ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 223 เจ้ามาอีกแล้ว?

บทที่ 223 เจ้ามาอีกแล้ว?

ในบ้านเหมือนกับก่อนจากไป

มู่จิ่วพักผ่อนอยู่ในบ้านหนึ่งวัน วันถัดมาตอนบ่ายค่อยไปรายงานตัวกับหลิวจวิ้นว่ากลับมาจากลาพักแล้ว

หลิวจวิ้นใช้สายตาแบบเดิมจ้องนางมองอยู่นาน จากนั้นแค่นเสียงเยาะเย้ย “ไม่ใช่ไปเยี่ยมหลุมศพยายเจ้าหรือ? ทำไมกลับมาคราวนี้แม้แต่คู่หมั้นก็หายไป?”

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าหายตัวไปแล้ว?” มู่จิ่วไม่พอใจ พูดพึมพำ

หลิวจวิ้นหัวเราะเสียงเย็นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก

สหายร่วมงานเดินเข้ามาหลายคน เห็นมู่จิ่วก็ถามไถ่สารทุกข์สุข มู่จิ่วทำได้เพียงยิ้มตอบไป

อันที่จริงอยู่หงชางนางกินมาไม่น้อย จึงไม่ผอมลงอย่างคนอกหักที่คนทั่วไปจินตนาการกัน แต่ชัดเจนว่าเรื่องคืนนั้นที่เขาคุนหลุนตะวันออกแพร่มาถึงสวรรค์ และหลิวจวิ้นได้ส่งคนไปตรวจสอบอีก ย่อมไม่ยากที่จะพบว่าเรื่องนี้มีมู่จิ่วเกี่ยวข้อง

แน่นอนว่าตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนางกับลู่ยาออกไป ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้ว่าคนในเรื่องคือกัวมู่จิ่ว อีกทั้งนางลาพักไปหลายวัน ทุกคนก็เข้าใจไปว่านางกลับบ้านไปรักษาบาดแผล

จากนั้นหลายวันมานี้มักมีคนมาเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่อง มู่จิ่วรู้ได้จากคำพูดของพวกเขาว่าที่แท้สวรรค์กลับไม่รู้เรื่องเคราะห์กรรมของเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงเลย และก็ไม่ได้ทำให้ใครตื่นตกใจ คิดถึงสิ่งที่ลู่ยาพูดในตอนนั้น ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของสวรรค์ ดังนั้นสวรรค์จึงไม่ได้ส่งคนไปถาม

วันคืนเหมือนปกติ ถึงแม้ขาดหายไปคนหนึ่ง

ปลาวันนั้นยังคงมีชีวิตอยู่อย่างดีในอ่างหิน

“ก่อนไปข้าให้พวกมันกินยาวิเศษ เพียงพอที่จะอยู่ได้หลายเดือน” เสี่ยวซิงพูดแบบนี้

นอกจากชื่นชมนาง มู่จิ่วก็ไม่มีคำอื่นเหมาะจะพูดแล้ว

……………..

ครั้นลู่ยากลับถึงสวรรค์ชั้นสูง เรื่องแรกที่ทำคือเติมไฟให้เตาเขาแพะ

คืนนี้แต่ละคนในวังล้วนนอนหลับไม่สนิท เพราะเสียงร้องโหยหวนของกระดิ่งเหมือนกับไก่ติดโรคระบาดที่ร้องไม่หยุด

แต่ไม่มีคนกล้าเข้าไปอ้อนวอนแทน เพราะทุกคนล้วนมีเพียงชีวิตเดียว

แน่นอนว่าหุนคุนก็ได้ยินแล้ว ถึงแม้อยู่ห่างไปหลายพันลี้ แต่กระดิ่งนี้เป็นของขวัญเลื่อนขั้นที่ปฐมวิญาณให้แก่เขา กระดิ่งเจ็บปวด! เขาต้องได้ยินแน่!

สรุปคือบนสวรรค์อันสูงส่งสองวันนี้บรรยากาศไม่ผ่อนคลายนัก เจ้าหน้าที่เซียนที่มาส่งบันทึกจากด้านล่างล้วนผ่านวังชิงเสวียนถึงวังจิตกระจ่างและวังมู่สวี่…พวกเขาก็ใช่ว่าไม่มีเรื่องอะไรทำเลย หนึ่งในหน้าที่ปกปักวิถีฟ้าคือดูแลเรื่องในแต่ละภพที่สวรรค์แก้ไขไม่ได้และโต้แย้งข้อถูกผิด จากนั้นตัดสินตามความจริง เพียงแต่เรื่องแบบนี้มีไม่มากนัก

……………….

มู่จิ่วจัดการคดีตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นเรียบร้อยแล้วค่อยนำม้วนคดีส่งขึ้นไป

หลิวจวิ้นเพิ่งมาถึงหน่วยงาน กำลังดื่มชากินซาลาเปา

“ท่านกินอาหารเช้าแบบนี้ทุกวันไม่รู้สึกเป็นการทรมานตัวเองบ้างหรือ?”

มู่จิ่วมาสิบครั้งก็เห็นเขากินอาหารเช้าเป็นซาลาเปาเก้าครั้ง บ้านพวกเขาก็ไม่ขาดคนรับใช้ ไม่เข้าใจว่าทำไมจัดการดูแลได้มิสู้พลทหารสวรรค์ผู้หนึ่ง คนเป็นทหารล้วนรู้จักไปโรงอาหารอย่างสบายๆ หรือไปหาร้านแผงลอยกินอิ่มค่อยกลับมา

“พวกเจ้าคนมีบ้านมีช่อง แน่นอนว่าต้องไม่เข้าใจความลำบากของพวกเราชายหนุ่มโสด! ไหนเลยจะเหมือนเจ้า ออกไปทำงานก็มีคนไปเป็นเพื่อน” หลิวจวิ้นย้อนกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า ชงชาเสร็จหันกลับมาเห็นนางก้มหน้าเศร้าสร้อย ก็อดไม่ได้ถลึงตาใส่อย่างอารมณ์ไม่ดี ทั้งวันเจ้ามาแสดงความรักต่อหน้าพวกเขาเหล่านี้ มิใช่กรรมชั่วคืนสนองหรือ!

แต่สุดท้ายเขากลับยั้งปากไว้สามส่วน ถึงแม้ไม่รู้ว่าพวกเขาทะเลาะอะไรกัน ก็ไม่จำเป็นต้องซ้ำเติม

“เรื่องนี้รอข้าถามตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นว่ามีความเห็นหรือไม่ ค่อยบันทึกความดีให้เจ้า” เขารับม้วนคดีมา

มู่จิ่วไม่มีความเห็น แต่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ กลับพลันนึกถึงหยกประดับที่เก็บได้ตอนไปกินข้าวที่ร้านของเถ้าแก่หงส์คราวก่อน เขาบอกว่าหยกประดับนั้นไม่ใช่ของเขา ต่อมานางยังเก็บไว้ในลิ้นชักไม่ได้ขยับเขยื้อน จนถึงตอนนี้ยังหาเจ้าของไม่เจอ

มู่จิ่วถามขึ้นอย่างทนไม่ได้ “ใต้เท้าทำไมไม่แต่งภรรยา?”

หลิวจวิ้นส่งสายตาคมกริบไป ทิ่มแทงจนนางไปต่อไม่เป็น

“เจ้าว่างขนาดนี้ ข้าส่งเจ้าไปทำงานที่โลกมนุษย์สักสามหรือห้าปีเลยดีหรือไม่” เขาวางถ้วยลงไปบนโต๊ะ ถลึงตาใส่นาง

มู่จิ่วรีบวิ่งออกไป

วันคืนเหมือนกับกระสวยทอผ้าที่ถูกดึงถอยหลัง บางครั้งมู่จิ่วรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก บางครั้งก็รู้สึกมันผ่านไปช้ายิ่งนัก

ตอนรู้สึกเร็วคือตอนปฏิบัติงานอยู่ที่หน่วยทุกวัน ตอนรู้สึกช้าคือยามมองห้องที่ว่างเปล่าทางตะวันออก

สุดท้ายนางยังไม่มีความกล้าไปหาลู่ยา แต่ความอยากกลับเพิ่มพูนขึ้นในใจอย่างบ้าคลั่ง

บางครั้งนางรู้สึกว่าปิดตาลงก็เห็นเขา เพียงนางไป เขาต้องยอมรับนางแน่ แต่บางครั้งนางรู้สึกว่าหลังจากตนฉีกทึ้งความเป็นจริงอย่างเจ็บปวดขนาดนั้น ก็ไม่แน่ว่าเขาจะยังเป็นกันเองแบบเมื่อก่อน

ดังนั้นความคิดนี้จึงเข้าๆ ออกๆ ในใจนางดั่งลมหายใจ จะอย่างไรก็ไม่มีเวลาที่สงบเลย

วันนี้ยามเช้าขณะกำลังไปหน่วยงาน มู่จิ่วจัดการแขนเสื้ออยู่ตรงประตูที่สอง เสี่ยวซิงพลันร้องขึ้นมาจากข้างนอก “เจ้ามาทำไมอีก?”

