ที่ด้านในสวนสัตว์ เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์มันจึงมีคนมาเที่ยวไม่เยอะสักเท่าไหร่
“พ่อจ๋า ดูนั่น ลิง! ลิงสีทอง!”
ถวนถวน จับจ้องไปที่ลิงสีทองด้วยอาการตื่นเต้น
ที่ด้านในกรงขนาดใหญ่ มีลองสีทอง7-8ตัวกำลังปีนป่ายต้นไม้ไปมาพร้อมกับร้องเสียงดังราวกับพวกมันกำลังเล่นกันอยู่
อวี้ฮ่าวหราน และ หลี่หรง ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าเป็นสุขเมื่อเห็น ถวนถวน ซึ่งกำลังสนุกสนานเป็นอย่างมาก
จากนั้นต่อมาทั้งสามคนก็พากันไปดูบ้านช้าง กรงนกยูง และบ่อฮิปโป
ในทุกครั้งที่ ถวนถวน ได้เห็นสัตว์ประเภทใหม่ ๆ เด็กน้อยจะตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้นทุกครั้ง
“พ่อจ๋า หนูอยากเห็นเสือแล้ว!”
หลังจากดู ฮิปโปดำผุดดำว่ายอยู่ในสระมาสักพัก ถวนถวน ก็หันมาพูดกับพ่อของเธอด้วยสีหน้าคาดหวัง
เสือ คือสิ่งที่เธออยากดูมาตั้งแต่เมื่อคืน
แน่นอนว่า อวี้ฮ่าวหราน ไม่ปฏิเสธเขาพาลูกสาวของเขาและ หลี่หรง เดินไปตามป้ายบอกทางที่ชี้ไปยังเขตกรงเสือทันที
ในระหว่างทาง หลี่หรง หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกอยู่ตลอดซึ่งรูปส่วนใหญ่เป็นรูปของเธอกับ ถวนถวน และมีรูปของ อวี้ฮ่าวหราน แซมมาบ้างเล็กน้อย หรือไม่บางทีก็เป็นรูปหมู่3คนก็ต่อเมื่อเธอสามารถวานคนที่เดินผ่านไปมาให้ถ่ายรูปหมู่ของพวกเขาได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หลี่หรง แอบคิดอยู่ในใจว่ามันคงจะสมบูรณ์แบบกว่านี้ถ้า หลี่เม่ย อยู่ที่นี่ด้วย
หลังจากเดินไปได้สักพักในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงบริเวณที่มีแต่กรงเสือ
ในระยะไกล อู่ปิง จับจ้องเป้าหมายของเขาอยู่ตลอดเวลา และเมื่อในตอนนี้เขาเห็นว่าบริเวณรอบ ๆ ปลอดคนเขาจึงสั่งหนึ่งในลูกน้องของเขาทันที
“อาเหลียง แกไปลากตัวไอ้หนุ่มนั่นออกไปหาฉันที่ข้างนอกสวนสัตว์ แต่ถ้าหากมันไม่ยอมตามแกออกไปดี ๆ ฉันอนุญาตให้แกใช้กำลังได้เลย!”
เมื่อได้ยินคำที่ลูกพี่ของตัวเองสั่ง ชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่า อาเหลียง เดินตรงปรี่เข้าไปหา อวี้ฮ่าวหราน ทันที
“เฮ้ไอ้หนุ่ม! ถ้าแกไม่อยากให้ลูกและผู้หญิงของแกเดือดร้อนไปด้วย แกจงตามฉันมาซะดี ๆ ลูกพี่ของฉันมีเรื่องจะสะสางกับแก!”
อาเหลียง ตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างหยิ่งผยอง เขาไม่คิดว่า อวี้ฮ่าวหราน เป็นภัยคุกคามเขาแม้แต่น้อย
อันที่จริง เขาเห็นภาพเหตุการณ์ตอนที่ อวี้ฮ่าวหราน ถีบชายหนุ่มจนร่วงภายในครั้งเดียวเมื่อตอนที่อยู่หน้าสวนสัตว์เหมือนกัน แต่เขาคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาจำเป็นต้องใส่ใจเท่าไหร่เพราะเขาเองก็สามารถทำได้เหมือนกัน
ทางด้านของ อวี้ฮ่าวหราน การที่จู่ ๆ ก็มีชายร่างใหญ่หน้าตาขึงขังปรากฎตัวขึ้นมาทำลายช่วงเวลาความสุขที่เขามีกับลูกสาวอยู่ตอนนี้มันทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
ขนาดมาเที่ยวสวนสัตว์ก็ยังมีพวกมดแมลงตามมารังควานงั้นเหรอ? ทำไมชีวิตของฉันช่วงนี้มันถึงวุ่นวายขนาดนี้!
“ถ้าลูกพี่แกมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันก็เรียกให้มันมาคุยกับฉันเอง ฉันไม่มีว่างเดินออกไปหาลูกพี่ของแกหรือใครที่ไหนทั้งนั้น!”
เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหราน หันหลังและพา หลี่หรง กับ ถวนถวน เดินหน้าต่อไปดูเสือทันที
“ไอ้เวรนี่! แกคิดว่าแกเป็นใครกันวะถึงกล้าหันหลังให้คนอย่างฉัน ฉันอุตส่าห์ปราณีชวนแกออกไปเพื่อไม่ให้คนของแกเห็นภาพอุจาดตา แต่แกกลับเนรคุณฉันงั้นเหรอ!”
“ไอ้เวรแกกลับมานี่เดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหราน หันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่แยแสเขาเลย อาเหลียง เดือดจนหน้าแดงทันทีเขาตวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับและวิ่งพุ่งไปหา อวี้ฮ่าวหราน ตั้งใจว่าจะล็อคคอแล้วลากออกไปจากตรงนี้
แต่แล้วก่อนที่อาเหลียงจะทันได้วิ่งถึงตัว อวี้ฮ่าวหราน ซึ่งกำลังอุ้ม ถวนถวน อยู่ก็ม้วนตัวถีบกลับหลังเข้าใส่อกของ อาเหลียงอย่างจัง
“ผลั่ก!!”
ลูกถีบนี้ อวี้ฮ่าวหราน ปราณีฝั่งตรงข้ามเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย แต่จากพละกำลังของร่างกายเขาเพียงอย่างเดียวมันก็ส่งผลให้ร่างของอาเหลียงกระเด็นลอยกลับไปราว7-8เมตร!
“แค่ก แค่ก! แก! แกรอก่อนเถอะ บังอาจยั่วยุพวกฉันแกไม่ได้ตายดีแน่!”
หลังจากโดนถีบโดยทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าลูกถีบนั้นมันเร็วขนาดนั้นได้ยังไง อาเหลียง ก็รู้สึกทั้งตกตะลึงและโมโหเป็นอย่างมาก เขาตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความคับแค้น
เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามยังคงปากดีได้อีก อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าแกยังไม่หยุดพูด ฉันจะเดินไปหักกระดูกซี่โครงของแกเพิ่ม!”
อาเหลียง ตื่นตระหนกทันทีเมื่อได้ยินคำขู่นี้ ตอนนี้เขารู้สึกได้เลยว่ากระดูกซี่โครงของเขาหักไปหลายซี่และเขาไม่อยากจะถูกหักเพิ่มแน่นอนเพราะแค่นี้เขาก็เจ็บจวนจะแย่อยู่แล้ว!
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านนอกสวนสัตว์
อู่ปิง ซึ่งกำลังยืนหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็กำลังก่นด่าลูกน้องตัวเองที่มันช้านัก
“แม่งเอ๊ย อาเหลียงมันทำอะไรของมันอยู่วะ ทำไมมันถึงช้าแบบนี้?”
เขารอมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว!
ไม่เพียงแต่ อู่ปิง ที่ยืนรอด้วยสีหน้าหงุดหงิดแต่ลูกน้องที่เขาพามาด้วยอีกสิบกว่าคนก็เริ่มบ่นกันอย่างไม่พอใจแล้ว
แต่แล้สในเวลาเดียวกับที่ความอดทนของพวกเขากำลังจะหมด อาเหลียง ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเจ็บปวดมีเลือดไหลที่มุมปากพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“เฮ้ย! นี่แกไปทำอะไรมา? อย่าบอกนะว่าไอ้หนุ่มนั่นมันอัดแกซะจนเละแบบนี้?”
เมื่อเห็นสภาพที่น่าอนาถของ อาเหลียง อู่ปิงรู้สึกโมโหจนแทบควันออกหู
“แค่ก ๆ พี่ปิง ไอ้หนุ่มนั่นมันไม่ธรรมดาเลย และเมื่อกี้มันฝากบอกมาว่าถ้าพี่มีปัญหาอะไรก็เข้าไปคุยกับมันด้วยตัวเอง มันจะไม่ยอมเสียเวลาเดินออกมาที่นี่แน่นอน!” อาเหลียงตอบกลับด้วยสีหน้าขมขื่น
“หืม? ไอ้เวรนั่นมันกล้าพูดแบบนั้นเลยงั้นเหรอ?” อู่ปิง ถามกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ผมไม่กล้าโกหกพี่ปิงหรอก!” อาเหลียงยืนยันอีกรอบพร้อมกับนั่งลงกับพื้นเพราะเขารู้สึกยืนไม่ไหวแล้ว
“แม่งเอ๊ย! ไอ้ลูกหมานั่นมันจะหยามฉันมากเกินไปแล้ว! ไปทุกคนเข้าไปลากตัวไอ้เวรนั่นออกมาที่นี่กับฉัน ในเมื่อมันไม่ยอมออกมาหาฉันดี ๆ งั้นฉันจะหักขาทั้งสองข้าของมันเป็นอันดับแรก!”
หลังจากตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล อู่ปิง นำคนของเขาทั้งหมดเดินกลับเข้าไปในสวนสัตว์ทันที
ไม่นานนัก เสียงโวยวายก็ดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่ อวี้ฮ่าวหราน ยืนอยู่
“ถอยไป! พวกแกไสหัวออกไปจากที่นี่ให้หมดถ้าไม่อยากเจ็บตัว!”
แน่นอนว่านี่คือเสียงของกลุ่ม อู่ปิง ซึ่งกำลังไล่บรรดานักท่องเที่ยวให้ออกไปให้พ้นจากบริเวณนี้เพื่อที่เขาจะทำอะไรได้สะดวก
ทางด้านของบรรดานักท่องเที่ยวที่เห็นว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าโหดเหี้ยมตัวใหญ่สิบกว่าคน ตะโกนไล่พวกเขาอย่างดุร้าย พวกเขาต่างก็พากันวิ่งหนีไปไม่มีใครกล้ารั้งอยู่ต่อสักคน
“เฮ้ย! ไอ้ลูกหมา เมื่อกี้แกอัดคนของฉันงั้นเหรอ?”
เมื่อไม่มีคนนอกอยู่รอบ ๆ แล้ว อู่ปิง ตะโกนถาม อวี้ฮ่าวหราน ทันทีด้วยสีหน้าเดือดดาล
อวี้ฮ่าวหราน เดาได้ทันทีว่าคนที่กำลังถามเขาอยู่เป็นลูกพี่ของไอ้คนที่เขาเพิ่งอัดไปเมื่อครู่แน่นอน แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าไอ้คนพวกนี้มันเป็นพวกไหน
“แกเป็นใคร?” อวี้ฮ่าวหราน ถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย
“ตอนแรกฉันอุตส่าห์ส่งคนมาเรียกแกออกไปหาฉันดี ๆ ฉันกะว่าฉันจะสั่งสอนแกแบบเบาะ ๆ เท่านั้น แต่แกกลับทำร้ายลูกน้องของฉันจนเจ็บหนัก ฉะนั้นถ้าวันนี้ฉันไม่หักขาและแขนของแก ฉันไม่ยอมเลิกราแน่!”
อู่ปิง ไม่ตอบกลับ อวี้ฮ่าวหราน หลังจากพูดจบเขาโบกมือสั่งลูกน้องของตัวเองให้วิ่งไปล้อม อวี้ฮ่าวหราน ถวนถวน และหลี่หรง ทันที