บทที่ 49 รวย
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลังจากพนักงานเก็บเงินเดินหายไปหลังร้าน ผู้จัดการร้าน ก็ยังไม่ออกมาแต่อาหารที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งกลับนำออกมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะเรียบร้อย
ภายใต้การนำของอวี้ฮ่าวหราน สวีรุ่ยก็เริ่มกินเช่นกันด้วยความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น
เธอย้ำซ้ำ ๆ กับตัวเองว่าผู้ชายที่เธอมาด้วยน่าไว้ใจขนาดนี้ เธอยังจะกลัวอะไรอีก ตราบใดที่เธออยู่กับเขาเธอจะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ และสวีรุ่ยอิ่มจนกินอะไรต่อไม่ไหว แต่เธอกลับพบว่าตอนนี้อาหารบนโต๊ะยังเหลือเป็นจำนวนมาก มีแม้กระทั่งบางจานที่ยังไม่ถูกแตะเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าคนสองคนจะไปกินอาหารจานยักษ์ที่มีเกือบยี่สิบจานหมดได้ยังไง ต้องรู้ว่าถึงแม้ว่าราคาอาหารร้านนี้จะแพงแต่ปริมาณที่ให้แต่ละจานก็คือจานเปลขนาดใหญ่ทั้งนั้น
อวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามอิ่มแล้วและกำลังมองอาหารที่เหลือบนโต๊ะด้วยสีหน้าเสียดายเขาก็เอ่ยขึ้นทันที “อาหารที่เหลือทั้งหมดนี้เดี๋ยวผมจะบอกให้ร้านห่อกลับให้หมด คุณเอากลับไปที่บ้านทั้งหมดได้เลยผมจำได้ว่าที่บ้านคุณมีตู้เย็นใหญ่พอสมควร มันควรจะเก็บอาหารพวกนี้หมดจริงไหม?”
“เอ๊? มันจะดีเหรอ? ที่ร้านนี้เขา…” สวีรุ่ย พูดขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือให้พนักงานเสิร์ฟของร้านเดินมาหา
“ห่อกลับบ้านให้ที!”
หลังจากได้ยินคำพูดของ อวี้ฮ่าวหราน สาวเสิร์ฟคนเดิมแสดงสีหน้ารังเกียจมากยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับคิดในใจ
“นี่ยังกล้าสั่งห่อกลับบ้านอีกงั้นเหรอ! หึ ตอนนี้ผู้จัดการกำลังรออยู่แล้ว มาดูกันสิว่าแกจะมีจ่ายไหมถ้าแกไม่มีจ่ายก็เตรียมติดคุกหัวโต ได้เลยไอ้พวก 18 มงกุฎเอ๊ย!”
ตอนนี้ในสายตาของเธอยกระดับอวี้ฮ่าวหราน และหลี่หรงไปอีกขั้น จากที่เป็นคนจนไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าอาหารร้านเธอกลายเป็นพวกหลอกกินฟรี
อวี้ฮ่าวหราน แสดงสีหน้าเย็นชาทันทีเมื่อเห็นแววตาของ สาวเสิร์ฟ ที่มองเขาอย่างรังเกียจแบบนี้เขาพอจะเดาออกว่าตอนนี้ฝั่งตรงข้ามกำลังคิดอะไรกับเขา เขาลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปหาสาวเสิร์ฟด้วยท่าทีคุกคาม
“ม…มีอะไรงั้นเหรอคุณลูกค้า?” สาวเสิร์ฟเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ อวี้ฮ่าวหราน ก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าขึงขัง
“คิดเงิน! เธอจะให้ฉันกินฟรีรึไง?” อวี้ฮ่าวหราน ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา
“หา? อ…อ้อ..ค่ะ..ด..ได้!”
สาวเสิร์ฟเมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็รู้สึกตกตะลึงทันที เธอรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์แล้วรีบวิ่งเอาบิลออกมายื่นให้ อวี้ฮ่าวหราน เธอไม่นึกว่าฝั่งตรงข้ามตั้งใจจะจ่ายเงินจริง ๆ แบบนี้!
“ค…คุณลูกค้า นี่บิลค่าอาหารทั้งหมด 64,000 หยวน รวมส่วนลดที่ทำให้คุณลูกค้าไม่พอใจแล้ว…”
ตัวเลขค่าอาหารขนาดนี้มันพอที่จะทำให้คนธรรมดาเป็นลมได้เลยทีเดียวแต่ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหราน กลับหยิบบัตรเครดิตที่เพิ่งทำใหม่ขึ้นมาและส่งไปให้สาวเสิร์ฟใช้มันรูดไปที่เครื่องรูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับเงินจำนวนนี้ไม่มีค่าอะไรให้ใส่ใจ
สาวเสิร์ฟรีบเอาบัตรมารูดทันทีซึ่งแน่นอนว่าระบบฟ้องว่าจ่ายผ่านไม่มีปัญหา และที่สำคัญเมื่อเธอสังเกตที่บัตรเครดิตของ อวี้ฮ่าวหราน เธอก็พบว่าบัตรเครดิตใบนี้มันจะถูกมอบให้เฉพาะผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 8 หลักเท่านั้น มันจึงทำให้เธอรู้แล้วว่าที่ผ่านมาเธอล่วงเกินคนผิด!
ตอนนี้สาวเสิร์ฟรู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างมาก เธอกลัวว่า อวี้ฮ่าวหราน จะเอาเรื่องเธอจริง ๆ
ในเวลาเดียวกัน ผู้จัดการร้านที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ตลอดผ่านกล้องวงจรปิดหลังร้าน เมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหราน แท้จริงแล้วเป็นคนมีเงินเขาจึงรีบเดินออกมาจากหลังร้านทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณลูกค้า อาหารของเราเป็นที่น่าพึงพอใจหรือเปล่า? ทางร้านของเราขอขอบคุณจริง ๆ ที่คุณลูกค้าอุตส่าห์อุดหนุนเราถึงขนาดนี้ ว่าแต่คุณลูกค้ามีอะไรจะติชมร้านของเราเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า ผมยินดีน้อมรับคำติชมทุกอย่างด้วยความยินดี”
อวี้ฮ่าวหราน ดึงบัตรเครดิตของตัวเองออกมาจากมือของสาวเสิร์ฟด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเขาเอ่ยเสียงดัง “มี!”
“อาหารของร้านคุณรสชาติดีเยี่ยมจริง ๆ อันนี้ผมไม่มีข้อติ ต่อจากนี้ผมคงจะแนะนำเพื่อน ๆ ของผมให้มากินที่ร้านของคุณแต่มีข้อแม้ว่าคราวหน้าที่ผมมา ผมจะต้องไม่เจอเด็กเสิร์ฟคนนี้อีก!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่สาวเสิร์ฟคนที่ดูถูกเขามาตลอด
“นี่คุณพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน!” สาวเสิร์ฟไม่แสร้งทำเป็นสุภาพอีกต่อไปแล้วเมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหราน เล่นงานเธอแบบนี้เห็นได้ชัดว่าฝั่งตรงข้ามต้องการให้ผู้จัดการไล่เธอออก ดังนั้นเธอจึงต้องปกป้องตัวเองโดยไม่กลัวแล้วว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง
ถ้าหากเธอไม่ปกป้องตัวเองตอนนี้ผลลัพธ์มันก็คือโดนไล่ออกเหมือนเดิม
“ผู้จัดการคุณว่าไง?” อวี้ฮ่าวหราน เหล่มองไปที่ผู้จัดการและถามขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“อ…อ้อ ได้เลยครับคุณลูกค้าผู้มีเกียรติ เมื่อครู่มันเป็นคนของผมเองที่ล่วงเกินคุณลูกค้าก่อนจนไม่น่าให้อภัย ไม่เป็นไร ๆ ครับหลังจากวันนี้เธอจะไม่ได้ทำงานที่นี่แน่นอน!”
ผู้จัดการร้านรีบตกปากรับคำทันที เขาเข้าใจดีว่าคนที่มีเงินขนาดนี้เป็นพวกที่ล้อเล่นด้วยไม่ได้ โดยเฉพาะพวกคนรวยที่ชอบทำตัวแปลก ๆ อย่างเช่นแต่งตัวซอมซ่อออกมากินข้าวร้านหรู คนพวกนี้เป็นพวกชอบหาเรื่องพนักงานร้านอาหารอยู่แล้วไม่งั้นคงไม่จงใจแต่งตัวมาให้พนักงานร้านอาหารดูถูกแบบนี้ หากเขาไม่ยอมดี ๆ ตัวเขาเองจะโดนหางเลขไปด้วยง่าย ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้จัดการร้านหันไปถลึงตาใส่สาวเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะทำงานที่นี่ หลังจากพรุ่งนี้เธอไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกแล้วฉันไล่เธอออก!”
“อะไรนะ! ผู้จัดการฉันทำงานให้คุณมาตั้ง 5 ปีแล้วนะ!”
สีหน้าของสาวเสิร์ฟเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกโดยสมบูรณ์ เธอไม่อยากเสียงานนี้ไปเลย งานที่นี่ให้ค่าจ้างสูงแถมเธอยังมีโอกาสได้พบปะกับคนระดับสูงอีกต่างหาก และยิ่งไปกว่านั้นหากเธอโดนร้านอาหารระดับนี้ไล่ออก ร้านอาหารระดับหรูที่อื่นจะไม่มีวันรับเธอเข้าทำงานแน่นอนเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนที่มีประวัติเสีย
“ไม่ต้องมาอ้างอะไรทั้งนั้นฉันไม่อยากฟัง! ขืนฉันให้คนอย่างเธอที่มีทัศนคติการให้บริการแย่ ๆ อย่างเธออยู่ต่อสักวันร้านของฉันคงฉิบหายเข้าสักวัน!”