มู่จิ่วใจเต้น ชักเท้าวิ่งออกไป เห็นเพียงอ๋าวเจียงยืนอยู่ที่พุ่มไม้ไผ่นอกประตู เหม่อลอยมองมู่เสี่ยวซิง

“อ๋าวเจียง?” นางผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความประหลาดใจ นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหานาง

อ๋าวเจียงพยักหน้า หมุนตัวมาหา เด็กหนุ่มที่แต่ก่อนใบหน้าอวบอิ่มแก้มเต็มคนหนึ่ง ตอนนี้ผอมจนมีเหลี่ยมมุมออกมา

มู่จิ่วยืนนิ่ง จากนั้นก้าวออกจากประตูไป “เจ้าตั้งใจมาหาข้า?”

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่หน้านางสองวินาที ก่อนฝืนยกริมฝีปากขึ้น

มู่จิ่วยืนนิ่งตะลึงอยู่ที่ธรณีประตู

นางรู้ว่าอ๋าวเจียงไม่ผิด แต่หลังจากทะเลาะกับลู่ยาจนเป็นแบบนี้แล้วพบเขาอีกครั้ง ในใจพลันมีความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ นี่ทำให้นางคิดถึงปมในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กำไลนั่น เขาคงเก็บมันไปกระมัง? ตอนนั้นนางออกมาอย่างรีบร้อน ภายหลังก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งนั้นอีก

“ข้าเข้าไปได้หรือไม่?” เขาถาม

มู่จิ่วพยักหน้า พาเขาเข้าเรือนมา

อ๋าวเจียงเงียบมาตลอดทาง ไม่มีท่าทางของลูกมังกรในครั้งก่อนอีกแล้ว

เมื่อนึกถึงท่าทีโกรธขึ้งของเขาตอนพบกันครั้งแรกที่วังเทียมบูรพา ความเอาแต่ใจที่พานางไปลักพาตัวอวิ๋นซี ทั้งหมดล้วนมองไม่เห็นบนใบหน้าเขาตอนนี้ อย่างน้อยก็มองไม่เห็นในวินาทีนี้ ไม่รู้เพราะเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมีผลกระทบต่อเขาและบีบบังคับให้เติบโต หรือเพราะยังซ่อนเรื่องอื่นในใจไว้อีก

มู่จิ่วชงชาให้เขาก่อนพูด “เรื่องในบ้านเป็นอย่างไรบ้าง? พี่สาวของเจ้ากลับมาหรือยัง? แม่ของเจ้าล่ะ?”

เขาเงียบไป จึงค่อยเอ่ย “พี่ใหญ่ข้ากลับมาหลังจากที่แม่ข้ากลับบ้านอาไปแล้ว ในบ้านยังเป็นพ่อข้าดูแล”

“แม่เจ้ากลับบ้านเดิมไปแล้ว?” มู่จิ่วตกใจ

อ๋าวเจียงพยักหน้า “ที่จริงครั้งก่อนตอนข้าไปทิวเขาริ้วหยกนางก็ไปแล้ว แต่เดิมพวกเราเข้าใจว่านางกลับไปเยี่ยม แต่พอพวกเรากลับจากที่นั่น ท่านอาก็นำจดหมายของนางมาส่ง นางต้องการหย่ากับพ่อข้า พ่อข้าคิดไม่ถึงว่านางจะทำแบบนี้ เขาไปที่บ้านท่านอา ต้องการจะเปลี่ยนใจนาง แต่ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่ออกมาพบ”

เขาพูดอย่างสงบนิ่งมาก ไม่มีความหวั่นไหวเลยสักนิด

นี่ทำให้มู่จิ่วรู้สึกว่าที่จริงแล้ว ในก้นบึ้งหัวใจเขาก็ยอมรับการตัดสินใจแบบนี้

…………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset