ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 187 ใต้เท้าเจ้าหน้าที่สวรรค์

บทที่ 187 ใต้เท้าเจ้าหน้าที่สวรรค์

ยามมู่จิ่วกลับมาเป็นเวลาฟ้าใกล้สว่างแล้ว ตอนนั้นเสี่ยวซิงตื่นนอนขึ้นมาดื่มน้ำพอดี จึงเห็นนางกับลู่ยาพูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไหวในลาน

เดิมทีนางไม่รู้ว่ามู่จิ่วออกไปข้างนอก แต่เห็นดินโคลนที่ลืมเช็ดออกบนเท้าก็เดาออกได้

นางรู้สึกว่าช่วงนี้พวกเขาประหลาดนัก เดี๋ยวไม่คุยกันหลายวัน เดี๋ยวต้องอยู่ด้วยกันลำพังในห้องถึงค่อยพูดได้ และกลับมาค่ำมืดยังคุยกันเสียงเบาอยู่ใต้ต้นไม้เสียนาน แท้จริงมีเรื่องอะไรสำคัญขนาดนั้น?

ดังนั้นกลางดึกนางจึงนอนไม่หลับ ตอนเช้าตื่นมาซ่างกวนสุ่นก็เห็น “เมื่อคืนเจ้าออกไปลักไก่หรือ?”

“เจ้าสิลักไก่! ข้าเป็นกระต่ายจะลักไก่ไปทำไม!” ช่วยไม่ได้ นอนไม่หลับก็อยากลุกจากเตียง ยังมาประจวบเหมาะเจอเขาปากเสียอีก

ซ่างกวนสุ่นลูบจมูก หัวไวขึ้นมาบ้าง “นี่ไม่ใช่เพราะข้าเป็นห่วงเจ้าหรือ”

เสี่ยวซิงค้อนเขาไปหนึ่งที

ตอนมู่จิ่วตื่นนอน ทุกคนล้วนตื่นแล้ว เมื่อคืนดูดาวที่ทางช้างเผือกมีความสุขยิ่ง วันนี้จึงอารมณ์ไม่เลวนัก

พูดคุยกันบนโต๊ะอาหารล้วนเป็นเรื่องทิวเขาริ้วหยก หลังอาหาร นางไปหน่วยงานหาหลิวจวิ้นเพื่อนำใบอนุญาตมา นำลูกน้องไปสองคน กลับมาค่อยเรียกอ๋าวเจียงกับอาฝูให้ออกเดินทาง

เสี่ยวซิงอาบน้ำอาฝูและหวีขนให้เขา จับเสือแต่งตัวสวยงามออกจากบ้าน

อ๋าวเจียงมีพาหนะของตนเอง ส่วนมู่จิ่วขี่อาฝู ไปครั้งนี้กลับไม่ได้ช้าเสียเท่าไร เมื่อเทียบกับที่ตามอ๋าวเชินไปวันนั้น เจ้าหน้าที่สวรรค์ที่ตามมาคนหนึ่งชื่อหยวนจิน อีกคนชื่อหลัวถ่า แต่ละคนมีเขตพลังเคลื่อนย้ายของหน่วยงาน

ระหว่างทางมู่จิ่วไม่ได้พูดอะไร อ๋าวเจียงกลับหันมามองนางบ่อยครั้ง มองจนสุดท้ายทนไม่ได้ ถามขึ้นว่า “ลู่ยาเป็นคู่หมั้นของเจ้าจริงหรือ?”

มู่จิ่วค้อนเขาคราหนึ่ง ไม่ได้พูดสิ่งใด

เจ้าเด็กเวร เรื่องอะไรไม่ถาม กลับมาถามเรื่องเหล่านี้

อ๋าวเจียงก็รู้ว่าตนเองล้ำเส้นไปแล้ว จึงทำคอให้โล่งและไม่พูดอะไรอีก

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามก็ถึงเขตทิวเขาริ้วหยก มู่จิ่วชี้วังหงส์เพลิงที่อยู่ยอดเขาให้อาฝูดู เห็นสองพาหนะพุ่งไปทางเขานั้นเหมือนกับดาวตก

วังหงส์เพลิงเหมือนกับวันนั้นที่มาไม่ผิดเพี้ยน บางทีตอนพวกเขาปรากฏตัว ตระกูลอวิ๋นก็ได้รับข่าวคราวแล้ว ตอนอาฝูลงถึงพื้น มีผู้ติดตามนำคนหลายคนมาทำความเคารพอยู่ตรงสะพานหยกที่นำไปสู่ประตูวัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากเสือคือมู่จิ่วที่คราวก่อนอวิ๋นเฉี่ยนกับอ๋าวเชินพามายังวัง กลุ่มคนนี้ก็ตะลึงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย! รอจนเห็นอ๋าวเจียงที่ด้านหลังนาง ทั้งหมดล้วนยิ่งนิ่งอึ้งไป

“ใต้เท้ากัวจากหน่วยลาดตระเวนแห่งสวรรค์ ยินดีต้อนรับ พวกเจ้ายังไม่รีบเปิดประตูต้อนรับอีก!”

