เขายิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้าให้พวกมู่จิ่ว “ที่จริงได้เตรียมห้องที่กว้างขวางไว้ให้ท่านทั้งสองแล้ว อยู่สองคนไม่มีปัญหาแน่นอน”
พูดจบก็เดินจากไป
นายพลปูยังไร้คู่ครอง เห็นท่าทางสนิทสนมของพวกเขา ก็ทิ้งกุญแจไว้ก่อนวิ่งหนีหายไปแล้ว
มู่จิ่วสะบัดออกจากอุ้งมือลู่ยาแล้วหันมาชี้เขา ตั้งใจจะพูดกับเขาอย่างจริงจังสักสองประโยค ไหนเลยจะรู้ว่าเขากลับไขกุญแจเดินเข้าประตูไปแล้ว
ห้องนั้นกว้างขวางมากตามคาด แสงยังนับว่าสว่าง ด้านตะวันออกมีเตียง ด้านตะวันตกมีตั่ง หน้าเตียงและตั่งมีฉากกั้นลม ตรงกลางมีโต๊ะกลมตัวเล็กอยู่ อยู่สองคนไม่เป็นปัญหาจริงๆ ดูออกว่าขุนนางเต่าจัดการเรื่องอย่างใส่ใจ
ดูที่มุมด้านหลังประตูยังมีถังอาบน้ำและพวกตู้เสื้อผ้า ถึงแม้จะไม่ใช่ของไม่ดีอะไร เทียบกับทัพทหารสวรรค์แล้วยังแย่กว่ามาก แต่สิ่งที่ควรมีล้วนไม่ขาด มู่จิ่วดูรอบๆ รอบหนึ่ง แล้วจึงเก็บคำพูดในคอกลับไป
“ขอบังอาจถาม ใช่พลทหารกัวที่มาจากสวรรค์หรือไม่?”
นางเพิ่งจัดวางของลง ตรวจดูรอบด้านไม่รู้ว่าน้ำชาอยู่ไหน นอกประตูมีบัณฑิตสวมเสื้อยาวนำข้ารับใช้สองคนเข้ามา
มู่จิ่วพยักหน้า “ท่านคือ?”
“ข้าคือผู้ติดตามของราชามังกรนามเฝิงโหยว มาตามบัญชาของราชาพวกเรา เพื่อแจกแจงงานทหารให้แก่พลทหารมู่จิ่ว” หลังบัณฑิตทักทายเสร็จคางก็เชิดขึ้นมา มีท่าทางอย่างจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ[1]
“ราชาของพวกเรามีคำสั่ง ให้กัวมู่จิ่วรับผิดชอบอารักขาวังเทียมบูรพานับแต่วันนี้ ลู่หยารับผิดชอบอารักขาวังประจิมไสว ทั้งสองท่านแม้เป็นเซียนของสวรรค์ แต่ได้รับคำสั่งให้มายังทะเลสาบน้ำแข็งเพื่อรับใช้ราชามังกร ดังนั้นต้องฟังคำสั่งของราชามังกร มิฉะนั้นแล้วฝ่าบาทมีอำนาจแจ้งต่อเบื้องบน ขออวี้ตี้ให้เปลี่ยนบทลงโทษ ราชาของพวกเรารักษาคำสัญญา หวังว่าท่านทั้งสองจะกระทำเรื่องราวตามกฎของวังมังกร”
ความจริงแล้ว ผู้ติดตามเป็นเพียงขันทีใหญ่ที่มีอำนาจจัดการในวังกษัตริย์แห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่พวกเขาไม่ต้องโดนตอนเท่านั้น
มู่จิ่วคิดไม่ถึงว่าขันทีในวังมังกรเล็กๆ แห่งหนึ่งจะเย่อหยิ่งขนาดนี้ จึงยิ้มเยาะขึ้นมา “ทราบแล้ว มิใช่ปฏิบัติหน้าที่เพียงห้าเดือนเท่านั้นหรือ! เพียงแค่ราชามังกรของพวกเจ้าไม่ใช้แผนร้าย ข้าก็สามารถรักษาคำสัญญาได้อย่างสงบ”
เฝิงโหยวพยักหน้าแสร้งยิ้ม ชี้ไปทางตะวันตกพลางพูด “ในค่ายบัญชาการมีห้องอาหารและห้องดื่มชา หากหาไม่เจอสามารถถามคนได้ นอกเหนือไปจากนั้นก็แล้วแต่สองท่านแล้ว”
พูดจบก็หมุนตัว ก้าวเท้ายาวเดินจากไป
มู่จิ่วจ้องแผ่นหลังของเขาก่อนวางกาน้ำชาลง แค่นเสียงหนักๆ หนึ่งเสียง
อ๋าวเชินผู้นี้แยกนางกับลู่ยาไปทางวังตะวันออกและตะวันตก สักแปดส่วนต้องมีแผนอะไร สักพักตกกลางคืนนางต้องไปสืบดูเสียหน่อย
“ไม่ต้องสืบ” ลู่ยาที่เมื่อครู่ไม่รู้เดินไปไหน ตอนนี้ก็ไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน นั่งลงข้างนางพลางพูด “วังเทียมบูรพาเป็นที่อยู่ขององค์ชายสามอ๋าวเจียง วังประจิมไสวเป็นวังว่างเปล่าไม่มีคนอยู่”
มู่จิ่วอึ้งพูด “เจ้ารู้ได้อย่างไร? เจ้าปล่อยพลังฤทธิ์ไปแล้ว?”
“ไม่ใช่” ลู่ยาหยิบพวงองุ่นให้นาง “เมื่อครู่ตอนคนแซ่เฝิงพูดแบบนี้ ข้าเลยไปเดินรอบๆ มา นี่ไม่ใช่ความลับอะไร ถามมาได้ง่ายมาก”
พลังฤทธิ์ของเขาไม่อาจปล่อยออกไปได้ หากปล่อยออกไปต้องกระทบเขตพลังของวังมังกรทั้งสี่ด้าน ถึงแม้อ๋าวเชินไม่เคยเห็นเขา แต่หากรับรู้ถึงแรงกดดันของเขาก็ต้องคาดเดาฐานะออกได้สักแปดเก้าในสิบส่วน แน่นอนว่าฐานะของเขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่การฝึกฝนขัดเกลาที่มู่จิ่วควรได้รับก็ต้องได้รับ เขาเปิดเผยฐานะออกไปไม่ดีต่อการฝึกประสบการณ์ของนาง
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังหวังที่จะลดฐานะของตนลงให้เทียบเท่ากับนาง อยู่เป็นเพื่อนนางผ่านประสบการณ์ทั้งหมดในอนาคต แบบนี้แล้ว บางทีนางอาจจะไม่ใส่ใจปัญหาเรื่องฐานะมากขนาดนั้น วันหนึ่งคงยอมรับเขา และไม่ปฏิเสธว่าระหว่างนางกับเขาก็มีความเป็นไปได้มาก
“เช่นนั้นเขาส่งข้าไปวังเทียมบูรพามีจุดประสงค์อะไร?” มู่จิ่วขมวดคิ้ว
ถึงแม้เป็นวังขององค์ชายสาม ตามหลักแล้วหน้าที่นี้นับว่าส่งเสริมนาง แต่สถานการณ์จะเป็นไปตามเหตุผลได้อย่างไร?
อ๋าวเชินไม่ลับมีดรอนางก็ไม่เลวแล้ว นี่ยังส่งเสริมนางอีก? หรือเจ้าคนนี้คิดแยกนางออกไปเพื่ออาศัยโอกาสลงมือ?
เช่นนั้นเขาต้องใช้ความกล้าหน่อย! หากรู้ว่านางอยู่ในวังมังกรแล้วมีอันตรายอะไร ถึงสวรรค์ไม่ออกหน้า หลิวหยางก็ต้องออกหน้ามาแน่นอน หลังจากคิดเปรียบเทียบในปีกว่ามานี้ ตอนนี้นางรู้สึกแล้วว่าพลังบำเพ็ญของหลิวหยางไม่สูงอย่างที่นางคิด เป็นเพียงแค่จินเซียนธรรมดาเท่านั้น
คืนนี้นางพักผ่อนไปพร้อมกับความสงสัย มู่จิ่วอยู่ด้านตะวันออก ลู่ยาอยู่ด้านตะวันตก
ก่อนนอนยังคงมีการฝึกตน ลู่ยายังใจจดใจจ่อเหมือนเดิม
แต่เดิมมู่จิ่วคิดจะให้เขานอนเตียง เพราะอย่างไรเขาก็เป็นมหาเทพ แต่นางเพิ่งเอ่ย เขากลับเม้มริมฝีปาก เข้ามาใกล้ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจพลางยิ้มน้อยๆ นี่ทำให้นางขนลุกชันทั้งร่าง ทำได้เพียงช่างเถอะ ยังไงเขามีความสามารถสร้างที่ว่างรอบตัวได้ตลอด เปลี่ยนเขตพลังเป็นห้องนอนก็ทำได้โดยง่าย ไม่ต้องรอนางเสนอเตียงให้
ทั้งคืนจนถึงยามฟ้าสว่างสงบเงียบไม่มีเรื่อง
หลังจากอาบน้ำแปรงฟันไปกินข้าวเช้าที่ห้องอาหาร คนทั้งห้องมองมา ดูแล้วเป็นทหารของวังมังกรทั้งหมด มีประมาณยี่สิบสามสิบคน คงจะเป็นจำนวนทหารที่วันนี้เข้าปฏิบัติงานแล้ว แบบนั้นตามจำนวนคนที่เห็น ถึงแม้แต่ละคนรับผิดชอบคนละวัง ขนาดของวังมังกรนี้ก็ไม่นับว่าใหญ่มาก เดาว่าขนาดพื้นที่รวมกันแล้วประมาณหอวิหคแดงสองหอ
ลู่ยาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลากนางไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่ จากนั้นไปเอาอาหารมา
ฝีมือของห้องอาหารหน่วยบัญชาการนี้ไม่นับว่าดีอะไร แต่ไม่เป็นไร นางก็ไม่ใช่ว่าจะมาเสวยสุขเหมือนกัน
เมื่อกินแบบง่ายๆ ไปแล้ว ลู่ยาไปยังวังประจิมไสวอย่างสบายใจ เทพเซียนดีๆ ผู้หนึ่งตกลงมาเป็นผู้อารักขาวังรกร้างให้มังกรน้อยตัวหนึ่งยังดีใจขนาดนี้ นางช่างไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอารมณ์เขาเป็นอย่างไร สองคนเดินไปตามทางที่ขุนนางเต่าพามาเมื่อวาน ออกประตูโหยวลี่กลับถึงวังมังกร ทั้งสองบอกลากัน มู่จิ่วก็ไปทางตะวันออก
ถึงแม้ไม่มีคนนำทาง แต่ตลอดทางมีทหารอยู่ จึงหาไม่ยากนัก
การควมคุมทหารของวังมังกรกับสวรรค์ต่างกันเล็กน้อย ลาน (วัง) ใหญ่เล็กทั้งหมดยี่สิบสี่ลาน นอกจากตำหนักใหญ่ที่จัดการเรื่องประจำวันแล้ว ตำหนักมังกรหยกยังมีนายพลใหญ่คอยอารักขาอยู่เฉพาะ วังที่พักของราชามังกร ราชินี และองค์หญิงองค์ชายล้วนมีพลอารักขาสองนาย พลอารักขานำทหารผลัดเวรกันเฝ้า
ตอนมู่จิ่วมาถึงวังเทียมบูรพา นายพลเจี๋ยเจี่ยที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันกำลังเดินไปมาบนระเบียงทางเดิน
เจี๋ยเจี่ยเทียบกับเฝิงโหยวเมื่อวานแล้วเป็นมิตรกว่ามากนัก ไม่ว่าอย่างไรมู่จิ่วก็เป็นเจ้าหน้าที่ของสวรรค์ อ๋าวเชินล้วนต้องรับบัญชาจากสวรรค์ แล้วนับประสาอะไรกับคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเขา? คงนึกว่าคิดมากอีกเรื่อง มิสู้คิดน้อยลงอีกเรื่อง และเฝิงโหยวชัดเจนว่าเป็นสุนัขรับใช้อ๋าวเชิน อยู่ในที่เล็กๆ อย่างนี้มานาน เป็นกบในกะลาจนชิน จึงไม่รู้ฟ้าดินสูงต่ำแค่ไหนก็เท่านั้นเอง
เจี๋ยเจี่ยส่งมอบเวรกับมู่จิ่ว พูดเรื่องขั้นตอนเล็กน้อย จากนั้นเรียกรวมเหล่าทหารกุ้งมารวมตัวกันเพื่อพบนาง แล้วจึงจากไป
วังเทียมบูรพาไม่ต่างกับรูปแบบวังองค์ชายทั่วไปนัก ประตูวังทางทิศตะวันตกมีห้องเล็กๆ เรียงรายกันอยู่ สามารถพักผ่อนได้
มู่จิ่วเห็นห้องตนเองก็เข้าไป เป็นห้องที่ ‘เล็ก’ จริงๆ วางเตียงเข้าไปก็ไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว พวกมีดทหารกับม้วนบันทึกประจำวันทำได้เพียงแขวนไว้บนกำแพง
…………………………………………………………
[1]หมายถึง แอบอ้างอำนาจบารมีมาข่มแหงรังแกผู้อื่น