เหลียงชิวฉานได้ยินนางพูดถึงหลินเจี้ยนหรูก็หยุดเท้าทันใด “จากนั้นล่ะ?”
“แซ่กัวกับหลินเจี้ยนหรูลงไปโลกมนุษย์ด้วยกัน ไหนเลยจะรู้ว่าคู่หมั้นถูกอสุนีบาตสองสายฟาดใส่จนเผยร่างออกมา ตอนนั้นจางเหยี่ยนซิงจวินคิดจะลงโทษอย่างหนักไม่ใช่หรือ? ภายหลังนางยกเรื่องทำคดีที่ชิงชิวขึ้นมาอ้าง ตอนนี้จึงรักษาหน้าที่การงานไว้ได้” ลั่วฉือพูดสิ่งที่ได้ฟังมาจากที่อื่น ไม่รู้ว่าพูดต่อกันมากี่รอบแล้ว
“นางรู้ได้อย่างไรว่าชิงชิวเกิดเรื่องแล้ว?” สีหน้าของเหลียงชิวฉานยิ่งเคร่งขึ้น
ลั่วฉือนิ่งอึ้งไป “ได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสองพบองค์หญิงแห่งชิงชิว องค์หญิงผู้นั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องการจะสังหารหลินเจี้ยนหรู ต่อมาได้ยินว่าเสือขาวที่ตอนนี้เลี้ยงไว้ในลานบ้านช่วยเหลือไว้จึงรอดมาได้ เจ้าเป็นศิษย์พี่ของเขา เรื่องนี้เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?”
เหลียงชิวฉานไม่รู้จริงๆ!
นางรู้ว่าหลินเจี้ยนหรูลงไปโลกมนุษย์แล้วพบจิ้งจอกแดง รู้ว่าเขาต้องทำคดีชิงชิวร่วมกับกัวมู่จิ่ว แต่ไม่รู้ว่าที่แท้เขาปะทะกับจิ้งจอกแดงมาก่อนด้วย…
หากพวกเขาเคยปะทะกัน นั่นก็แสดงว่าหลินเจี้ยนหรูมีโอกาสนำขนจิ้งจอกจากร่างนางมาได้?
หากได้ขนจิ้งจอกมาแบบนั้น เช่นนั้นการตายของหลินเซี่ย…
นางพลันนึกถึงชายเสื้อเล็กๆ ที่โผล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าในห้องหลินเซี่ย จีหมิ่นจวินเป็นคนเจ้าระเบียบมาก แม้แต่ผ้าปูเตียงนางยังไม่ให้คนยุ่ง จะไม่ระมัดระวังให้เสื้อหนีบอยู่ที่ประตูตู้เสื้อผ้างั้นหรือ?
นางตัวสั่นขึ้นมา ก่อนหันกลับไปทันใด ชักเท้าวิ่งไปยังถนนตะวันออก!
หลังจากที่มู่จิ่วจากไป หลินเจี้ยนหรูนั่งสงบสติปรับลมหายใจภายใน รู้สึกว่าชีพจรลื่นไหลไร้สิ่งกีดขวาง มหาโอสถทองก็ค่อยๆ ถูกจุดตันเถียนกลืนเข้าไป ขมวดกลายเป็นขั้นหยวนอิงที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ วันเวลาผ่านไป ช้าเร็วต้องก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแน่ เมื่อบวกกับมีวิธีฝึกพลังขั้นหยวนอิงในคัมภีร์ที่มู่จิ่วให้เขามา ก็ผ่อนคลายลงกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
ในใจรู้สึกดีใจ แต่ในความดีใจนั้นยังหลีกเลี่ยงความสงสัยไว้ไม่ได้
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนผ่านด่านเคราะห์ครั้งหนึ่งเลื่อนขั้นได้ถึงสองขั้น เขารู้ว่าตนเองใกล้สำเร็จขั้นเจี๋ยตันแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกประหลาด แต่จากเจี๋ยตันสู่หยวนอิงเป็นขั้นที่ไม่สั้นนัก ระหว่างนั้นยังต้องเหนื่อยยากฝึกฝนบำเพ็ญตนหลากหลายรูปแบบ ทำไมลู่ยารับอสุนีบาตแทนเขาสามสาย พริบตาเดียวก็ทำให้เขาบำเพ็ญถึงขั้นหยวนอิงเลย?
แน่นอนว่าเขารู้ดี พลังในร่างเขาหากไม่ถึงขั้นหยวนอิง โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้ หากต้องการรักษาชีวิตเขาไว้ต้องเลื่อนให้ถึงขั้นหยวนอิงเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือทำไมลู่ยาทำแทนเขาได้? ทำไมคนผู้นั้นถึงมีความสามารถแบบนี้?
“หลินเจี้ยนหรู!”
ขณะกำลังนั่งขัดสมาธิครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูที่ไม่ได้ลงกลอนพลันถูกเปิดออกอย่างแรง
เหลียงชิวฉานใบหน้าเย็นชาเดินเข้ามา นิ้วชี้หน้าเขา “เจ้าสังหารอาจารย์อาสี่ใช่หรือไม่?!”
หลินเจี้ยนหรูมองนางอย่างสงบนิ่งอยู่นาน ก่อนค่อยๆ คลายเท้าลงพื้น “ศิษย์พี่เหลียงกำลังพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ”
เหลียงชิวฉานไม่พูดมากความอีก เงื้อมือขึ้นสะบัดไปทางเขา
แต่หลินเจี้ยนหรูในวันนี้จะยังเป็นหลินเจี้ยนหรูในครั้งก่อนอยู่หรือ?
นางเพิ่งเงื้อมือขึ้น เขาก็ผลักนางกระเด็นไปกำแพงฝั่งตรงข้าม ไม่เพียงเท้าไม่ขยับ แม้แต่ลมหายใจยังไม่สับสนเลยแม้แต่น้อย!
ดวงตาของเหลียงชิวฉานเบิกกว้างราวกับฆ้อง งอตัวอยู่บนพื้นอยู่นานจึงค่อยลุกขึ้นมานั่ง “ทำไมเจ้า…ทำไมถึงมีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงกล้าแกร่งขึ้นมาได้?!”
ชัดเจนว่าเขาอยู่แค่ขั้นจู้จีและรากฐานวิญญาณไม่สะอาด ทั้งๆ ที่นางอยู่ขั้นเจี๋ยตันมามากกว่าสองร้อยปี ทำไมนางถึงหยุดฝ่ามือนี้ของเขาไม่ได้? ท่าทางแบบนี้ของเขาบอกชัดว่าไม่ได้อยู่ขั้นจู้จีอีกแล้ว เขาเลื่อนขั้นแล้ว! เขาเลื่อนขั้นสูงกว่าขั้นของนางแล้ว!
“เจ้ากินมหาโอสถของอาจารย์อาสี่?!” นางลุกขึ้นมา ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ที่แท้หลินเซี่ยถูกเขาสังหาร มหาโอสถทองก็เป็นเขาที่เอาไป! เพื่อเป้าหมายในการเลื่อนขั้นแล้วเขาถึงกับสังหารบิดา!
ทั้งร่างของนางสั่นเทาขณะชี้นิ้วไปยังเขา “ข้าจะกลับไปบอกอาจารย์ ข้าต้องไปบอกหน่วยลาดตระเวน ข้าจะต้องเปิดโปงเจ้า!”
นางพูดพลางดิ้นรนเคลื่อนไปยังประตู!
สายตาของหลินเจี้ยนหรูพลันเย็นเยียบ ร่างเพียงขยับก็ลากนางกลับเข้ามา พลิกเท้าปิดประตู มือหนึ่งราวกับกรงเล็บเหยี่ยวจับแน่นที่คอของนาง!
ใบหน้าของเหลียงชิวฉานแดงเถือกไปหมดในพริบตา ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นม่วง สายตาที่หยิ่งเย็นชาตลอดมาเริ่มมีความหวาดกลัว
และไอสังหารในสายตาของหลินเจี้ยนหรูยิ่งเห็นชัดเจนขึ้น
แต่ไหนแต่ไรนางไม่คิดเลยว่าเจ้าสวะนี่จะมีวันจับนางไว้ได้! ตอนนี้ไม่มีทางให้หนีแล้ว
“อาเหลียง? อาเหลียง?”
เสียงผู้หญิงกระจ่างใสซึ่งดังมาจากด้านนอกราวกับเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด และพลันทำให้ใจที่ใกล้หมดหวังของนางกลับมามีหวังอีกครั้ง!
ลั่วฉือมาแล้ว! ไม่คิดว่านางจะมาตามหา!
นางลองอ้าปาก แต่กลับไม่มีเสียง
นางต้องหาทางบอกลั่วฉือ มิฉะนั้นแล้วนางคงต้องตายอยู่ที่นี่!
ตอนหลินเจี้ยนหรูได้ยินเสียงนี้คิ้วก็ขมวดแน่น
ในเมื่อมีคนตามมาถึงที่นี่ แสดงว่ามีคนรู้ว่าเหลียงชิวฉานมาหาเขา แบบนั้นหากเขาสังหารนาง ภายหลังก็จะปิดไว้ไม่อยู่
เขาคิดว่าตนสังหารหลินเซี่ยอย่างไร้ร่องรอยแล้ว แต่เหลียงชิวฉานก็ยังรู้
ต่อไปเมื่อคนของสำนักแรกพยับรู้ตัว กลัวก็แต่ว่าจะสงสัยในตัวเขา เพราะเขาเลื่อนขั้นสองขั้นอย่างผิดปกติและเคยปะทะกับจิ้งจอกแดงมาก่อน
“อาเหลียง?”
เสียงมาถึงประตูแล้ว
เกรงว่านางจะเข้ามาแล้ว!
เขามองเหลียงชิวฉานที่กำลังดิ้นรนขัดขืน โจมตีนางจนสติพร่าเลือนก่อนจับโยนเข้าห้อง จากนั้นปรับสีหน้าเดินออกไป “ศิษย์พี่เหลียงไปแล้ว”
“ไปแล้ว?” ลั่วฉือมองเข้าไปในเรือนอย่างสงสัย
หลินเจี้ยนหรูเบี่ยงตัวให้นางดูจนพอ
นางกลับรู้สึกไม่ดี พูดคล้ายกลบเกลื่อนว่า “ข้ายังอุตส่าห์เอาข้าวมาให้นาง” พูดจบก็หมุนตัวจากไป
จนนางหายลับไป หลินเจี้ยนหรูยังคงยืนอยู่หน้าประตูอยู่นานถึงค่อยแง้มประตูกลับเข้าห้อง
เหลียงชิวฉานได้สติแล้ว กำลังปีนขึ้นมาจากพื้น ใช้สายตาที่โกรธแค้นและหวาดกลัวจ้องเขา “หลินเจี้ยนหรู เจ้าคนเนรคุณ! เจ้าฆาตกร! เจ้าลูกนอกสมรสที่ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉาน…”
เขาก้าวไปกักนางไว้ในอก ยิ้มเยาะจับคางนางไว้ “ในเมื่อเจ้าพูดว่าข้าต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉาน มิสู้ทำเรื่องที่สัตว์เดรัจฉานพึงทำสักหน่อย!”
เขาผลักเหลียงชิวฉานลงกับพื้น คุกเข่าอยู่ระหว่างขานางแล้วปลดอาภรณ์ของนางออก จนเผยให้เห็นเสื้อตัวในสีแดงอ่อน
เหลียงชิวฉานดิ้นรนราวกับคนบ้า แต่นางจะสู้แรงชายหนุ่มได้อย่างไร? อีกอย่างวันนี้เขายังแข็งแกร่งกว่านางมากนัก
“หลินเจี้ยนหรู! ปล่อยข้า!”
หลินเจี้ยนหรูเรียกพลังลมปราณมาอุดคอนาง ผนึกจุดหย่าเหมิน[1]เอาไว้
เสียงเต็มไปด้วยการถากถาง “ศิษย์พี่เหลียง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดว่าร่างกายของเจ้าจะถูกลูกนอกสมรสอันต่ำต้อยอย่างข้าแตะต้องมิใช่หรือ? ไม่เคยคิดเลยว่าเสื้อผ้าบนร่างเจ้าจะถูกลูกนอกสมรสคนที่ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานถอดออกใช่หรือไม่? แต่ก่อนไม่เคยสังเกตศิษย์พี่มาก่อน ที่แท้ศิษย์พี่ก็หน้าตาพอไปวัดไปวาได้”
เหลียงชิวฉานที่ร้องตะโกนออกมาไม่ได้ยิ่งอับอายมากขึ้น นางทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยพลังที่อุดอยู่ตรงคอ แต่กลับทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะอารมณ์โกรธแค้น ในดวงตานางสะท้อนความบ้าคลั่งเมื่อความตายคืบคลานเข้ามา ผิวที่เผยออกมาล้วนแดงเถือก นางที่ถูกเขาบีบบังคับสั่นสะท้านขึ้นมาแล้ว