ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 211 คนหลอกลวง!

บทที่ 211 คนหลอกลวง!

ความโกรธในตาเขาพลันกลายเป็นความเย็นชา ขนาดฟันที่กัดแน่นยังแผ่ความเยียบเย็นออกมา แม้แต่คำพูดที่ออกจากปากก็ยิ่งเสียดแทงกระดูก

“กำไลม่วงทองนั้นเป็นยันต์ปกป้องชีวิตที่ข้าให้แก่ภรรยาในอนาคต เจ้าคิดว่าสิ่งของของข้าไม่ว่าใครก็คู่ควรกับมันหรือ? แม้แต่ชีวิตตนเองเจ้าก็ไม่สนใจ เพียงเพราะเขาบาดเจ็บเพราะเจ้าหนึ่งครั้ง หากวันนี้ข้าไม่มีพลังตามหาเจ้า เจ้าคิดจะถูกขังตายจนอยู่ที่นี่ เพื่อให้ได้ชื่อเสียงจอมปลอมยอมสละชีพเพื่อคุณธรรมหรืออย่างไร! ข้ากลัวเจ้าตายขนาดนั้น แต่กลับแสร้งเป็นคนดีมีเมตตาน่าสมควรตายอะไรนั่นอีก!”

แรงกดดันรอบกายที่แผ่ซ่านออกมาตามความโกรธของเขา แต่ละคลื่นทำลายต้นไม้รอบด้านจนล้มระเนระนาด

มู่จิ่วรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่างคำพูดอ่อนโยนมาถึงริมปากก็กลืนกลับลงไปในท้องในพริบตาเดียว นางทำเพื่อชื่อเสียงจอมปลอม? นางทำเพื่อแสร้งเป็นคนดีมีเมตตา?!

นางก็โกรธแล้วเช่นกัน

ช่างหัวคู่หมั้นเขาเถอะ!

ไม่ว่าอะไรนางก็ไม่อยากพูดกับเขาแล้ว!

นางผลักเขาออกไป เดินซวนเซไปข้างหน้า

ที่แท้นางกัวมู่จิ่วในใจของเขาเป็นเพียงคนต่ำต้อยจอมเสแสร้งที่กระหายในชื่อเสียง พอกันที เจ้าเป็นเทพเซียน เจ้าไปสำราญของเจ้าเองเถอะ! คนไร้ตัวตนอย่างนางขอไม่ร่วมทาง!

ลู่ยามองนางที่จากไปอย่างดื้อดึง ฟันใกล้ถูกบดจนเป็นผงแล้ว!

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสละให้คนคนหนึ่งมากขนาดนี้มาก่อน ตลอดมาไม่เคยคิดทำดีกับใครสักคนโดยไม่มีเงื่อนไข เขาเข้าใจว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดมากพอจะทำให้นางรู้สึกว่าตนเองควรค่ากับความไว้วางใจแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับไม่เคยเอาความใส่ใจของเขามาใส่ใจเลย!

เขารู้สึกผิดหวัง ที่แท้ไม่ว่าในสถานการณ์เช่นใด นางกลับไม่เคยมีความมั่นคงต่อเขาเลยสักนิด!

เขารู้ว่านางกังวลอะไร นางกลัวว่าอายุขัยจะไม่ยืนยาว ไม่มีหนทางมีอนาคตร่วมกับเขา เขาก็เหมือนกับนาง กลัวนางตายเช่นเดียวกัน กลัวว่าถึงแม้นางสามารถกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งก็จะลืมเขาจดหมดสิ้น ด้านหนึ่งเขาต้องการปล่อยให้นางฝึกฝนคนเดียว อีกด้านหนึ่งก็อยากยืนยันว่านางจะอยู่อย่างสงบปลอดภัย แต่นางเล่า? กลับไม่สนใจแต่แรกว่าเขาต้องการคำตอบรับหรือไม่!

ถึงตอนนี้นางกลับยังผลักไสเขาออกอย่างถือดี!

ผู้หญิงไร้จิตใจ!

“ในเมื่อเจ้าจะไป แบบนั้นภายหลังหวังว่าข้ากับเจ้าจะไม่มีวันพบกันอีก!”

ต้องการตัดความสัมพันธ์ ใครเล่าทำไม่ได้?

เขาทำหน้านิ่งพูดไปหนึ่งประโยค จากนั้นหมุนตัวขึ้นเมฆ พริบตาเดียวก็หายไปบนฟ้า

มู่จิ่วหันกลับมามองทิศที่เขาจากไป ยิ้มเยาะเย้ยสองครา กระบอกตากลับเจ็บขึ้นทันที

ไม่เจอกันก็ไม่เจอกัน! มีอะไรพิเศษกัน?

