เมื่อได้ยินสิ่งที่อวี้ฮ่าวหรานกระซิบบอก หลี่ชงซานก็ถึงกับตะลึงงันไปในทันที
“ลูกพูดจริงงั้นเหรอ ?”
หลี่ชงซานถามกลับด้วยสีหน้าโง่งม แต่เมื่อเขาหันไปมองสีหน้าของหลี่จิงเทียน เขาก็ได้รับคำตอบในใจแทบจะในทันที
“อะแฮ่ม ทุกคนออกไปให้หมดก่อนตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย จิงเทียน แกอยู่ก่อนพ่อมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับแก ฮ่าวหราน ลูกอยู่ด้วยเหมือนกัน”
หลี่ชงซานรู้สึกหดหู่ใจจนแทบอยากจะหลั่งน้ำตา เขารู้จักลูกชายเขาเป็นอย่างดีจนแค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ทุกคนที่อยู่ในห้องไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรเลย ทุกคนต่างค่อย ๆ เดินออกจากห้องแต่โดยดีรวมไปถึงหลี่หรงด้วยเช่นกัน
“จิงเทียน แกเข้ามาหาพ่อใกล้ ๆ ตรงนี้”
เมื่อทุกคนออกไปจนหมดและประตูปิดสนิทเหลือแต่หลี่จิงเทียนและอวี้ฮ่าวหราน หลี่ชงซานก็เอ่ยขึ้นเรียกลูกชายของตัวเองทันที
“พ่ออยากให้แกพูดมาตามตรง แกรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนวางยาพิษพ่อ?”
หลี่จิงเทียนที่เพิ่งเดินมาถึงข้างเตียง เมื่อได้ยินประโยคคำถามนี้เขาแทบเข่าอ่อน ร่างของเขาสั่นไปหมดซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีพิรุธเต็ม ๆ
“พ่อไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!”
หลี่จิงเทียนรีบปฏิเสธทันที แต่สีหน้าและท่าทางที่ตื่นตระหนกของเขามันฟ้องอยู่เต็ม ๆ ว่าเขามีส่วนรู้เห็น!
หลี่ชงซานเมื่อได้เห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ เขาถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเศร้าหมองและโมโหในเวลาเดียวกัน
“ฉันถามแก! ใครเป็นคนวางแผนวางยาพิษฉันตอบมา!”
เมื่อเห็นท่าทีที่เกรี้ยวกราดรุนแรงของพ่อตัวเอง หลี่จิงเทียนก็ทนแรงกดดันในใจตัวเองไม่ไหว เขาคุกเข่าลงทันทีพร้อมกับร้องไห้โฮออกมา แต่เขาก็ยังไม่กล้าตอบอะไรกลับไป
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นเขาเดินเข้าไปหาหลี่จิงเทียนพร้อมกับล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วจนหลี่จิงเทียนตอบโต้ไม่ทัน
สิ่งที่ติดมือของอวี้ฮ่าวหรานออกมาจากกระเป๋ากางเกงของหลี่จิงเทียนก็คือขวดพลาสติกใสเล็ก ๆ ยาวราว 3 นิ้ว ซึ่งด้านในมีผงสีขาว ๆ เหลืออยู่ก้นขวด
ต่อให้อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใช้เนตรเทวะในการตรวจสอบ แต่จากท่าทางของหลี่จิงเทียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่มันคือขวดยาพิษ!
เมื่อมีหลักฐานมัดตัวเองแน่นขนาดนี้ หลี่จิงเทียนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เขาไม่กล้ามองหน้าพ่อของเขาอีกต่อไป
อวี้ฮ่าวหรานซึ่งยืนมองอยู่ข้าง ๆ ตัดสินใจว่าเขาไม่ควรจะพูดอะไรมากนัก ไม่ว่ายังไงนี่มันเป็นเรื่องในครอบครัว เขาจะปล่อยให้หลี่ชงซานเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเอายังไง
หลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก ในที่สุดหลี่จิงเทียนก็เริ่มเผยความจริงออกมา
“พ่อ ผม…ผมผิดไปแล้ว…ผมหลงผิดไป..ทุกอย่างมันเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมโกรธที่พ่อมอบทุกอย่างให้กับอวี้ฮ่าวหราน…ผมโกรธ! ผมโกรธจริง ๆ ที่พ่อทำแบบนั้น ดังนั้นผมก็เลย…ผมก็เลย…วางยาพิษ…ผม…ผมผิดไปแล้ว…”
“เพี้ยะ เพี้ยะ!”
เมื่อพูดจบประโยค หลี่จิงเทียนพลันตบหน้าตัวเองอย่างแรง
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ผมทำมันผิด! ผมเสียใจจริง ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นพ่อนอนอยู่บนเตียงผมก็ยิ่งเสียใจ! ผมสาบานผมจะไม่มีวันทำแบบนี้อีกแล้ว!”
“เพี้ยะ เพี้ยะ!”
หลี่จิงเทียนตบหน้าตัวเองอีกรอบซึ่งมันแรงกว่าเดิมซะอีก
ทางด้านของหลี่ชงซาน ในตอนนี้เขามองไปที่ลูกของเขาด้วยสายตาผิดหวังแบบที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
เขาไม่นึกเลยว่าลูกชายของเขาจะทำแบบนี้กับเขา เขาไม่นึกว่าลูกที่แสนโง่เง่าของเขาจะมีจิตใจที่แสนโหดเหี้ยมวางยาพิษฆ่าพ่อของตัวเองได้แบบนี้!
แต่แล้วด้วยความเป็นพ่อ เมื่อเห็นลูกของตัวเองร้องไห้และตบหน้าตัวเองไม่หยุดอยู่ข้างเตียง หลี่ชงซานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเวทนา
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาควรจะทำยังไงกับลูกชายคนนี้ดี
“จิงเทียน แกออกไปจากห้องก่อน” หลี่ชงซานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวังรุนแรง
จากนั้นในทันทีที่หลี่จิงเทียนออกไปจากห้อง ดวงตาของหลี่ชงซานก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เขาพยายามสุดฤทธิ์ที่จะไม่สะอึกสะอื้นออกมา
“ดูเหมือนว่าชาตินี้ฉันจะหวังพึ่งลูกชายคนเดียวของฉันไม่ได้ซะแล้ว”
คำพูดนี้ของหลี่ชงซานเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“แต่สวรรค์ยังคงเมตตาฉันอยู่ที่ส่งลูกเขยที่เพียบพร้อมมาให้ ฮ่าวหราน นับจากนี้ตระกูลหลี่คงต้องหวังพึ่งลูกแล้ว!”
เมื่อพูดจบ หลี่ชงซานถอดสร้อยคอซึ่งมีจี้หยกคล้องอยู่และยื่นมันให้กับอวี้ฮ่าวหราน
“นี่เป็นสร้อยคอที่บรรพบุรุษของตระกูลพ่อมอบสืบต่อกันมา สร้อยนี้จะถูกส่งมอบให้แต่เฉพาะลูกชายคนโตของตระกูลผู้ซึ่งมีสิทธิ์จะได้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปเท่านั้น แต่ตอนนี้ลูกชายจริง ๆ ของพ่อมันไม่สามารถพึ่งพาได้ ดังนั้นพ่อขอมอบมันให้กับลูกแทน…”
อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึงไปพักหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดเขาไม่ได้ปฏิเสธ เขารับสร้อยคอมาและเพ่งมองมันอย่างตั้งใจ
อวี้ฮ่าวหรานรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของที่มอบให้เพื่อเป็นรางวัลหรือมอบให้เพื่อเชิดชูเกียรติใด ๆ แต่มันเป็นสิ่งแทนความหมายของภาระหน้าที่ที่เขาจะต้องแบกรับในอนาคต
เมื่อเขารับสร้อยคอนี้มาแล้ว… มันย่อมหมายความว่าในอนาคตเขาจะต้องดูแลตระกูลหลี่ให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลี่ชงซานไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเขามันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตระกูลหลี่ไปตลอดกาล ในฐานะที่อวี้ฮ่าวหรานเคยเป็นจักรพรรดิเทพผู้ปกครองสวรรค์ชั้น 33 มาก่อน อวี้ฮ่าวหรานย่อมสามารถพาตระกูลหลี่รุ่งเรืองไปจนถึงจุดที่หลี่ชงซานไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน
“ฮ่าวหราน ในเมื่อลูกรับสร้อยคอนี้ไปแล้ว มันก็หมายความว่านับจากนี้อนาคตของตระกูลหลี่อยู่ในมือของลูกแล้วเรียบร้อย”
“ส่วนเรื่องของจิงเทียน ถึงแม้ว่าเขาจะวางยาพิษพ่อ แต่พ่อไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ซึ่งเราคงต้องสืบหากันต่อไปว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และอีกอย่างเราไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้ว่าจิงเทียนเป็นคนวางยาพิษพ่อ เพราะไม่งั้น เขาจะไม่มีวันอยู่ในตระกูลหลี่ได้อีกต่อไปซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พ่อไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นลูกของพ่ออยู่ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงไปก็ตาม…”
หลังจากที่มอบสร้อยคอจี้หยกให้กับอวี้ฮ่าวหรานไป หลี่ชงซานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ มันไม่มีพ่อคนไหนที่รู้สึกดีได้แน่นอนเมื่อต้องยอมรับว่าลูกชายของตัวเองมันไร้ความสามารถและต้องให้คนอื่นมานำตระกูลแทน
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและเก็บสร้อยคอไปอย่างระมัดระวัง เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้หลี่ชงซานรู้สึกยังไงเพราะเขาก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน
“ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่มีผมอยู่ ตระกูลหลี่จะไม่มีวันตกต่ำอย่างแน่นอน!”