ผู้จัดการร้านตวาดเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรร้านอาหารระดับสูงของเขาหากมีลูกค้าตำหนิพนักงานขึ้นมาและต้องการเอาเรื่อง ต่อให้ลูกค้าจะเป็นฝ่ายผิดก็ตามแต่ท้ายที่สุดแล้วพนักงานคนนั้นก็ต้องเป็นฝ่ายถูกไล่ออก เพราะคนที่มาร้านเขาแต่ละคนเป็นตัวตนระดับสูงที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ และนี่ยังไม่พูดถึงครั้งนี้ที่พนักงานของเขาเป็นฝ่ายผิดจริงอีกต่างหาก
ใครใช้ให้เธอล่วงเกินเศรษฐีนิสัยประหลาดที่ชอบแต่งตัวซอมซ่อ กันล่ะ! ถือว่าเธอซวยเองที่ไม่ดูให้ดี ๆ ก่อนจะล่วงเกินลูกค้า!
อวี้ฮ่าวหราน หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นแบบนี้ เขารู้สึกสะใจเหมือนกันที่คราวนี้เขาไม่ต้องใช้กำลังในการจัดการฝั่งตรงข้าม ครั้งนี้เขาก็แค่ใช้เงินเล็กน้อยกับคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ฝั่งตรงข้ามตกงานได้แล้ว!
ในเมื่อไม่ให้เกียรติเทพผู้นี้ก่อนงั้นมดแมลงอย่างแกก็จงทุกข์ทรมานไปซะ!
หลังจากจบเรื่องแล้ว อวี้ฮ่าวหราน ก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิม
สวีรุ่ย มองไปที่ อวี้ฮ่าวหราน ด้วยสายตาโง่งมพร้อมกับถามขึ้นว่า “คุณทำอาชีพอะไรกันแน่ทำไมคุณถึงรวยขนาดนี้?”
ก่อนหน้านี้เธอเตรียมใจแล้วเหมือนกันว่ามื้อนี้มันจะต้องแพงจนน่าตกตะลึงแน่นอน แต่เมื่อครู่ที่เธอได้ยินว่าบิลอาหารมันคือราคา 64,000 หยวน เธอแทบจะหน้ามืด
ตัวเลขขนาดนี้มันมากพอที่จะจัดเลี้ยงคน100คนในโรงแรมได้เลย แต่นี่เธอแค่กินข้าวกับเขาสองคน!
เมื่อคิดถึงตัวเลขนี้เธอก็นึกได้ถึงอีกเรื่องหนึ่ง ห่ออาหารกลับบ้าน!
แน่นอนว่าราคาขนาดนี้ต้องห่อกลับไปให้หมดไม่มีเหลือ! ตอนนี้เธอไม่อายอีกแล้วต่อให้ใครจะมองยังไงก็ตาม อาหารมูลค่า 64,000 หยวน ถ้ามันเหลือแล้วมีใครห้ามเธอไม่ให้ห่อพวกมันกลับบ้านเธอจะกัดคอคนคนนั้นให้ตาย!
อวี้ฮ่าวหราน หัวเราะเบา ๆ อย่างขบขันเมื่อสายตาของสวีรุ่ยที่ตอนนี้มองไปที่อาหารที่อยู่บนโต๊ะราวกับกำลังมองขุมสมบัติ
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอก ในอนาคตผมจะพาคุณออกมากินอาหารแพง ๆ แบบนี้อีกบ่อย ๆ เพื่อตอบแทนที่คุณดูแลถวนถวน ดังนั้นทำตัวให้ชินเข้าไว้เถอะ”
“หา? ไม่เอา ไม่เอา มันแพงเกินไป ฉันไม่อยากให้คุณเลี้ยงข้าวฉันแพงขนาดนี้บ่อย ๆ หรอก”
สวีรุ่ย โบกมือเป็นระวิงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของ อวี้ฮ่าวหราน
ถึงแม้ว่าเธอจะชอบรสชาติอาหารของที่นี่แต่ราคาทั้งโต๊ะมันมากกว่าเงินเดือนของเธอทั่งปีซะอีก เธอจะกล้าให้อวี้ฮ่าวหรานพาเธอมาสถานที่แบบนี้บ่อย ๆ ได้ยังไง?
“มันไม่แพงหรอกเมื่อเทียบสิ่งที่คุณทำให้ ถวนถวน คุณต้องรู้เอาไว้ว่าสำหรับผมแล้ว ถวนถวน คือทุกอย่างในชีวิตดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ทำดีกับลูกของผมด้วยความจริงใจ ผมจะตอบแทนคนเหล่านั้นให้มากกว่าร้อยเท่า ฉะนั้นเงินแค่นี้ไม่นับเป็นอะไรได้เลย”
อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นเพื่อให้ฝั่งตรงข้ามสบายใจ แต่แน่นอนว่าคำพูดของเขามันก็เป็นความจริงด้วยเช่นกัน เงินจำนวนแค่นี้สำหรับเขามันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย
ในทางกลับกัน สวีรุ่ย เมื่อได้ยินแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่า อวี้ฮ่าวหราน เป็นคนที่ลึกลับและน่าค้นหามากกว่าเดิม
มิน่าล่ะ ถวนถวน ถึงได้ฉลาดและน่ารักขนาดนั้น ที่แท้เธอก็มีพ่อที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยจริง ๆ