บทที่ 97 เด็กน้อยทำอาหาร
หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยอย่างเป็นกันเอง อวี้ฮ่าวหรานขับรถกลับคอนโดทันที
ในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูห้อง เจ้าลูกหมาพันธุ์ชเนาเซอร์ก็รีบวิ่งกรูมาต้อนรับเขาด้วยอาการเริงร่าสุดขีด
หางที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยของมันแกว่งไม่หยุดหย่อนราวกับเป็นก้านปัดน้ำฝนกระจกหน้ารถที่เปิดด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อเห็นความน่ารักของเจ้าลูกหมาตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาอุ้มเล่น
“พ่อจ๋า!”
ไม่ถึง 10 วินาทีหลังจากที่เจ้าลูกกวาดวิ่งมาต้อนรับ ถวนถวนก็วิ่งตามมากอดขาของอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน
“พ่อจ๋า หนูอยากให้พ่ออุ้มหนูเหมือนกัน!”
เมื่อเห็นลูกกวาดโดนอุ้มอยู่ ถวนถวนก็เกิดความอิจฉาอยากถูกอุ้มบ้าง
“ได้เลย ไหนดูสิว่าทั้งคู่ใครจะทรงตัวบนแขนพ่อได้ดีกว่ากัน!” อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ
“ถวนถวนดีกว่าอยู่แล้ว เย้!”
จากนั้นคู่พ่อลูกกับลูกหมา 1 ตัวก็เล่นกันอยู่พักใหญ่จนหลี่หรงกลับมาถึงห้อง
เมื่อเห็นภาพที่ทั้งคนทั้งหมาต่างเล่นกันอยู่สนุกสนาน หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มมีความสุขออกมา
เธอจำได้ว่าตั้งแต่หลี่เม่ยหายตัวไป เธอก็แทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มของถวนถวนแบบนี้อีกเลย
ดีจริง ๆ ที่พี่เขยของเธอกลับมา
“พี่เขย คืนนี้พี่อยากกินอะไร?”
หลังจากเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องของตัวเองและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หลี่หรงก็เตรียมตัวเข้าไปทำอาหารค่ำในครัวเนื่องจากวันนี้พี่เลี้ยงหนิงก็ยังคงไม่กลับมา
“เธอทำอะไรมาก็ได้พี่กินได้หมดนั่นแหละ”
“พ่อจ๋า! วันนี้ถวนถวนไม่อยากกินอาหารฝีมือแม่หรงแล้ว ถวนถวนอยากทำอาหารเองบ้าง!”
เมื่อได้ยินคำตอบของอวี้ฮ่าวหราน ถวนถวนลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ถวนถวน ลูกยังเด็ก เอาไว้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนแล้วค่อยทำอาหารให้พ่อกับแม่หรงกินนะ”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นโน้มน้าวลูกสาวของเขาทันที เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าลูกสาวของเขาไปเอาความคิดทำอาหารเองมาจากไหน
“ไม่เอา! วันนี้หนูอยากทำอาหารเอง! หนูไม่อยากรอจนโตมันนานเกินไป!”
เมื่อได้ยินคำพูดโน้มน้าวของอวี้ฮ่าวหราน ถวนถวนยิ่งพูดเสียงแข็งอยากจะทำอาหารให้ได้มากกว่าเดิม เธอเริ่มกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความไม่พอใจ
“ถวนถวน ตัวของลูกเล็กแค่นี้ลูกจะทำอาหารได้ยังไง?”
หลี่หรงเดินเข้ามาอุ้มถวนถวนที่กำลังดื้อและเอ่ยขึ้นเสริม
ถวนถวนตัวเล็กนิดเดียว อย่าว่าแต่ทำอาหารเลยแค่ยกตะหลิวยังลำบาก
“ไม่เอา! หนูจะทำอาหาร! หนูอยากทำอาหารให้พ่อกินบ้าง!”
ถวนถวนยังคงพูดขึ้นด้วยสีหน้าดื้อดึงไม่ยอมง่าย ๆ
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจด้วยความจนใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ก็ได้ ๆ ในเมื่อลูกอยากทำอาหารงั้นเดี๋ยวเราลงไปซื้ออุปกรณ์ทำอาหารเล็ก ๆ มาให้ลูกใช้ก็แล้วกัน”
“เย้! พ่อดีที่สุด! ถวนถวนรักพ่อจังเล้ย!”
เมื่อได้รับอนุญาต ถวนถวนเขย่าตัวไปมาในอ้อมแขนของหลี่หรงด้วยความดีใจ
“นี่พี่จะตามใจลูกมากเกินไปแล้วนะ!”
หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะตำหนิอวี้ฮ่าวหราน เพราะกลัวว่าเขาจะตามใจถวนถวนจนเสียคน
ไม่นานต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็อุ้มถวนถวนลงไปที่ร้านห้างขนาดเล็กที่อยู่ใต้คอนโด
อวี้ฮ่าวหรานเลือกซื้อเตาสนามและหม้ออันขนาดเท่าฝ่ามือและตะหลิวอันเล็ก ๆ อย่างละอันซึ่งเหมาะกับถวนถวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นเขาก็พาถวนถวนกลับขึ้นไปบนห้อง
หลี่หรงล้างและหั่นผักเตรียมเอาไว้รอเรียบร้อยแล้ว และยืนยิ้มรอดูว่าถวนถวนจะทำอาหารยังไง
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จ สถานที่ปรุงอาหารก็คือบนโต๊ะกินข้าวซึ่งมีเตาสนามและหม้อตั้งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาอุ้มถวนถวนเอาไว้ที่อกและให้เด็กน้อยเป็นคนปรุงอาหารด้วยตัวเอง
เมื่อน้ำมันเดือด ถวนถวนใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองหยิบแตงกวาที่หั่นเอาไว้แล้วค่อย ๆ หย่อนลงไปในหม้อและผัดมันตามที่เธอเคยเห็นหลี่หรงทำอยู่บ่อย ๆ
“พ่อจ๋า ดูสิ! ฮี่ฮี่ ถวนถวนทำอาหารได้ด้วยเห็นไหม!”
ในระหว่างที่ผัด ถวนถวนหันมายิ้มกว้างให้อวี้ฮ่าวหรานอย่างมีความสุข
10 นาทีต่อมา ผัดผัก 3 อย่างที่ดูหน้าตาน่ากินก็ถูกตั้งบนโต๊ะ
อันที่จริงในระหว่างที่ถวนถวนทำผัดผักพวกนี้ อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงต่างคอยนั่งควบคุมส่วนผสมอยู่ไม่ห่างเพื่อไม่ให้เด็กน้อยทำอะไรที่มันเลยเถิดเกินไป
ตัวอย่างสิ่งที่เรียกว่าเลยเถิดก็เช่นการใส่เกลือครึ่งขวด หรือไม่ก็น้ำส้มสายชู 10 ช้อนอะไรประมาณนั้น…
“พ่อจ๋า หนูทำให้พ่อสุดฝีมือเลย พ่อกินมันเร็ว!”
ถวนถวนยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยแววตาตื่นเต้น เธออยากจะให้พ่อของเธอชิมอาหารที่เธอทำและชมว่ามันอร่อยจนเต็มแก่
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของลูกสาวตัวเอง เขาหัวเราะออกมาก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบผัดแตงกวามาเข้าปาก…
แอ่ก!
ขมโคตร!
รสสัมผัสแรกที่เขาเคี้ยวมันคือความขมไม่ต่างอะไรจากบอระเพ็ด…
แต่หลังจากนั้นพอเคี้ยวไปอีกทีมันกลายเป็นมีรสเค็มรุนแรงพวยพุ่งออกมาจนถึงสมอง!
และนั่นยังไม่พอหลังจากรสเค็มพวยพุ่งออกมา กลิ่นของซอสถั่วเหลืองก็คับคั่งไปทั่วทั้งปากจนออกจมูก
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผลลัพธ์มันถึงออกมาเป็นแบบนี้ทั้ง ๆ ที่เขาและหลี่หรงก็คอยควบคุมการเติมส่วนผสมทั้งหมดแล้วนี่นา!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ารสชาติมันจะแย่จนกินไม่ได้ แต่นี่คืออาหารที่ลูกสาวของเขาตั้งใจทำ ดังนั้นเขาคงไม่อาจปฏิเสธมันได้เพราะมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจลูกสาวของเขาเอง!
“พ่อจ๋า! เป็นยังไง?”
ถวนถวนเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าคาดหวัง
“เอ่อ… มันก็… มันก็ดี… ไม่สิมันดีมากเลยล่ะ! รสชาติดีพอ ๆ กับที่แม่หรงของลูกทำเลย!”
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้ฮ่าวหรานพูดอะไรที่ขัดกับความคิดของตัวเอง
หลี่หรงเมื่อได้ยินคำตอบนี้ เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ฝีมือทำอาหารของถวนถวนดีขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
จากนั้นเธอลองใช้ตะเกียบคีบผัดแตงกวาเข้าปากบ้าง…
แน่นอนว่าในทันทีที่แตงกวาชิ้นนั้นเข้าปาก ดวงตาของหลี่หรงพลันเบิกโพลงด้วยอาการรู้แจ้ง!
น… นี่มันรสชาติอะไรกัน!?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของเด็กน้อย หลี่หรงก็กลั้นใจกลืนแตงกวาลงไปทั้งชิ้นโดยไม่เคี้ยวต่อ
“แม่หรงจ๋า ฝีมือของถวนถวนเป็นยังไงบ้าง?”
“อะแฮ่ม ๆ เอ่อ….ใช้ได้ ๆ แต่ว่ารอบหน้าแม่คิดว่าใส่พริกให้น้อยลงหน่อย…”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หลี่หรงรู้สึกพลาดเป็นอย่างมากที่เมื่อครู่ตอนเตรียมส่วนผสมของอาหาร ทำไมเธอถึงต้องหั่นพริกมาด้วย!
หลังจากได้รับคำชมจากทั้งหลี่หรงและอวี้ฮ่าวหราน เด็กน้อยก็หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข
แต่แล้วต่อมาไม่รู้ว่านึกอะไรได้ จู่ ๆ ถวนถวนก็หยิบผัดแตงกวาเข้าปากของตัวเองบ้าง ซึ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเกินไปโดยที่อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงก็เอ่ยห้ามไม่ทัน!
“แหวะะะะ แหวะ ๆ ๆ ร..รสชาติแย่มาก ๆ เลย!”
ทันทีที่เคี้ยวแตงกวาคำแรก เด็กน้อยบ้วนมันทิ้งลงพื้นทันทีโดยลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารไปเลย จากนั้นเธอหันกลับมาตะโกนพูดกับอวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงอย่างรวดเร็ว
“พ่อ แม่หรง! อย่ากินมันนะ! มันแย่มาก ๆ เลย!”
สีหน้าของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดสุดขีดเมื่อคิดว่าเมื่อครู่เธอให้พ่อกับแม่หรงของเธอกินอาหารแบบนี้เข้าไป
“ฮ..ฮือ….พ่อจ๋า หนูขอโทษ หนูทำอาหารได้แย่มากเลย แต่หนูแค่อยากทำอาหารให้พ่อบ้าง! ฮือ…”
เมื่อรู้สึกผิดเกินรับไหว เด็กน้อยก็ปล่อยโฮออกมาเต็มที่
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่หรงรีบอุ้มถวนถวนและปลอบทันที “โอ๋ ๆ ไม่เอาไม่ร้องนะลูก ตอนนี้ถวนถวนยังเด็กอยู่ เอาไว้ถวนถวนโตขึ้นเมื่อไหร่อาหารของถวนถวนก็จะอร่อยขึ้นเองเชื่อแม่หรงสิ!”