หลังจากคุยกันไปได้อีกครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากห้อง
และเมื่อหลังจากเห็นว่าสถานการณ์ที่ตระกูลหลี่ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็พาหลี่หรงและถวนถวนกลับคอนโด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อให้นานนักเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงสำหรับเขามากเกินไป
ในระหว่างทางกลับขณะอยู่ในรถ
“พี่เขย พี่รู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนวางยาพิษ? ถ้าพี่รู้พี่ช่วยไปฆ่าไอ้คนคนนั้นให้ฉันหน่อยจะได้ไหม ฉันไม่ต้องการให้คนที่พยายามฆ่าพ่อของฉันมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีก!”
หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น เธอพยายามถามอวี้ฮ่าวหรานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าใครเป็นคนวางยาพิษพ่อของเธอ เพราะเธอเข้าใจว่าอวี้ฮ่าวหรานน่าจะรู้อะไรบางอย่าง เนื่องจากเขายังคงคุยอยู่กับพ่อของเธอในห้องอยู่นานสองนานกว่าจะออกมา
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น เพราะเขาสัญญากับหลี่ชงซานเอาไว้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้หลี่หรงรู้ไปว่าพี่ชายของเธอที่เป็นคนวางยาพิษ มันก็จะยิ่งทำให้หลี่หรงเสียใจมากกว่าเดิมเปล่า ๆ
“ตอนนี้ยังอีกนานกว่าจะค่ำ พวกเราไปแวะดูบริษัทชงซานกันหน่อยจะดีกว่า”
อวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนประเด็นทันทีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหลี่หรง
“เอ๊? พี่อยากไปดูงั้นเหรอ? อืม…ก็ดีเหมือนกันมันก็นานแล้วที่ฉันไม่ได้ไปที่นั่นเลย”
หลี่หรงรู้สึกอึ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าอวี้ฮ่าวหรานอยากไปดูบริษัทพ่อของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกตรงไหน เพราะพ่อของเธอได้มอบบริษัทให้พี่เขยของเธอเรียบร้อยแล้ว มันจึงไม่แปลกที่เจ้าของบริษัทจะอยากเข้าไปดูบริษัทของตัวเองบ้าง
และอีกอย่างบรรดาบอร์ดบริหารหลายคนเป็นคนของพี่ชายของเธอ เธออยากรู้จริง ๆ ว่าเวลาที่พวกคนเหล่านั้นได้เห็นพี่เขยของเธอเข้าไปในบริษัทในฐานะประธานบริษัท คนพวกนั้นจะทำหน้ากันยังไง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ได้มายืนตรงหน้าตึกบริษัทชงซานอันใหญ่โต
หลี่หรงไม่ได้ลงจากรถมาด้วย เพราะตอนนี้ถวนถวนนอนหลับอยู่บนตักของเธอ เธอไม่อยากปลุกให้เด็กน้อยตื่นขึ้นโดยไม่จำเป็น
ทางด้านสถานการณ์ของบริษัทชงซาน
นับตั้งแต่วันที่หลี่ชงซานประกาศให้อวี้ฮ่าวหรานดูแลบริษัทชงซานแทน พนักงานบริษัทตั้งแต่ระดับล่างยันระดับบนก็พูดถึงเรื่องนี้กันไม่หยุดหย่อน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักหน้าตาของอวี้ฮ่าวหราน แต่ชื่อของประธานบริษัทคนใหม่ก็ถูกประทับลงในหัวสมองของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว
ข่าวที่หลี่จิงเทียนถูกปลดจากตำแหน่งรองประธานบริษัท ซึ่งมีอำนาจพอ ๆ กับประธานบริษัทอย่างสายฟ้าฟาด และให้ไปเป็นรองที่ปรึกษาทั่วไปซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจอะไรเลยแทน… มันทำให้ทุกคนในบริษัทตกตะลึงโดยเฉพาะพวกผู้คนที่เคยเป็นคนของหลี่จิงเทียน!!