร่วมแก๊งฉลามคลั่ง!
หากข่าวนี้แพร่ออกไป คนนับไม่ถ้วนคงหลับไม่ลงกันแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม หลังจากตกลงกันเสร็จ กงซุนซากลับยังไม่ยอมให้หลิ่วอวี้จิงบอกข่าวนี้ออกไปให้คนอื่น ๆ รู้ เขาต้องการให้คนอื่น ๆ ยังคงเข้าใจว่าทั้งสองแก๊งยังเป็นอิสระต่อกัน
…
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หลี่อิงไห่ถูกไล่ออกจากแก๊งฉลามคลั่ง เขาก็ขึ้นรถและกลับไปที่บริษัทด้วยความสิ้นหวัง
ข่าวร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้หัวใจของเขาแทบทนไม่ไหว!
ภายใต้การโต้กลับที่ดุเดือดของอวี้ฮ่าวหราน เป็นที่แน่ชัดว่าเขาจะต้องสูญเสียบริษัทโดยสิ้นเชิงแน่นอน และถ้าเครือฮ่าวหรานต้องการเล่นงานเขาไปจนสุดทาง เขาอาจจะเป็นหนี้ก้อนโตด้วยซ้ำหลังจากเสียบริษัท!
เมื่อถึงจุดนั้นเขาคงไม่มีปัญญาแม้แต่จะซื้อข้าวกินครบสามมื้อ!
“ฉันมันโง่เอง…ฮ่า ๆ…”
หลี่อิงไห่หัวเราะเยาะเย้ยตัวเองเมื่อนึกถึงน้ำเสียงที่เย็นชาของกงซุนซา และหลิ่วอวี้จิงซึ่งยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา
“เครื่องมือ…เครื่องมือ…ฉันมันเป็นได้แค่นั้น…”
แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็คิดถึงหลี่ชงซานอย่างช่วยไม่ได้
ในเวลานี้ คนเดียวที่สามารถหยุดเครือฮ่าวหรานได้น่าจะเป็นผู้นำตระกูลหลี่!
แต่เมื่อครุ่นคิดไปอีกครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขมขื่น
เมื่อวานฉันทั้งเยาะเย้ยและดูถูกอีกฝ่ายไปมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าวันนี้ฉันต้องแบกหน้ากลับไปขอความช่วยเหลือคนที่ฉันเพิ่งดูถูกไป?
ท้ายที่สุด หลังจากตัดสินใจในใจแล้ว เขาก็ออกจากออฟฟิศของตัวเองลงไปชั้นล่างและสั่งให้คนขับรถขับไปที่บ้านหลักตระกูลหลี่
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง
“แกมาที่นี่เพื่ออ้อนวอนฉันงั้นเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย สีหน้าของหลี่ชงซานก็เปลี่ยนไปเป็นไม่อยากจะเชื่อ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน และเขากำลังกินมื้อเที่ยงกับลูกชายหลี่จิงเทียน
“ฉัน…ฉันสิ้นหวังแล้วจริง ๆ ชงซาน ชงซาน! โปรดช่วยฉันด้วย หากนายไม่ช่วยฉัน ฉันจบสิ้นแน่นอน!”
ใบหน้าของหลี่อิงไห่เต็มไปด้วยน้ำตาในเวลานี้ เขาคุกเข่าลงบนพื้นและร้องไห้อย่างน่าเวทนา
“ฉันหน้ามืดตามัวไปเพราะคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ของอันธพาลพวกนั้น! ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว…”
เมื่อเห็นสภาพที่น่าเวทนาของของอีกฝ่าย หัวใจของหลี่ชงซานก็สั่นสะท้าน
“นาย…เฮ้อ…รีบลุกขึ้นก่อนเถอะ!”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเขาเองจะโดนอีกฝ่ายดูถูกและหักหลังอย่างรุนแรง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน หลี่จิงเทียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตวาดขึ้นทันทีด้วยสีหน้าเดือดดาล!
“เดี๋ยวก่อน! พ่อ! พ่อลืมไปเหรอไงว่าเมื่อวานนี้ไอ้คน ๆ นี้ยังหัวเราะเยาะเราอยู่เลย! แล้วพอมาวันนี้ เมื่อแผนของมันผิดพลาด มันกลับหน้าด้านมาอ้อนวอนเราเนี่ยนะ? เฮอะ! เห็นเราเป็นคนปัญญาอ่อนหรือไง?”
หลังจากพูดจบ หลี่จิงเทียนยืนขึ้นและชึ้ไปที่หลี่อิงไห่ด้วยสีหน้าดูถูก
“เฮ้อ…แต่ว่า…ลุงสองของลูกไม่เคยคุกเข่าอ้อนวอนแบบนี้มาก่อนเลย พ่อว่าเรา…”
หลี่ชงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้จริง ๆ
อย่างไรก็ตาม บุคลิกของหลี่จิงเทียนคือคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจะยอมได้ยังไง?
“ลุงสองของผมงั้นเหรอ? ไอ้คนแบบนี้เนี่ยนะคือลุงสองของผม? เมื่อวานมันเกือบจะเหยียบหน้าเราอยู่แล้วนะพ่อ! พ่อยังอยากให้ไอ้เวรนี่เป็นลุงสองของผมอีกงั้นเหรอ?”
หลังจากพูดจบ หลี่จิงเทียนเดินไปหาหลี่อิงไห่อย่างมีชัย
“ฉันขอสั่งให้แกออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้! อย่ามารบกวนเวลากินข้าวเที่ยงของฉันกับพ่อ ไม่งั้นฉันจะกระทืบแก! ไปซะ!”
หลี่จิงเทียนแค้นมากที่เมื่อวานนี้เขาถูกเรียกว่าขยะ!
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนตระกูลหลี่เหมือนกัน แต่ตราบใดที่ไม่ใช่พ่อหรือน้องสาวของเขา เขาก็ไม่คิดที่จะไว้หน้าใครทั้งนั้น
แน่นอนว่าตอนนี้อาจเพิ่มพี่เขยของเขามาอีกคน
“แก!”
หลี่อิงไห่แทบกระอักเลือดเมื่อถูกหลี่จิงเทียนไล่ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เขาโดนไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ด่าอย่างไม่ไว้หน้าแบบนี้!
“ทำไม แกจะทำไม? แกเห็นรองเท้าของฉันไหม มันสกปรก! ถ้าแกยอมเลียมันให้สะอาด ฉันอาจจะลองโทรหาพี่เขยของฉันให้ แกกล้าหรือเปล่า?”
ยิ่งพูด หลี่จิงเทียนก็ยิ่งรู้สึกเบิกบาน
นี่มันสุดยอด!
เมื่อวานไอ้ลุงสองของเขาคนนี้ยังด่าเขาว่าเป็นขยะอยู่เลย แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับมาคุกเข่าขอร้องพ่อเขาซะแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งให้ข้อเสนอเลียรองเท้าให้สะอาดกับอีกฝ่ายไป แต่ถ้าอีกฝ่ายกล้าทำจริง ๆ เขาคงไม่กล้าจะโทรไปหาพี่เขยของเขา
น่าแปลกที่หลี่ชงซานไม่ได้พูดอะไรขึ้นขัดเลยในระหว่างที่หลี่จิงเทียนดูถูกหลี่อิงไห่ ซึ่งมันทำให้หลี่จิงเทียนมีความสุขกับเรื่องไร้สาระนี้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
จนกระทั่งครู่ต่อมา หลี่ชงซานก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“กลับไปซะเถอะ…ต่อให้ฉันจะอยากช่วย แต่ฉันเกรงว่าฉันคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก คราวที่แล้วฉันขอให้ฮ่าวหรานช่วยลูกชายของฉันไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่มีสิทธิ์ไปขออะไรอีกแล้ว”
แม้ว่าเขาจะเป็นคนใจอ่อน แต่ก็ไม่ใช่คนโง่
เพราะเห็นแก่หน้าของเขา ถึงแม้ว่าหลี่จิงเทียนจะสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็ยังช่วยออกมาจากคุก
คนเราควรรู้ขีดจำกัดของตัวเอง หลี่ชงซานรู้ดีว่าเรื่องของหลี่อิงไห่นั้นมันเกินขีดจำกัดที่เขาจะขออวี้ฮ่าวหรานได้
“แกได้ยินแล้วใช่ไหม! พ่อของฉันบอกให้แกไปซะ! ถ้าแกยังดื้ออยู่ที่นี่อีก ฉันจะปล่อยหมาให้มากัดแก!”
แน่นอนว่าเมื่อหลี่จิงเทียนได้ยินคำพูดของพ่อตัวเองที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับเขา เขาก็รีบตวาดขึ้นเสริมทันที
หายากที่พ่อของเขาและความคิดเห็นของเขาจะเป็นไปในแบบเดียวกัน
หลี่อิงไห่อดไม่ได้ที่จะจ้องที่หลี่จิงเทียนอย่างโกรธเคือง
เขาอยากจะลุกขึ้นไปตบหลี่จิงเทียนให้ตายคามือ!
แต่ด้วยสถานะที่ย่ำแย่ของเขาเช่นนี้ จึงทำได้กัดฟันทนรับคำดูถูก จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจและหันหลังเดินจากไป
สถานะของเขาตอนนี้มันต่ำต้อยมากกว่าหลี่จิงเทียนซะอีก
ถึงแม้ว่าหลี่จิงเทียนจะถูกถอดจากทุกตำแหน่งในบริษัท แต่อย่างน้อย หลี่จิงเทียนก็ยังมีพ่อที่ดี ส่วนเขาตอนนี้สูญเสียทั้งบริษัททั้งตระกูล พูดง่าย ๆ คือเขาไม่มีอะไรเหลือเลย!
หลังจากที่หลี่อิงไห่เดินออกไปจากตัวบ้าน หลี่จิงเทียนก็ยังไม่วายยื่นหัวออกไปพ้นประตูและตะโกนด่าไล่หลัง
“เฮ้! รีบ ๆ ออกไปเลยนะโว้ย และอย่ากลับมากวนฉันกับพ่อกินข้าวอีก!”
ใจของหลี่จิงเทียนพองโต เมื่อได้เอาคืนคนที่ด่าตัวเองเมื่อวานอย่างสาสม
“กลับมานั่งนี่เดี๋ยวนี้!!”
เมื่อเห็นว่าลูกตัวเองชักจะเลยเถิด หลี่ชงซานจึงตะคอกขึ้นอย่างเข้มงวด
“ผม…”
หลี่จิงเทียนหดคออย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินเสียงตวาดของพ่อตัวเอง จากนั้นเขาค่อย ๆ เดินก้มหน้ากลับมาไปที่โต๊ะกินข้าว
เขาไม่เข้าใจว่าพ่อของเขาโกรธเขาอีกเรื่องอะไร?