ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 243 เป็นชายงาม

บทที่ 243 เป็นชายงาม

สุดท้ายตามถึงด้านหน้าประตูเรือนหลังหนึ่ง อวี้ตี้เดินเข้าไป มู่จิ่วมองป้ายบนประตู…ไม่มีป้ายอะไร ดูไม่ออกว่าเป็นบ้านใคร แต่กลิ่นอายที่ออกมาจากด้านในกลับมีพลังแรงกล้า หรือจะเป็นเซียนหญิงลงมาจากสวรรค์?

“เสือขาว?”

ฟากนางกำลังครุ่นคิด ด้านหลังพลันมีเสียงประหลาดใจลอยมา

มู่จิ่วหันตัวไปทันที เห็นเพียงชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า ใส่เสื้อคลุมผ้าทอสีขาว สวมครอบศีรษะทองที่ประดับด้วยทองแท้ สายคาดเอวหยกไม่มีอะไรประดับ แต่ด้านล่างกลับห้อยสร้อยหยกขาวคู่หนึ่ง…ครั้นมองหน้าตา เหลี่ยมมุมบนใบหน้าชัดเจน สันจมูกตรงและริมฝีปากบางเม้มแน่น นี่คือมาตรฐานของชายหล่อเหลา ไม่จำเป็นต้องพูดมาก เพียงแค่ผมกับคิ้วนั่นก็แยงตายิ่งนัก เพราะเป็นสีเงิน…

มู่จิ่วนิ่งอึ้ง ไม่ใช่เพราะด้านหน้ามีชายงามยืนอยู่ แต่เพราะเขากลับสามารถมองเห็นอาฝู?

เขาไม่เพียงเห็นอาฝูเท่านั้น ตอนนี้สายตายังอยู่บนตัวเขาด้วย

นางรีบกระตุ้นพลังฤทธิ์ ก็สัมผัสได้ถึงขั้นเซียนของเขาทันที จึงรีบประสานมือค้อมตัวทำความเคารพ ย้ายไปที่มุมสงบก่อนพูด “ขอบังอาจถาม ท่านรู้จักเสือขาวนี้หรือ?”

“ไม่” เขาส่ายหัว มองนางพลางตอบ “ข้าไม่รู้จัก เพียงแปลกใจที่เห็นเขาที่นี่เท่านั้น”

น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยน เป็นมิตรอย่างมาก ใบหน้าเจือไปด้วยความกังวล

พูดถึงตรงนี้ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่อาฝูอีกครา

อาฝูนั่งอยู่บนพื้น แหงนหน้าจ้องอีกฝ่ายเช่นกัน เขาไม่ได้แยกเขี้ยวง้างกรงเล็บเหมือนกับเมื่อก่อนที่เจอคนแปลกหน้า ทำให้มู่จิ่วสับสนนัก

แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรอีก เขาพยักหน้าให้มู่จิ่วแล้วจึงจากไป

มู่จิ่วมองส่งเขาจากไปไกล ก่อนหันกลับมามองเรือนหลังนี้ จากนั้นใช้ดอกบัวทองสำรวจด้านใน สัมผัสได้เพียงว่าอวี้ตี้ยังอยู่ นางมองไปด้านหลัง ก่อนทะลุกำแพงเข้าไปเงียบๆ

ติดตามมาถึงตอนนี้ นี่ถึงจะเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่สุ่มเสี่ยงที่สุด แต่ไม่มีหนทางอื่นอีก สิ่งที่หวังหมู่ต้องการไม่ใช่เขาไปที่ไหน แต่ต้องการรู้ว่าเขาพบใคร นางจึงไม่อาจไม่เข้ามาได้

ในเรือนไม่มีอะไรแตกต่างจากบ้านเรือนปกติ เพียงแต่สิ่งก่อสร้างงดงามประณีตยิ่งกว่า และผู้ที่เดินอยู่ด้านในล้วนเป็นเซียนหญิง แค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้ว! อวี้ตี้ต้องย้ายที่พำนักเซียนบนสวรรค์มาที่นี่ เซียนหญิงที่อยู่เต็มลานนี้ ก็เพียงพอจะยืนยันได้ว่าคนที่เขามาพบเป็นผู้หญิง!

มู่จิ่วตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อมาถึงตอนนี้!

หวังหมู่ช่างสังเกตเห็นแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย มิน่าอวี้ตี้ถึงถูกนางควบคุมไว้อยู่หมัดแบบนี้ เพียงอาศัยเรื่องเล็กน้อยที่เขาดื่มหรือไม่ดื่มเหล้า ก็คาดเดาได้ว่าคืนนี้เขาต้องออกไปนอกลู่นอกทางข้างนอก ความสามารถนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก! ลู่ยาที่บ้านนางรูปงามขนาดนั้น ถึงแม้เขาไม่ไปเกี้ยวพาราสีคนอื่น ก็กลัวแต่ว่าจะคุมไม่ให้คนอื่นมาเกี้ยวพาราสีเขาไม่ได้ ดูแล้วต่อจากนี้นางคงต้องไปหาหวังหมู่เพื่อเรียนรู้กระบวนท่าเตรียมป้องกันไว้สักหน่อย

นางคิดแบบนี้พลางเดินเข้าไปด้านในอย่างเงียบๆ เห็นด้านในห้องเปิดโล่งบริเวณสวนดอกไม้มีคนนั่งอยู่สองคน ด้านซ้ายที่หันมาทางนี้คืออวี้ตี้ ส่วนเซียนหญิงที่นั่งหันหลังมวยผมสูง บุคลิกน่ารักดึงดูดใจ เพียงแค่มองด้านหลังก็เดาได้แล้วว่าต้องเป็นคนงาม ทั้งสองคนกำลังเดินหมาก สีหน้าอวี้ตี้อบอุ่น กำลังเอ่ยอะไรบางอย่าง ถึงแม้ไม่เห็นว่ามีตัณหาอะไร แต่อย่างน้อยบรรยากาศก็ดีอย่างยิ่ง

มู่จิ่วเครียดอยู่บ้าง

หากเป็นเวลาปกติ นางมักจะโดนพบเจอนานแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ตอนนี้นางห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่ลี้ เขากลับไม่สนใจสิ่งใดโดยสิ้นเชิง คาดว่านอกจากหญิงงามคนนี้ก็มองไม่เห็นคนอื่นแล้ว

นางยุ่งอยู่ครึ่งเดือน ในที่สุดก็มีผลลัพธ์ แต่เซียนหญิงผู้นี้เป็นใครกัน?

มู่จิ่วจ้องดอกโบตั๋นที่ปักอยู่หลังศีรษะนาง นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก

เซียนหญิงที่นางรู้จักก็มีไม่มากนัก เซียนหญิงที่ประดับดอกโบตั๋นมีสักหนึ่งร้อยหรือเก้าสิบกระมัง? เรื่องนี้ทำให้นางยุ่งยากเสียแล้ว

ขณะกำลังมองร่างนางอย่างละเอียด ดูว่ามีลักษณะพิเศษอื่นหรือไม่ อวี้ตี้พลันจ้องมาทางนี้ก่อนตะโกนขึ้นมา “ใคร!” คล้อยหลังเขาสะบัดแขนเสื้อ ลมพายุสายหนึ่งพลันโจมตีเข้ามามืดฟ้ามัวดิน!

มู่จิ่วตกใจจนหน้าถอดสี ตาเห็นว่านางกับอาฝูกำลังถูกพัดเข้าไปในลม ยามนี้บนแขนข้างซ้ายพลันมีแสงสีทองสว่างออกมา พริบตาเดียวก็ต้านลมนี้คืนกลับไป! แต่อันตรายยังไม่จบสิ้น นางเพิ่งคืนสติ มังกรทองข้างกายอวี้ตี้ก็พลันโจมตีมาทางนี้!

“ตามข้ามา!”

มีดอกบัวทองอยู่ มังกรทองทำร้ายนางไม่ได้ และนางก็ไม่กลัวถูกคนพบเข้า อย่างน้อยที่สุดก็ไม่กลัวว่าอวี้ตี้จะจำนางได้ แต่ระหว่างกำลังอาศัยแสงทองหนีไป ทันใดนั้นกลับมีมือข้างหนึ่งยื่นจากเงาสีขาวที่วูบผ่านมาด้านข้าง ดึงพวกเขาทั้งสองหายวับไปจากที่นี่

มู่จิ่วกอดคออาฝู รู้สึกเพียงว่าริมหูมีเสียงลมพัด ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ค่อยๆ หยุดลง นางเงยหน้ามอง ที่แท้ก็มาถึงด้านนอกประตูเมืองหรือสถานที่ที่พวกเขาหยุดก่อนหน้านี้ ทว่านางเพิ่งปรับลมหายใจ ก็ได้ยินเสียงคนล้มลงพื้นด้านข้าง นางรีบร้อนเข้าไปดู เห็นเพียงคนผมขาวเสื้อขาวกุมหัวใจอยู่บนพื้น เป็นชายคนนั้นที่พบนอกเรือนก่อนหน้านี้!

ต่อให้มู่จิ่วลนลานอย่างไรก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาช่วยพวกนางฝ่าวงล้อมออกมา ครั้นเห็นเขาล้มลงบนพื้น แม้แต่พูดยังพูดไม่ไหว จึงรีบกระโดดลงไปที่พื้น “เจ้าเป็นอะไร?! บาดเจ็บหนักหรือไม่?”

มองไปครั้งนี้กลับทำให้ตื่นตกใจ นางเห็นเพียงสีแดงฉานย้อมอยู่บนหน้าอกเขา ใบหน้าก็ซีดขาวและยังหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เมื่ออยู่ท่ามกลางผมขาวยิ่งเสริมให้ดูน่ากลัวขึ้นอีก! นางรีบเอาขวดยาออกมาป้อนยาให้เขาสองเม็ด และรีบขับเคลื่อนพลังให้ยาเข้าไปในชีพจรเขาโดยเร็ว จากนั้นขี่อาฝูมุ่งหน้าไปยังประตูสวรรค์แดนใต้!

ลู่ยาที่อยู่บ้านก็รู้สึกใจไม่สงบอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ผังดวงชะตาจะแสดงว่าไม่มีอุปสรรคใด แต่เรื่องเมื่อคราวก่อนยังคงอยู่ในใจเขา ซ้ำยังกลัวว่านางจะพอเจอเรื่องน่าตกใจอะไร ขณะกำลังคิดว่าจะไปรับนางดีหรือไม่ ตอนนี้เองก็ได้ยินเสียงประตูลานถูกเปิดออก จากนั้นเสียงเสือร้องของอาฝูก็ดังเข้ามา ตามด้วยเสียงร้อนรนของมู่จิ่ว “ลู่ยา! เร็วเข้า! มีคนได้รับบาดเจ็บ!”

เมื่อได้ยินคำว่าได้รับบาดเจ็บ ลู่ยาก็มาถึงลานบ้านแล้ว เห็นแต่ร่างกายนางสมบูรณ์ดี ทว่าบนร่างอาฝูกลับแบกคนคนหนึ่งไว้ พลังวิญญาณแตกซ่าน ท่าทางเหมือนได้รับบาดเจ็บ

พวกเสี่ยวซิงล้วนออกมากันหมด ครั้นเห็นอาฝูแบกร่างคนผู้หนึ่งกลับมาก็ตกใจจนอ้าปากค้าง!

“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่ยานั่งยองลงไป พลิกร่างคนผู้นี้เข้ามาพลางถามนาง

มู่จิ่วรีบเล่าที่มาที่ไป “แต่เดิมตอนนั้นข้าไม่มีอันตราย ตอนที่กำลังจะถอยไปเขากลับพลันออกมาปกป้องพวกเราทั้งสอง ดอกบัวทองบนแขนทำได้เพียงปกป้องร่างกาย ไม่สามารถช่วยเขาต้านทาน การโจมตีของอวี้ตี้ยังไม่สิ้นสุด ผู้อารักขามังกรทองก็โจมตีเข้ามาอีก จากนั้นเขาก็หมดสติไปแล้ว”

พูดจบนางก็เขยิบเข้ามาใกล้ก่อนเอ่ย “เป็นอย่างไรบ้าง? เขาบาดเจ็บหนักหรือไม่?”

อาฝูก็เกาะแกะเขาพลางเอาแต่ร้องหงิงหงิงอย่างเป็นกังวล

“ไม่หนักมาก” ลู่ยายืนขึ้นมาพลางพูด “เขาเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ปกติหลังจากบำเพ็ญเปลี่ยนร่างเป็นคนแล้ว หากพวกเขาเสือขาวพลังวิญญาณแตกซ่าน สามารถจำศีลในระยะเวลาอันสั้นที่สุดเพื่อฟื้นฟูพลัง ดีร้ายเขาก็เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์เทพสงคราม ถึงอย่างไรการโจมตีครั้งเดียวก็ไม่อาจฆ่าเขาได้”

“เสือขาว?!”

มู่จิ่วอึ้ง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เสือขาวคืออาฝู อาฝูไม่ได้รับบาดเจ็บเสียหน่อย!

“ข้าบอกว่าเขาเป็นลูกหลานเชื้อสายเสือขาว มีปัญหาอะไรหรือไม่?” ลู่ยาเงยหน้ามองนาง “หรือเจ้ายังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร?”

……………………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset