บทที่ 45 รอยสักงูเห่า
“บอกมาว่าใครส่งแกมา แล้วฉันจะยอมให้ศพแกมีสภาพสมบูรณ์!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกับค่อย ๆ เดินไปหาฝั่งตรงข้ามที่กำลังค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความเจ็บปวด
เห็นได้ชัดว่ามือปืนผู้นี้แข็งแกร่งพอสมควร ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะออมแรงเอาไว้เพราะกลัวว่าฝั่งตรงข้ามจะตาย แต่เข่านั้นมันก็ควรทำให้คนธรรมดานอนจุกได้เป็นชั่วโมง
“ฮึ่ม แกคิดว่าการที่แกหลบกระสุนและหักมีดได้จะทำให้แกฆ่าฉันได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?”
หลังจากลุกขึ้นมายืนได้สำเร็จ สีหน้าของมือปืนนั้นไม่แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
เมื่อพูดจบเขาถอดเสื้อเกราะกันกระสุนออก ซึ่งแผ่นเกราะเซรามิกผสมด้านในชุดเกราะมันแหลกละเอียดไปหมดแล้วจากแรงกระแทกของเข่าที่อวี้ฮ่าวหรานแทงมา
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเขายังคงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ เขาโชคดีที่เสื้อเกราะซับแรงกระแทกส่วนใหญ่ไป รวมไปถึงตัวเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่บรรลุระดับกำลังภายในไปถึงระดับกลางแล้ว
ตอนนี้มือปืนยังคงมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง เพราะเขาคิดว่าเมื่อครู่เขาประมาทไปหน่อย เขายังไม่ได้ใช้พลังปราณภายในร่างของเขาในการต่อกรกับศัตรู เขายังไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงในการต่อกรกับศัตรูที่ร้ายกาจคนนี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้มือปืนแอบโคจรพลังปราณไปที่ขาและแขนทั้งสองข้างของตัวเอง
หืม? อวี้ฮ่าวหรานแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายฝั่งตรงข้าม
ดูเหมือนว่ามือปืนคนนี้คงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญของโลกใบนี้สินะ?
ทางด้านของมือปืนเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาได้ระยะโจมตีแล้วเขาควักมีดอีกเล่มออกมาจากด้านหลังเอวทันที มีดเล่มนี้ไม่เหมือนกับเล่มที่แล้วที่ใบมีดของมันดูเป็นประกายเงางามกว่า มันแข็งแกร่งและคมกว่าเล่มก่อนเป็นอย่างมากซึ่งบ่งบอกได้ว่ามันเป็นมีดที่ไม่ธรรมดา!
มือปืนพุ่งตัวสวนไปหาอวี้ฮ่าวหรานที่ห่างออกไปราว 3 เมตรด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ เมื่อเข้าระยะประชิดมือปืนจ้วงแทงเข้าไปที่กลางอกของอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบ
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้หลบเลย แต่ครั้งนี้เขาโคจรพลังวิญญาณของตัวเองเล็กน้อยปกคลุมมือของเขาเองและต่อยสวนไปที่ใบมีดตรง ๆ ซึ่งครั้งนี้มีดที่ไม่ธรรมดาเล่มนี้ก็แสดงให้เห็นว่ามันไม่ธรรมดาจริง ๆ
มีดที่ควรจะหักจากหมัดของอวี้ฮ่าวหรานมันกลับไม่หัก แต่ด้วยแรงกระแทกมันทำให้มือปืนถือมีดไม่อยู่จนมีดหลุดมือลอยกระเด็นไปไกลลิบ
อย่างไรก็ตามมือปืนยังคงไม่ถอดใจ เขากำหมัดมือข้างที่ยังว่างและปล่อยหมัดสวนไปที่คางของอวี้ฮ่าวหรานเต็ม ๆ
“ตาย!”
“ปัง!!”
เมื่อเห็นว่าหมัดของตัวเองเข้าเป้าอย่างจัง มือปืนก็รู้สึกยินดีจนแทบอยากจะตะโกนโห่ร้อง แต่แล้ววินาทีต่อมาสีหน้าอันเบิกบานของเขาก็กลายเป็นแข็งค้าง เพราะอวี้ฮ่าวหรานไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อยจากหมัดของเขาที่โคจรพลังปราณลงไปแล้ว!
ในวินาทีเดียวกันนั้นเองเขาก็เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยการดูถูกมองมาที่เขา สายตานั้นมันดูเหมือนว่าเขาเป็นตัวตลกยังไงยังงั้น
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน จากนั้นเขาจับแขนของมือปืนข้างที่เพิ่งต่อยเขาและหักมันง่าย ๆ ราวกับหักกิ่งไม้แห้ง
“กร๊อบ!!”
มือปืนไม่ร้องสักแอะถึงแม้ว่าแขนของตัวเองจะถูกหัก เขารีบพยายามดิ้นรนออกจากการจับกุมของอวี้ฮ่าวหราน แต่ทุกอย่างที่เขาทำมันไม่เป็นผลเลย อวี้ฮ่าวหรานยังคงจับแขนของเขาแน่นไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
แต่ท้ายที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็พ่นลมหายใจและโคจรพลังวิญญาณไปที่ขาของเขาเอง และเตะเข้าไปที่หน้าท้องของมือปืนเต็ม ๆ จนร่างของมือปืนกระเด็นลอยไปไกลถึง 10 เมตร
“แค่ก..แค่ก…น..นี่..แกเป็นใครกันแน่!”
รอบนี้มือปืนลุกไม่ไหวแล้ว เขาทำได้แค่ยันกายขึ้นนั่งพร้อมกับกุมท้องตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด
เป้าหมายแข็งแกร่งขนาดนี้แต่องค์กรกลับส่งเขามาทำงานนี้คนเดียว นี่องค์กรต้องการให้เขาตายหรือไง!!
“นี่แกไม่ได้สืบข้อมูลของฉันมาก่อนหรือไง ก่อนที่จะมาฆ่าฉันเนี่ย?” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าเย้ยหยันพร้อมกับเดินเข้าหามือปืนอย่างใจเย็น
เมื่อเห็นเช่นนี้มือปืนรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝั่งตรงข้ามแน่นอน ความคิดในตอนนี้ของเขาจึงมีเพียงอย่างเดียวคือ หนี!
เขารีบพลิกกายและใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นพร้อมกับออกตัววิ่งทันที
อวี้ฮ่าวหรานที่คอยระวังอยู่แล้วเมื่อเห็นภาพนี้เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนที่จะพุ่งตัวตามไปถึงร่างของมือปืนในชั่วพริบตา และวาดขาเตะหน้าอกฝั่งตรงข้ามจนตัวงอล้มลงไปนอนที่พื้นอีกรอบ
โดนเตะรอบนี้มือปืนกระอักเลือกออกมาคำโต
อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการที่จะให้ฝั่งตรงข้ามขยับหนีได้อีก เขาเดินเข้ามากระทืบขาทั้งสองข้างของมือปืนทันที
“กร๊อบ กร๊อบ!!”
“เอาล่ะ บอกมาว่าใครเป็นคนส่งแกมา แล้วฉันจะให้แกตายแบบสบาย ๆ”
ครั้งนี้อวี้ฮ่าวหรานต้องการคำตอบให้ได้ เพราะเขาอยากที่จะทำลายคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด
แค่ตามฆ่าเขาคนเดียวมันก็น่าโมโหพออยู่แล้ว แต่วันนี้คนพวกนี้กลับทำให้หลี่หรงและลูกสาวของเขาตกอยู่ในอันตรายด้วยอีกต่างหาก เรื่องนี้เขายอมไม่ได้
“หึหึ ฉันไม่มีทางยอมบอกอะไรแก…”
“กร๊อบ!”
“อ๊ากก!!”
อวี้ฮ่าวหรานเหยียบไปที่แขนข้างหนึ่งของมือปืนเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามยังคงปากแข็ง
มือปืนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าเขาจะมีความอดทนเหนือมนุษย์ แต่การที่ขาของเขา 2 ข้างโดนบดกระดูกไปแล้ว และมาตอนนี้แขนอีกข้างที่ยังไม่โดนหักก็โดนบดขยี้อีก มันทำให้เขาทนไม่ไหวจนต้องร้องออกมาอย่างโหยหวน
“บอกมา ใครส่งแกมา!”
อวี้ฮ่าวหรานยังคงถามย้ำต่อ
แต่มือปืนก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมพูดอะไร อวี้ฮ่าวหรานจึงจับที่ไหล่ของฝั่งตรงข้ามและบีบจนกระดูกไหล่แตกไม่มีชิ้นดี
“อ๊ากก!!”
ความเจ็บปวดระดับนี้หากเป็นคนธรรมดาคงยอมไปแล้วแน่นอน แต่มือปืนคนนี้ถูกส่งมาจากองค์กรที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดเจียนตายแต่เขาก็ยังคงไม่ปริปากแม้แต่น้อย
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามทนทายาดมากเขาก็ขมวดคิ้วแน่น มีความคิดที่จะทรมานให้หนักกว่านี้อย่างเช่นค่อย ๆ ดึงนิ้วให้หลุดออกมาทีละนิ้วเพื่อให้ฝั่งตรงข้ามยอม
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำแบบนั้น จู่ ๆ มือปืนก็ตาเหลือกและมีน้ำลายฟูมปากและจากนั้นอีกไม่กี่วินาทีเลือดสีดำ ๆ ก็ไหลออกมาจากดวงตา
นี่มันพิษ!
อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึง แต่ตอนนี้มันสายไปแล้วที่เขาจะทำอะไรได้ทัน
เขาไม่คิดว่าฝั่งตรงข้ามจะใจเด็ดขนาดชิงฆ่าตัวตายไปก่อนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าฝั่งตรงข้ามถูกฝึกมาดีมากจนยอมกลืนยาพิษที่น่าจะถูกซ่อนเอาไว้ในปากแทนที่จะเผยข้อมูลขององค์กร
จากนั้นเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามตายไปแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็สำรวจร่างของมือปืนอย่างละเอียด จนท้ายที่สุดเขาก็ได้เห็นรอยสักที่แขนซ้ายของฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นรูปงูเห่ากำลังแผ่แม่เบี้ย
เขาเดาว่านี่มันน่าจะเป็นรอยสักขององค์กรที่มือปืนคนนี้ทำงานให้ อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจว่าหลังจากนี้เขาจะเอาข้อมูลนี้ไปถามเฉิงกัวอัน
ในฐานะที่เฉิงกัวอันเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของเมืองฮ่วยอัน เขาน่าจะรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับองค์กรนี้
หลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็โยนศพมือปืนคนนี้เข้าไปในป่าข้าง ๆ และรีบวิ่งลงมาดูอาการของหลี่หรงและถวนถวน ซึ่งทั้งคู่ยังคงไม่ได้สติ
ตอนนี้รถพังไปแล้ว เขาไม่มีรถที่จะพาทั้งคู่ไปไหน ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงอุ้มร่างของหลี่หรงและถวนถวนขึ้นบ่าอีกครั้งและวิ่งออกไปจากตึกร้างอย่างรวดเร็ว
โชคยังดีที่หลังจากวิ่งไปได้ราว 10 นาที อวี้ฮ่าวหรานก็เจอกับแท็กซี่ เขารีบโบกแท็กซี่ให้ไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลี่หรงและถวนถวนก็อยู่ในมือหมอ
“หมอตรวจอาการคนไข้แล้ว อาการของทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่หมดสติไปจากอาการช็อกเฉย ๆ เท่านั้น อีกสักเดี๋ยวทั้งคู่ก็น่าจะฟื้นขึ้นได้เอง แค่ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักสองสามวันหมอคิดว่าอาการทุกอย่างก็จะหายเป็นปกติ”
คำพูดนี้ของหมอทำให้อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หากทั้งคู่เป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ เขาคงคลั่งตายแน่ ๆ
หากเป็นเช่นนั้นเขาคนนี้จะทำให้ทุกคนที่อยู่ในโลกนี้เจ็บปวดไปพร้อม ๆ กับเขา!
ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อมาหลี่ชงซานและหลี่จิงเทียนก็มาถึงโรงพยาบาลด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
โดยเฉพาะหลี่ชงซาน เมื่อเขาได้ยินว่าลูกสาวของเขาประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล ใจของเขาหล่นไปที่ตาตุ่มทันที ลูกสาวคนหนึ่งของเขาได้หายไปแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะเห็นลูกสาวของเขาอีกคนเป็นอะไรไปอีก
“ฮ่าวหราน ตอนนี้หรงเอ๋อเป็นยังไงบ้าง?”
หลี่ชงซานถามขึ้นด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“ไอ้เวรเอ๊ย นี่แกขับรถบ้าอะไรของแก? แกซื้อใบขับขี่มาหรือไง! แกขับรถยังไงถึงได้ทำให้น้องสาวของฉันเจ็บตัวแบบนี้?”
หลี่จิงเทียนเอ่ยแทรกขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรกับหลี่จิงเทียน เขารู้อยู่แล้วว่าฝั่งตรงข้ามเป็นแค่ไอ้ปัญญาอ่อนคนหนึ่งที่ไม่คู่ควรให้เขาต้องไปถือสาอะไร เขาหันกลับไปตอบหลี่ชงซานแทนว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง หมอบอกกับผมแล้วว่าไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล แค่นอนพักฟื้นไม่กี่วันก็หาย แต่สาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นเพราะว่ามีนักฆ่าตามฆ่าผม!”
อ