แต่แรกก็รู้แล้วว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีปลายทางที่ดีอะไร เขาต้องการหยอกนางเล่น ตอนนี้เจอเรื่องเล็กน้อยก็สะบัดก้นจากไป คนแบบนี้ สุดท้ายแล้วมีความมั่นใจจากไหนมาบอกว่าจะให้นางผัดปลาให้เขาไปตลอดชีวิต? นางไม่ได้อธิบายเหตุผลหรือ? กำไลนั่นนางจงใจไม่ใส่หรือไร? ผัดปลาของย่าเจ้าเถอะ! ไปให้เร็วก็ดี!

มู่จิ่วยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว แต่น้ำตากลับใกล้จะร่วงลงมา

เจ้าคนหลอกลวง! เจ้าคนหลอกลวงผู้นี้!

เคยพูดชัดเจนว่าอยู่ด้วยกันกับนางได้ เคยพูดว่าอยากมีลูกกับนาง ยังพูดอีกว่าอนุญาตนางผัดปลาให้เขากินแค่คนเดียว ตอนนี้ล้วนโกหกทั้งนั้น!

คำพูดที่เขาเคยพูดเอง กลับกลายเป็นลมพัดผ่านหู!

นางผิดนางแก้ไขก็พอแล้วมิใช่หรือ? ตอนเขาเอากำไลให้นางก็ไม่ได้บอกว่านี่คือสิ่งยืนยันว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา เวลาเขาพูดมีมากแค่ไหนที่เป็นความจริง? สุดท้ายจะให้นางถือเอาคำไหนของเขาเป็นจริง คำไหนเป็นหลอก? หากรู้แต่แรกว่าเร็วขนาดนี้ก็ตัดสินใจไม่เจอกันตลอดไป คำเหล่านั้นก่อนหน้านี้พูดกับนางทำไม? ทำมากมายขนาดนั้นทำไม?

เห็นนางเป็นคนใจแข็ง เจ็บปวดไม่เป็นเสียใจไม่เป็นจริงๆ หรือ?

คิดแบบนี้น้ำตาของนางก็ร่วงหล่นลงมาหยดแล้วหยดเล่า ความเจ็บปวดในใจยิ่งรุนแรงขึ้น เลือดลมที่พลุ่งพล่านไม่หยุดยิ่งเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ สุดท้ายนางทำได้เพียงคุกเข่าลงไปนั่งบนพื้น ให้น้ำตาบนหน้าเอ่อล้นออกมาอาบทุกที่

นางไม่รู้ว่าตนเองร้องไห้อะไร ก็แค่ผู้ชายพึ่งพาไม่ได้คนหนึ่งมิใช่หรือ คนเหมือนพวกเขาไม่ช้าก็เร็วต้องแยกกันนี่?

นางไม่ร้อง นางควรดีใจถึงจะถูก…

ต่อไปก็หาชายชาตรีสามัญสักคน เป็นแบบนี้ถึงจะมีความสุขสบาย!

…แต่ ยิ่งเป็นแบบนี้นางยิ่งทรมานใจ นางผิดแล้ว ชัดเจนว่านางรับปากว่าจะไม่ถอดกำไลออก…ถึงแม้สาปเขาพันหมื่นรอบ ด่าเขาพันหมื่นรอบ แล้วอย่างไร? สรุปคือนางไม่ทำตามสัญญา เขาต้องไม่รู้ว่าแต่แรกนางก็มองเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในอนาคตแล้ว เขาต้องไม่รู้แน่ว่ายามนางคิดถึงเขาจะยิ้มออกมา ยามเห็นเขาก็ดีใจอย่างมาก เขาเจ้าคนหลอกลวง เจ้าคนเย็นชา เขากลับทิ้งนางไว้แบบนี้ ไม่สนใจนางแล้ว!

กลิ่นคาวในคอตีกลับขึ้นมา นางกลืนลงไปพร้อมกับกลั้นน้ำตา

แต่ความกังวลในใจและความเสียใจจะอดกลั้นอย่างไร?

อารมณ์เหมือนกับคลื่นยักษ์ แต่ละคลื่นถาโถมเข้าสู่การรับรู้ของนาง คล้อยหลังการเคลื่อนไหวเหล่านี้ จมูกพลันมีของเหลวไหลออกมา นางยกมือขึ้นลูบดู มันคือเลือดที่ติดหลังมือมา

นางเลือดไหล?

ยังไม่รอให้นางคืนสติ ในอกนางพลันกระตุกระลอกหนึ่ง เลือดกลุ่มหนึ่งกระอักออกมาจากปากโดยไม่มีสัญญาณเตือนแม้แต่น้อย

พลังฤทธิ์ที่กดลงไปเมื่อครู่เหมือนม้าป่าที่ไร้การควบคุม เริ่มกระโดดอยู่ในร่างนาง! เลือดที่กลืนกลับเข้าไปในปากไหลออกมาอีกครั้ง ไม่นานเสื้อคลุมด้านหน้าก็เปียกไปหมด เสื้อสีเขียวกลายเป็นสีแดงจนออกดำ แต่หัวใจนางกลับเดือดพล่าน นางแทบรู้สึกถึงเลือดลมที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุดจากหัวใจ เหมือนกับร่างนางเป็นน้ำพุ!

แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยสูญเสียการควบคุมพลังแบบนี้ และยิ่งไม่เคยมีพลังแข็งแกร่งไร้ขอบเขตเช่นนี้มาก่อน…

นี่นางเป็นอะไร?

นางมองตนเองอย่างเหม่อลอย สติเชื่องช้าอยู่บ้าง แต่ชีพจรทุกที่กลับมีพลังฤทธิ์พุ่งออกมา นางสูญสิ้นการควบคุมตนเองโดยสิ้นเชิง หัวใจที่เดือดพล่านยังคงดำเนินต่อ และยิ่งโจมตีร่างกายนางรุนแรงขึ้น! เลือดที่ยังไม่พ่นออกมากลับกลายเป็นคลื่นลมขุมหนึ่ง พวกมันแต่ละคลื่นพุ่งจากหัวใจตรงไปยังแขนขาร่างกาย กระแทกจนนางมึนศีรษะ สายตาพร่าเลือน แม้แต่ท่านั่งยังรักษาไว้ไม่ได้!

ความตระหนักรู้ของนางล้วนเหลือเพียงเรื่องที่ลู่ยาจากไปเท่านั้น นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอะไรนางก็ล้วนจำไม่ได้!

นางไม่เชื่อว่าเขาจะจากไปแบบนี้จริง!

เขาไม่ให้โอกาสนางอธิบายก็ไปแล้วหรือ?

“ลู่ยา…”

การยึดมั่นถือมั่นเหมือนกับอสูรร้าย ค่อยๆ กลืนกินหัวใจนาง

นางผิดจริงหรือ?

นางเพียงแค่ไม่อยากให้อ๋าวเจียงตายก็ผิดแล้วหรือ?

เพราะความผิดนี้ นางถึงต้องจ่ายค่าตอบแทนอันยิ่งใหญ่แบบนี้?

ระหว่างการรักษาสัญญากับความเป็นความตายของพวกพ้อง ไม่มีหนทางประนีประนอมจริงหรือ?

นางโอนเอนลุกขึ้นมา มองท้องฟ้าอย่างใจลอย สายตาของนางว่างเปล่าแต่ยืนหยัด ราวกับจุดจบของชีวิตก็ยังต้องการหาคำตอบจากจักรวาลอันไร้ขอบเขตนี้ เลือดลมยิ่งวิ่งบ้าคลั่งรุนแรงทั่วร่างกายนาง พลังกลายเป็นทะเลกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ทำให้นางหายใจไม่ออกและงุนงง

นางไม่ใช่ตัวนางเองแล้ว

นางใช้กำลังกายทั้งหมดกรีดร้องออกมา

คล้อยหลังเสียงกรีดร้อง บนหัวมีเสียงอสุนีบาตหนักหนา ฟ้ามืดกว้างใหญ่เต็มไปด้วยดาวพลันปรากฏเมฆดำรัศมีกว่าร้อยลี้อย่างรวดเร็ว ในชั้นเมฆมีเสียงอสุนีบาตดังเข้าหูไม่หยุด ตำแหน่งที่นางอยู่พลันมีแสงสว่างสีทองส่องออกไปรอบด้าน!

ลมคลั่งพัดเส้นผมและเสื้อของนางขึ้น ในดวงตาของนางสว่างเจิดจ้า สว่างจนแม้แต่ตนเองยังรู้สึกว่าใกล้ถูกพลังฤทธิ์ในร่างกายกลืนกิน!

นางนำพลังที่พวยพุ่งอย่างบ้าคลั่งทั้งหมดเคลื่อนไปยังช่วงอกและแขนขา เสียงกรีดร้องมุ่งไปยังทิศห่างไกล ดังก้องทะลุเมฆไปถึงหมื่นลี้!

นางต้องการทำลายโลกใบนี้ และให้ความไม่สบายใจแผ่ซ่านไปทั่วชั้นฟ้า!

นี่ราวกับเป็นหนทางเรียกตนเองกลับมาเพียงอย่างเดียวที่นางนึกได้…

……………………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset