บทที่ 354 มาเยือนถึงประตูบริษัท
บทที่ 354 มาเยือนถึงประตูบริษัท
หลังจากที่ในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว ถวนถวนก็ดิ้นลงจากอ้อมแขนของอวี้ฮ่าวหราน และกลับไปนั่งที่เปียโนอีกรอบ
“ช่วงนี้พ่อยุ่งมากไปหน่อย แต่พ่อสัญญาว่าในอนาคตพ่อจะใช้เวลากับลูกให้มากขึ้น”
“ถวนถวนรู้ว่าพ่อจ๋าพยายามตามหาแม่! ไม่เป็นไร ถวนถวนสบายดี!”
เด็กน้อยตอบกลับอย่างรู้ความ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีความคิดอ่านมากกว่าเด็กทั่วไปหลายเท่า
“พ่อจ๋า! เดี๋ยวถวนถวนจะเล่นเพลงโปรดให้พ่อเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้น เด็กน้อยก็เริ่มบรรเลงท่วงทำนองอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาวตัวเอง และค่อย ๆ นั่งลงที่โซฟาซึ่งถูกจัดวางเอาไว้อยู่ในห้อง
มือเล็ก ๆ ที่บอบบางพริ้วไหวไปมาบนเปียโน
ท่วงทำนองที่ไพเราะงดงามดังก้องไปทั่วท้องห้องเปียโน
ถวนถวนเล่นอย่างมีสมาธิมาก และท่วงทำนองก็ให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหล ซึ่งถ้าหากไม่บอกคงไม่มีใครรู้ว่า ถวนถวนเพิ่งเรียนเปียโนมาได้แค่เพียงเดือนเดียว
อวี้ฮ่าวหรานฟังการแสดงของลูกสาวอย่างเงียบ ๆ และรู้สึกว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ตัวเองมีความสุขที่สุดในชีวิต
เวลาช่วงเช้าผ่านไปไวเหมือนกับโกหก และอวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปที่ออฟฟิศของตัวเอง
“ท่านประธาน เอกสารเหล่านี้ต้องการการตรวจสอบโดยด่วน มีคำร้องขอการอนุมัติหลายอย่างในนั้นที่เกินขอบเขตอำนาจของผม”
ผู้จัดการหวังกำลังรอเขาอยู่ที่ออฟฟิศมาได้สักพักแล้ว
กองเอกสารในมือของเขาดูเหมือนจะมีความสำคัญมาก
“อืม เอามาให้ผมดูที…”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและรับมา ก่อนจะพบว่ารายละเอียดส่วนใหญ่ในเอกสารเหล่านี้เกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาเก่าและแผนการควบคุมการผันผวนของราคาสินค้าในตลาด
หลังจากใช้เวลามากกว่า 20 นาทีในการตรวจดูเอกสาร อวี้ฮ่าวหรานก็เงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการหวังที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา
“หวังจุน ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่?”
“เอ๊ะ?”
เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหวังไม่คิดว่าประธานจะเรียกเขาด้วยชื่อเต็ม ๆ และถามในประเด็นนี้ขึ้นมา
หลังจากมึนงงไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับอย่างสงสัย
“ปีนี้ผมอายุ 33 ปี แต่ถ้านับความสามารถในด้านการบริหารบริษัท ผมยังนับได้ว่าเด็กอยู่หากเทียบกับท่านประธาน”
“อืม สามสิบสามปี ชายในช่วงอายุเลขสาม…”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าช้า ๆ ราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่างในใจ
“นับจากนี้ เอกสารเช่นนี้คุณจัดการพวกมันด้วยตัวเองได้เลย ไม่ต้องรอให้ผมทบทวนพวกมัน”
“หา? แต่…แต่เอกสารพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาบริษัท ซึ่งตำแหน่งของผมไม่มีอำนาจพอจะตัดสินใจได้นะท่านประธาน!”
ผู้จัดการหวังตกตะลึง การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มันอยู่เกินอำนาจของเขามากเกินไป
“ไม่เป็นไร หลังจากนี้ผมจะให้อำนาจคุณอย่างเต็มที่ เดี๋ยวผมจะเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ
ชายหนุ่มได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งอำนาจบางส่วนของตัวเอง เพราะเขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าให้เวลากับบริษัทมากเกินไปจนไม่มีเวลาให้กับถวนถวน และเป้าหมายในการตามหาหลี่เม่ยก็น้อยมากเกินไปแล้ว
และเหตุผลหลัก ๆ ที่เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ เพราะเชื่อว่าผู้จัดการหวังเป็นคนที่เชื่อถือได้และจะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน
อย่างน้อย ๆ ชายคนนี้ก็น่าจะไม่ทรยศเขา
“นี่…ท่านประธานพูดจริงงั้นเหรอ?”
ผู้จัดการหวังไม่อยากจะเชื่อเลย เขากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่งั้นเหรอ?
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง และหลังจากนี้คุณคงมีงานยุ่งมากกว่าเดิม เพราะคุณต้องเข้าใจว่ารองประธานของคุณนั้นไร้ความสามารถ และเขาช่วยคุณไม่ได้”
อวี้ฮ่าวหรานแสดงสีหน้าหยอกล้อในขณะที่พูดประโยคนี้
“ไม่ ผมเชื่อว่าผมรับมือได้!”
การได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท มันไม่ต่างอะไรกับเขาได้เลื่อนขึ้นเป็นประธานบริษัท แต่แค่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของก็แค่นั้น และอาจกล่าวได้ว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต
ผู้จัดการหวังไม่คิดเลยว่าฝันของตัวเองจะเป็นจริงได้เร็วขนาดนี้!
“ดี! แต่คุณไม่ต้องกังวลเกินไป เพราะผมเองก็จะเข้ามาดูบริษัทเป็นระยะ ๆ เช่นกัน ซึ่งถ้าหากมีปัญหาอะไรที่คุณไม่แน่ใจ คุณปรึกษาผมได้ และยิ่งไปกว่านั้น ผมจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณอีกด้วย”
สำหรับคนเก่งเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานย่อมให้การดูแลอย่างดีเยี่ยม เพราะหากไม่มีอีกฝ่าย เขาก็คงไม่สามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นเช่นกัน
“ขอบคุณ! ขอบคุณ ประธานอวี้! ผมจะทำผลงานให้ได้ตามที่คุณคาดหวังอย่างแน่นอน!!”
ผู้จัดการหวังดูตื่นเต้นเป็นพิเศษในขณะนี้
“โอเค ออกไปเตรียมตัวได้แล้ว ในการประชุมตอนบ่าย ผมจะแจ้งเรื่องนี้กับผู้บริหารทุกคนของบริษัท”
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง การประชุมระดับสูงของบริษัทก็เริ่มขึ้น
อวี้ฮ่าวหรานประกาศการตัดสินใจของเขาอย่างตรงไปตรงมา
“ตอนนี้ผมขอประกาศว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ ผู้จัดการหวังจุนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทของเรา!”
หลังจากได้ยินประกาศ บรรดาผู้บริหารต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจ
พวกเขาไม่ได้ไม่พอใจกับการตัดสินใจของอวี้ฮ่าวหราน แต่แค่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้จัดการหวังจะได้รับความไว้วางใจมากขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครรู้เลย
“หึหึ สมควรแล้วละ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เห็นว่าผู้จัดการหวัง มาทำงานแต่เช้าทุกวัน และกลับบ้านทีหลังคนอื่นตลอด เขาคือคนที่ทุ่มเทให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก”
“ไม่คิดเลยว่าประธานอวี้จะให้ความสำคัญกับผู้จัดการหวังมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่านับจากนี้ฉันจะต้องสุภาพกับผู้จัดการหวังมากกว่าเดิมซะแล้ว”
“ฮิฮิ ใช่แล้ว มีแต่เขาที่เหมาะจะเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของเรา”
“…”
ทุกคนวิจารณ์กันด้วยเสียงแผ่วเบา
ผู้จัดการหวังซึ่งกำลังนั่งข้าง ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้
การประชุมจบลงอย่างรวดเร็ว อวี้ฮ่าวหรานไม่ชอบการประชุมที่ยาวนานหากไม่จำเป็น
ในเวลาเดียวกัน ที่หน้าประตูทางเข้าของเครือฮ่าวหราน
“ผู้อาวุโสหลิน ดูสิ คนธรรมดาที่นี่เข้ามาและออกไปอย่างมีระเบียบ มันต่างจากสมัยก่อนจริง ๆ”
“ฮิฮิ แน่นอน พวกเราหลีกหนีจากโลกและแสวงหาเต๋าเท่านั้น และปล่อยให้ศิษย์สายนอกจัดการเรื่องต่าง ๆ ในโลกภายนอกอย่างเดียว ดังนั้นเราคงไม่มีความเข้าใจเรื่องแบบนี้”
ชายวัยกลางคนสามคนในชุดโบราณพูดคุยกันและค่อย ๆ เดินไปที่หน้าประตู
เมื่อครู่นี้ ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำถูกเรียกว่าผู้อาวุโสหลิน อันที่จริงแล้วเขามีอายุถึงห้าสิบกว่าปี แต่หน้าตาของเขากลับยังดูเด็กกว่าอายุจนเหมือนกับคนอายุแค่สี่สิบต้น ๆ เท่านั้น
สามคนนี้มาเพื่อตามหาอู๋ลั่น
“เอ่อ…ทั้งสามท่าน…หากพวกท่านต้องการเข้าไปในบริษัทของเรา กรุณาแสดงบัตรประจำตัวของพวกท่านด้วย”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เอ่ยขึ้นทักดูลังเลเล็กน้อยในเวลานี้ เขาไม่เคยเห็นใครแต่งตัวแบบนี้มาก่อน
ทำไมคนพวกนี้ถึงแต่งตัวเหมือนกับหลุดมาจากละครย้อนยุคแบบนี้? แถมเขายังรู้สึกกลัวอีกฝ่ายอย่างไม่มีสาเหตุอีกต่างหาก?
“บัตรประจำตัว?”
ผู้อาวุโสหลินเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง ดูเหมือนว่าเขาไม่คุ้นเคยกับคำว่า ‘บัตรประจำตัว’
“ฮึ่ม! เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแต่กลับกล้าขวางทางพวกข้างั้นเหรอ!”
ในขณะเดียวกันนี้ ชายวัยกลางคนที่ดูเด็กกว่าใครเพื่อน แสดงสีหน้าโกรธขึ้นมาอย่างฉับพลัน