อ๋าวเจียงนำใบอนุญาตที่ออกโดยทัพสวรรค์ส่งให้ เหล่าผู้ติดตามตกใจทันที รีบเชิญเข้าไป แล้ววิ่งกลับไปรายงาน

มู่จิ่วนำอาฝูเดินข้ามสะพานหยกไปอย่างมั่นคง จากนั้นตามผู้ติดตามไปยังวังที่วันนั้นอวิ๋นชือฉางอยู่

เพิ่งถึงประตูวัง อวิ๋นชือฉางออกมารับแล้ว เห็นมู่จิ่วที่จูงเสือขาวมาเป็นพาหนะก็อึ้งไปนิด แต่อย่างไรเขาก็เป็นราชาของเผ่าพันธุ์หนึ่ง จึงปรับสีหน้ากลับมาได้ภายในพริบตาเดียว ก่อนประสานมือ “ยินดีต้อนรับใต้เท้าจากหน่วยลาดตระเวน”

ตั้งแต่รู้เรื่องราวหลังม่านของตระกูลอวิ๋น เมื่อมาพบคนตระกูลนี้อีก จิตใจเหมือนเปิดผ้าปิดหน้าออกมาดูโลกอย่างไรอย่างนั้น ไม่เหมือนเดิมอย่างยิ่ง ถึงที่สุดแล้วเขาก็เป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์เทพ มู่จิ่วจึงยิ้มน้อยๆ เป็นการตอบรับ “ราชาหงส์สบายดีหรือไม่?”

อวิ่นชือฉางพยักหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ จากนั้นมองอ๋าวเจียงที่อยู่หลังนาง ไม่รู้ทำไมในสายตานั้นสาดประกายเย็นเยียบที่ทำให้คนยากที่จะละเลยได้

มู่จิ่วไม่เข้าใจความหมาย มองอ๋าวเจียง อ๋าวเจียงก็ไม่เข้าใจ

“เชิญในตำหนัก”

ทางนี้กำลังสับสน อวิ๋นชือฉางกลับยื่นมือมาเชิญแล้ว

หลังเข้าตำหนักก็นั่งลงโดยแบ่งแยกแขกกับเจ้าบ้าน อวิ๋นชือฉางพูด “ตระกูลอวิ๋นของข้ากับหน่วยลาดตระเวนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ไม่รู้ว่าใต้เท้ากัวเดินทางไกลมาด้วยเรื่องอันใด? ตอนที่ใต้เท้ากัวมาคราวก่อน มิใช่พูดว่าต้องทำหน้าที่อยู่ทะเลสาบน้ำแข็งห้าเดือนหรือ? หากข้านับไม่ผิด นี่ยังไม่ครบห้าเดือนเลย? อ๋าวเชินไม่สนใจคำสั่งของฝ่าบาท ปล่อยใต้เท้ากลับไปแล้วหรือ?”

อวิ๋นชือฉางถามคำถามนี้ มู่จิ่วไม่อาจไม่ชื่นชมในหนังหน้าของเขาได้

พวกเขาร่วมมือกับอวิ๋นเฉี่ยน วางแผนหลอกลวงอ๋าวเชิน เรื่องของวังมังกรเขาจะไม่รู้ได้หรือ? สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับมาชิงลงมือก่อนได้เปรียบ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ปกครองบ้าน

มู่จิ่วครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนพูด “ในเมื่อราชาหงส์ยังไม่แน่ชัด ข้าบอกท่านสักคำก็ได้ ตั้งแต่วันนั้นที่กลับจากทิวเขาริ้วหยกถึงวังมังกร ราชามังกรได้เขียนขอยกเลิกคำสั่งปฏิบัติงานห้าเดือนของข้าให้แก่ฝ่าบาทด้วยตนเอง หวังหมู่เหนียงเหนียงก็รู้สึกว่าที่ข้าสังหารเฉินผิงเป็นเรื่องมีสาเหตุ ไม่ควรได้รับโทษหนัก ดังนั้นฝ่าบาทจึงอนุญาตเขา”

“ส่วนเหตุผลที่ข้ามาครั้งนี้” พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดไป ชี้อ๋าวเจียงพลางพูด “อ๋าวเจียง องค์ชายสามแห่งวังมังกรทะเลสาบน้ำแข็งมาที่หน่วยลาดตระเวน ร้องขอสวรรค์ให้ออกหน้าทำธุระสองเรื่อง เขาเชิญข้ามาเป็นคนกลาง ขอกุญแจจันทราหยินที่เป็นของตระกูลอ๋าวกลับคืนจากตระกูลอวิ๋น”

พูดถึงกุญแจจันทรา สีหน้าของอวิ๋นชือฉางเย็นชาขึ้นมา แต่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยกวาดสายตามองอ๋าวเจียง พูดช้าๆ ว่า “กุญแจจันทรานี้ ตอนแรกเป็นอ๋าวเชินที่ยินดีมอบให้ตระกูลอวิ๋นแทนคำสัญญา องค์ชายสามต้องการเอาคืน นี่อ๋าวเชินตั้งใจผิดคำพูด หรือเป็นความต้องการขององค์ชายสามเอง?”

“ผิดคำพูดอะไร! พวกเจ้ายังมีหน้ายกเรื่องความน่าเชื่อถือสองคำนี้ต่อหน้าข้าอีก ในเมื่อเจ้ารู้ว่านี่คือของแทนคำสัญญา เจ้าก็ไม่ควรทำเรื่องสกปรกทำร้ายคนอื่นลับหลัง!” อ๋าวเจียงทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาด่าทอ “พวกเจ้าวางแผนถึงวันนี้ไว้นานแล้ว สองเดือนก่อน อวิ๋นซีตั้งใจมาปะทะกับข้า จากนั้นทำข้าบาดเจ็บ รู้ว่าข้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต้องเอาคืนแน่ ดังนั้นจึงใช้เรื่องนี้หลอกข้า”

“ต่อมาที่โลกมนุษย์ เขายังตั้งใจเข้ามาในกับดักที่ข้าวางไว้ ซ้อนแผนให้อวิ๋นเฉี่ยนมาทวงคนถึงหน้าประตู ล่อพ่อข้าออกจากวังมังกร แล้วอาศัยโอกาสนี้เข้าวังมาขโมยของ พวกเจ้ากลุ่มขโมยชั่วต่ำช้าไร้ยางอาย ยังมีหน้ามาพูดเรื่องความน่าเชื่อถือกับข้า?!”

บางทีเขาอาจโกรธจนถึงขีดสุด พูดถึงตอนสำคัญยังตะกุกตะกักอยู่บ้าง มู่จิ่วสามารถเข้าใจความรู้สึกเขา แต่นางยังไม่รีบแสดงความเห็น และมองไปทางอวิ๋นชือฉาง

“พูดได้ดี!”

อวิ๋นชือฉางหัวเราะเยาะไม่หยุด แต่จากนั้นกลับไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงกล่าวอะไรกับผู้ติดตามด้านข้างสองประโยค ผู้ติดตามคนนั้นเดินออกไป

มู่จิ่วกับอ๋าวเจียงล้วนไม่รู้ว่าเขาเล่นตุกติกอะไร หลังจากแลกสายตากัน จึงตัดสินใจรอดูสถานการณ์

สีหน้าของอวิ๋นชือฉางตรงที่นั่งประธานกลับค่อยๆ เต็มไปด้วยความเย็นชา

ไม่นาน ประตูด้านข้างมีเสียงเสื้อผ้าเสียดสีดังขึ้น ตามมาด้วยกลิ่นหอม หลังม่านมีคนสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายเดินออกมา มองอย่างละเอียดกลับเป็นอวิ๋นเฉี่ยน!

ทำไมต้องมองอย่างละเอียด?

เพราะวันนี้นางแต่งหน้าแต่งตัวไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ก่อนนางแต่งหน้าหนาสีสด ทั้งร่างประดับไปด้วยมุกและหยก ไม่ว่ามุมไหนดูไปล้วนเต็มไปด้วยความยั่วเย้า แต่นางตรงหน้า ทั้งร่างมีเพียงกำไลหยกที่ข้อมือเท่านั้น ที่เหลือไม่มีเครื่องประดับอื่น และบนหน้าคือความเรียบง่ายที่หาได้ยาก ไม่เพียงไม่แต่งหน้าหนา แม้แต่ผมดำยาวระดับเข่าก็เพียงม้วนไว้ด้านหลังลวกๆ เท่านั้น

ถึงแม้มู่จิ่วชื่นชมความงามตอนแต่งหน้าหนาของนาง แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ตอนแต่งหน้าพื้นๆ ความงามหมดจดของนางยิ่งทำให้รู้สึกหวั่นไหว

…………………………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset