บทที่ 87 ประท้วง
เมื่อถึงเวลา 4 โมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานจึงออกจากบริษัทไปรับถวนถวนกลับคอนโดตามเดิม
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็พา ถวนถวนไปนั่งเล่นที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“ถวนถวน พ่อมีเซอร์ไพรส์ให้ลูกด้วยนะ”
“ฮี่ฮี่ ถวนถวนชอบเซอร์ไพรส์ที่สุด พ่อมีอะไรจะให้ถวนถวน ?” เด็กน้อยปรบมือด้วยความดีใจ เธอมองหน้าอวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาคาดหวัง
“อีกไม่กี่วันลูกจะได้รู้เอง พ่อเชื่อว่าลูกต้องชอบแน่นอน!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มปริศนา
“ไม่เอา ถวนถวนอยากรู้ตอนนี้!”
“ไม่ได้ลูกต้องรอก่อน”
“ไม่เอา ๆ ถวนถวนอยากรู้ตอนนี้เลย!”
ยิ่งพูด ถวนถวนก็ยิ่งส่งสายตาอ้อนวอน แต่ท้ายที่สุด อวี้ฮ่าวหรานก็ยังไม่ยอมบอกเด็กน้อยปล่อยให้สงสัยต่อไป แถมเขายังหัวเราะชอบใจที่เห็นอาการอยู่ไม่สุขของลูกสาวตัวเอง
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ยอมเฉลยสักที ถวนถวนพลันลุกขึ้นจากอ้อมกอดอวี้ฮ่าวหราน จากนั้นวิ่งไปฟ้องหลี่หรง
“แม่หรง! พ่อรังแกถวนถวน!”
“‘งั้นเหรอ? ได้เลยเดี๋ยวแม่หรงจะไปตีพ่อให้นะ!” หลี่หรง แกล้งทำเป็นโมโหอวี้ฮ่าวหราน แต่ที่มุมปากของเธอกลับมีรอยยิ้มแห่งความสุข
2 วันต่อมา
ในออฟฟิศของอวี้ฮ่าวหราน
“ท่านประธาน นี่คือตารางการทำงานที่ผมร่างขึ้นมาใหม่หลังจากเราแบ่งแผนกต่าง ๆ ตามแผนที่ท่านส่งให้ผมมา”
ผู้จัดการหวังพูดขึ้นพร้อมกับวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของอวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ซึ่งเขาพบว่าตารางงานใหม่ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยผู้จัดการหวังนั้นสอดคล้องกับแผนปรับปรุงโครงสร้างบริษัทของเขาอย่างสมบูรณ์
สิ่งนี้ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก!
“ยอดเยี่ยมดีมาก! ผมตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่จ้างคุณมาทำงานให้ผม!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยชมเสียงดัง
“ขอบคุณท่านประธานที่ชม แต่ถ้าไม่ใช่เพราะแผนที่ประธานร่างมาให้ผมก่อนหน้านี้มันไร้ที่ติ ผมเองก็คงไม่สามารถทำตารางงานที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ขึ้นมาได้แน่นอน”
ผู้จัดการหวังไม่ต้องการรับความดีความชอบอยู่ฝ่ายเดียว เขาจึงเอ่ยคำชมอวี้ฮ่าวหรานกลับไปอย่างถ่อมตัว
อวี้ฮ่าวหรานที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจมากกว่าเดิม ผู้จัดการหวังคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถ… แต่บุคลิกกับนิสัยยังน่าคบหาอีกต่างหาก!
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วแบบนี้พวกเราดำเนินการตามแผนได้เลย”
“รับทราบครับท่านประธาน!”
หลังจากได้รับคำสั่งยืนยัน ผู้จัดการหวังก็ออกไปทำตามคำสั่งของอวี้ฮ่าวหรานทันที
อย่างไรก็ตาม แค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผู้จัดการหวังก็กลับเข้ามาหา อวี้ฮ่าวหรานอีกรอบด้วยสีหน้าหนักใจ
“ท่านประธาน ตอนนี้แผนของเราเจอกับปัญหา”
“ว่ามา” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เพราะเขาคาดไว้แล้วว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง
“ในระหว่างการปรับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ให้กับพนักงาน พนักงานบางคนในฝ่ายผลิตไม่ยอมให้ความร่วมมือตามคำสั่ง” ผู้จัดการหวังแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว
“เพราะเหตุผลอะไร?” อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว
“ไม่มีใครยอมให้เหตุผลว่าทำไม แต่พวกเขาดึงดันว่าจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของเรา ตอนนี้ผมกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่”
“ไม่เป็นไร คุณไปกับผม พวกเราไปตรวจสอบที่นั่นด้วยกัน”
เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงไปที่แผนกสายการผลิตพร้อมกับผู้จัดการหวัง
ขณะนี้ด้านในแผนกสายการผลิตเงียบสงัดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เพราะเครื่องจักรทุกตัวหยุดทำงาน
“นั่นประธานอวี้นี่นา! ประธานอวี้มาที่นี่ด้วยตัวเอง!”
“ในที่สุดฝันของพวกเราก็กำลังจะเป็นจริงแล้ว!”
“…”
พนักงานหลายคนต่างส่งเสียงพูดคุยกันจอแจเมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา
“ท่านประธานอวี้ ที่แผนกของพวกเรามีคนงานน้อยเกินไป ตอนนี้พวกเรามีกันไม่ถึง 50 คนด้วยซ้ำ!”
“ใช่แล้ว! ด้วยจำนวนคนงานที่น้อยขนาดนี้มันทำให้งานของพวกเราหนักจนสายตัวแทบขาด!”
“งานก็เยอะ เงินเดือนก็น้อย ประธานอวี้คุณควรเพิ่มเงินเดือนให้พวกเราอีกสักหน่อย!”
ไม่ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเดินผ่านใคร แทบทุกคนต่างบ่นปัญหากับเขาไม่หยุดหย่อน
ผู้จัดการหวังเข้ามากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูอวี้ฮ่าวหรานเมื่อเขาเห็นหน้าคนงานพวกนี้ที่กำลังบ่นอยู่ “ท่านประธาน พวกคนงานที่กำลังบ่นเสียงดังพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนงานเก่าของบริษัทที่เจิ้งเหวยกัวเป็นเจ้าของ”
“อ้อ ตาเฒ่านั่นอีกแล้วสินะ”
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองไปยังบรรดาพนักงานที่กำลังบ่นตรงหน้าเขา จากนั้นเขาพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
คนพวกนี้เป็นพนักงานของเขาแล้วแท้ ๆ แต่กลับกล้ากระด้างกระเดื่องกับเขา แบบนี้เขาต้องสั่งสอนให้หลาบจำ!
อวี้ฮ่าวหรานเผยรอยยิ้มชั่วร้ายจากนั้นเขาตะโกนขึ้นเสียงดัง “พวกคุณอยากได้เงินเดือนเพิ่มงั้นเหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่ผมจะทำให้อยู่แล้ว… แต่! แต่พวกคุณต้องรอให้บริษัทมีผลกำไรมากกว่านี้ก่อนผมถึงจะเพิ่มเงินเดือนให้กับพวกคุณ”
“และการที่ผลกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นได้นั้นพวกคุณจำเป็นต้องทำงานเพื่อผลิตสินค้าออกมาให้ทางบริษัทจำหน่าย ไม่เช่นนั้นหากบริษัทไม่มีอะไรออกไปขายมันก็หมายความว่าบริษัทไม่มีรายได้ และจากนั้นพวกคุณเองก็ไม่มีทางได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น”
ในตอนนี้ อวี้ฮ่าวหรานคิดว่าเขาจะลองใช้ไม้อ่อนโน้มน้าวให้คนเหล่านี้เข้าใจถึงหลักเหตุและผลกันก่อน
“ผายลม! พวกผู้บริหารอย่างพวกคุณเงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกปีไม่ว่าผลกำไรมันจะเท่าไหร่ แต่คุณกลับไม่เคยเพิ่มให้พวกเราเลย!”
ใครบางคนในหมู่พวกคนงานตะโกนขึ้น
“เมื่อกี้ใครเป็นคนพูด? แสดงตัวออกมา!”
ผู้จัดการหวัง ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินเช่นนี้เขารู้สึกโมโหทันที มันไม่ควรมีพนักงานคนไหนที่ใช้คำพูดไม่ให้เกียรติประธานของบริษัทแบบนี้ หากเขาไม่ลงโทษคนแบบนี้ วันหลังอวี้ฮ่าวหรานจะเผชิญกับปัญหาในการควบคุมคนในบริษัท
“ทำไม? ไม่รู้ล่ะหากวันนี้ฉันไม่ได้เพิ่มเงินเดือนฉันจะไม่ทำงานแน่ ๆ!”
“ใช่! ถ้าไม่ขึ้นเงินเดือนให้เราก็อย่าหวังว่าพวกเราจะยอมทำงาน!”
โดยไม่คาดคิด แทนที่ทุกคนจะหวาดกลัวกับคำพูดของผู้จัดการหวัง บรรดาคนงานหลายคนกลับเถียงเสียงแข็งมากขึ้น
ในเวลาเดียวที่ออฟฟิศของเจิ้งเหวยกัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า! คิดจะสู้กับคนอย่างฉันงั้นเหรอ แกกับฉันมันคนละรุ่นกันไอ้เด็กน้อย!”
เจิ้งเหวยกัวหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความสะใจเมื่อได้ยินรายงานเรื่องนี้จากลูกน้องตัวเอง
“เหอะ! อวี้ฮ่าวหรานนี่มันช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ที่ยกข้ออ้างเรื่องกำไรขึ้นมาโน้มน้าวพนักงานของเรา”
หนึ่งในบอร์ดบริหารอีกคนที่อยู่ในออฟฟิศของเจิ้งเหวยกัว เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย