ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 390 เจ้าก็มีความผิด

บทที่ 390 เจ้าก็มีความผิด

มู่จิ่วยินดียิ่งนัก ยืนขึ้นมากล่าว “ที่แท้เจ้าเป็นคนพาตัวนางไป! หากข้าเดาไม่ผิด ชายชุดเขียวคงเป็นคนลงมือทำกระมัง? นี่ดียิ่งนัก เจ้าบอกว่าศพของนางอยู่ที่คุนหลุนตะวันออก นั่นหมายความว่าหลินเจี้ยนหรูยังมีโอกาสเริ่มใหม่กับนางอีกครั้งใช่หรือไม่ แต่แบบนี้ชะตาชีวิตของนางต่อไปจะเป็นอย่างไร เช่นนี้มิผิดต่อลิขิตฟ้าหรือ?”

เมื่อได้รู้ว่าร่างของเหลียงชิวฉานถูกย้ายไปที่คุนหลุนตะวันออก มู่จิ่วดีใจยิ่งกว่าได้เจอวิญญาณของนางแล้วพาไปที่หน่วยเสียอีก เหลียงชิวฉานตายด้วยเงื้อมมือของนาง อีกทั้งหลินเจี้ยนหรูก็น่าสงสารนัก วันนั้นได้ยินเขายินดีจะใช้ชีวิตร่วมกับเหลียงชิวฉาน หากพวกเขาสามารถเคียงคู่กันไปได้ นับเป็นเรื่องที่ดีกับคนทั้งคู่!

“เจ้าวางใจเถอะ หากหลินเจี้ยนหรูไม่กลายเป็นมารไปก่อน เหลียงชิวฉานก็คงไม่ตายเร็วเช่นนี้ และเดิมทีพวกเขาไม่ควรเกี่ยวข้องกัน แต่เพราะการปรากฏตัวของพวกเราทำให้เรื่องราวมากมายเปลี่ยนไป ชีวิตนี้หลินเจี้ยนหรูได้รับความรักจากเหลียงชิวฉานก็เป็นเพราะฟ้าเห็นใจเขา การมอบชะตาชีวิตให้เขาแบบนี้ สำหรับพวกอวี้ตี้ไม่นับว่ายุ่งยากอะไร แล้วจะสร้างความลำบากใจให้ข้าได้อย่างไร?”

ลู่ยาส่งผ้าเช็ดหน้าให้นาง มองดูลวดลายดอกไม้บนขนมในมือขณะพูดอย่างช้าๆ

มู่จิ่วยิ้มน้อยๆ หยิบขวดขึ้นมาดู ก่อนเก็บเข้าไปในอกเสื้อ

อันที่จริงนางก็รู้ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่นับเป็นอะไรสำหรับเขา เพียงแต่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้วางใจ

ทางนี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็พลันถามขึ้น “เช่นนั้นเฟยอีล่ะ? นางไปที่ไหน?”

ลู่ยาชะงัก ชักมือที่กำลังหยิบขนมกลับไป ตอบว่า “ตอนนี้นางอยู่กับชิงผิง”

มู่จิ่วอึ้ง “ไม่ใช่อยู่ที่คลื่นจิตพสุธาหรือ?”

“เดิมทีก็ใช่” ลู่ยาบอก “หลังจากที่นางผ่านเคราะห์กรรมกับชิงผิงซึ่งมาเกิดเป็นกษัตริย์แล้วก็ถูกจองจำอยู่ปรโลก ตอนนั้นข้ายังขาดวิญญาณเซียนอยู่ จึงได้ไปหานาง เสนอให้นางมอบวิญญาณเซียนให้ข้า จากนั้นข้าก็สัญญาว่าชาติหน้าจะให้นางไปเกิดเป็นเซียน แต่นางกลับไม่ต้องการ ขอเพียงให้นางไปอยู่ข้างกายชิงผิง”

“ข้าบอกนางว่าอายุขัยของชิงผิงยังอีกยาวนัก นางบอกว่านางรอได้ ข้าจึงพานางกลับไปคลื่นจิตพสุธา หลังจากที่ชิงผิงไปเวียนว่ายตายเกิดแล้วข้าจึงส่งนางกลับไป”

มู่จิ่วกระจ่างโดยทันที

มิน่าล่ะ ตอนที่นางไปคลื่นจิตพสุธาถึงได้ไม่เจอผู้อื่นเลย ที่แท้เฟยอีจากไปพอดี!

นางยืนขึ้น “เช่นนั้นข้าพาเหลียงชิวฉานไปที่หน่วยเลยนะ!”

ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าการพลิกคดีนี้ หลินเจี้ยนหรูออกมาได้เร็วหนึ่งวัน นางก็สามารถสงบใจได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน ตอนนี้เหลียงชิวฉานมีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง อย่างไรนางก็ต้องช่วยพวกเขา

ลู่ยาไม่ได้รั้งนางไว้ เมื่อนางออกไปเขาก็กลับมาสนใจการหลอมกระบี่ล้ำค่าต่อ

มู่จิ่วไปที่หน่วย หลิวจวิ้นดีใจอย่างไม่ต้องเอ่ยถึง เมื่อปรึกษากันเรื่องสืบสวนคดีเรียบร้อย แต่ละคนก็กลับไปทำหน้าที่ของตนเอง

ตกดึกนางทำอาหารแล้วไปหาหลินเจี้ยนหรูที่คุกหลวงอีกครั้ง

ท่าทางของเขาดีขึ้นกว่าคราวก่อนบ้าง แต่ตอนนี้มู่จิ่วยังไม่ได้บอกเรื่องเหลียงชิวฉานกับเขา ดูจากความเจ็บปวดที่เขาเอ่ยถึงนางในครั้งก่อนแล้ว เขาคงยังทำใจเรื่องนางไม่ได้กระมัง? ในใจของเขามีปม ถึงแม้จะรีบบอกเรื่องนี้ไป ก็ใช่ว่าเขาจะออกมาได้ทันที

วันถัดมานางตื่นแต่เช้าตรู่ไปที่หน่วย เจอหลิวจวิ้นที่ประตูพอดี พวกเขาต่างก็เข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำ พากันเข้าโถงกลางไป จากนั้นเปิดการพิจารณาทันที พาพยานที่หามาได้ในหลายวันนี้เข้ามา

หลายคนคือศิษย์ของยอดเขาบัวหยกสำนักแรกพยับ เคยฝึกวิชาด้วยกันกับหลินเจี้ยนหรู เพราะมากน้อยก็เป็นสหายร่วมห้อง ทั้งยังไม่ได้รับอิทธิพลร้ายของแรกพยับ จึงยังมีความเห็นใจหลินเจี้ยนหรูบ้าง เพียงแต่ตำแหน่งต้อยต่ำทำให้น้ำหนักคำพูดน้อย ถึงแม้จะไม่เห็นด้วย กลับช่วยอะไรไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมาที่แรกพยับเพื่อกราบไหว้อาจารย์ศึกษาเล่าเรียน ย่อมต้องไม่มีความคิดจะออกโรงปกป้องหลินเจี้ยนหรู

หลังให้การเรื่องที่หลินเจี้ยนหรูเคยประสบมาบนเขาในปีนั้นเสร็จ หลิวจวิ้นก็ปล่อยพวกเขาไป จากนั้นให้คนนำหัวชิงเข้ามา

หัวชิงยังคงทะนงตน แต่ยังดีกว่าตอนที่เจอมู่จิ่วนัก

หลิวจวิ้นสั่งคนนำคำให้การมาให้ ก่อนเอ่ยปาก “ดูซิว่าคำให้การเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่?”

หัวชิงไม่ยินยอมดู เขาเอ่ย “คำพูดเพ้อเจ้อ! ศิษย์สำนักแรกพยับของข้ามิใช่พวกแล้งน้ำใจ! หลินเจี้ยนหรูคนนั้นเกิดมาพร้อมรากฐานมาร เข้ามาสำนักเราสองร้อยปีไม่ได้ชำระรากฐานวิญญาณ สิ่งที่พวกเราทำผิดในตอนนั้นมีเพียงแค่ใจอ่อน ยอมปล่อยให้เขาอยู่ในสำนักต่อไป หากปีนั้นพวกเราไม่ปล่อยเขาไว้ วันนี้ก็คงไม่มีจุดจบเช่นนี้!”

มู่จิวเหลือบมองหัวชิง รอจนเขาพูดจบค่อยเข้าไปตรงหน้า “เจ้าพูดว่าเพ้อเจ้อ นั่นก็เท่ากับว่าเจ้ายอมรับว่าเคยรังแกหลินเจี้ยนหรูจริงหรือไม่?”

“จะเรียกว่ารังแกได้อย่างไร? ศิษย์คนไหนไม่เคยลำบากบ้าง? การสั่งสอนก็นับเป็นการรังแกเช่นเดียวกันหรือ?” หัวชิงทัดทานด้วยเหตุผล

มู่จิ่วไม่รีบร้อนเถียงเขา เพียงหยิบคำให้การอีกฉบับขึ้นมาบนโต๊ะ “แต่จีหย่งฟางไม่ได้บอกเช่นนี้ ตอนอยู่ที่วังพญายาม บาปที่นางสารภาพออกมาเกี่ยวข้องกับหลินเจี้ยนหรูเก้าส่วน นางไม่เพียงให้การว่านางชิวเสียตัวเพราะคำหลอกลวงหวานหูของหลินเซี่ย ทั้งยังยอมรับด้วยว่าหลินเซี่ยนั้นเจ้าชู้ประตูดิน”

“ไม่เพียงเท่านั้น หลินเซี่ยยังเคยฆ่านางชิวด้วยมือของตัวเอง ในเมื่อหลินเซี่ยเคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นการที่หลินเจี้ยนหรูฆ่าเขา จะมีอันใดผิดกัน? นอกจากนั้นจีหย่งฟางยังให้การอีกว่าจีหมิ่นจวินจงใจไม่ชำระล้างรากฐานวิญญาณของหลินเจี้ยนหรูให้หมดจด รวมถึงความร้ายกาจที่เหล่าแม่ลูกจีหมิ่นจวินปฏิบัติต่อหลินเจี้ยนหรูอีกนับไม่ถ้วนด้วย นี่คือคำให้การที่ฝ่ายปรโลกบันทึกไว้ เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง?”

หัวชิงไร้คำพูดตอบโต้

“ใช่แล้ว” มู่จิ่วพูดต่อ “พูดถึงการตายของจีหย่งฟาง เจ้าก็ผลักความรับผิดชอบไม่ได้ด้วย”

“ถึงแม้การตายของจีหย่งฟางจะเกิดจากการใส่ร้ายของหลินเจี้ยนหรู แต่เจ้าก็มีความผิดในฐานะเจ้าสำนักที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน นอกจากนั้นชัดเจนว่าหลินเจี้ยนหรูไม่ใช่ศิษย์ของลู่ยา แต่เพื่อทัดทานกับจีหมิ่นจวิน เจ้ายังยกหลินเจี้ยนหรูขึ้นเป็นผู้อาวุโส ทั้งที่รู้ชัดถึงความแค้นระหว่างพวกเขา เคราะห์กรรมที่แรกพยับจะได้รับ เจ้าที่เป็นเจ้าสำนักก็หลีกหนีความรับผิดชอบไม่พ้น”

“ดังนั้นถึงแม้เจ้าจะตายแล้ว แต่คดีนี้ต้องจัดการให้ถึงที่สุด เรื่องที่เจ้าต้องรับผิดชอบก็ต้องรับไป”

หัวชิงรู้สึกเพียงลมหายใจติดขัด ไม่มีหนทางปฏิเสธได้

เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคำให้การของจีหย่งฟางหลงเหลืออยู่ที่ปรโลก วิญญาณทุกดวงก่อนจะไปเกิดต้องไปที่วังพญายมเพื่อตัดสินบุญบาป นี่ไม่เหมือนกับการขึ้นให้การในชั้นศาล เรื่องที่เคยทำก่อนไปเกิดถูกบันทึกอยู่ในมือผู้พิพากษานานแล้ว จิตต้นกำเนิดของพวกหลินเซี่ยแตกสลายไปเรียบร้อย แต่จีหย่งฟางตายด้วยมือเขา เขาก็ไม่คิดว่าพวกมู่จิ่วจะไปเอาคำให้การของจีหย่งฟางมา ครั้งนี้เขาจนคำพูดแล้ว

“หากเจินเหรินสารภาพออกมาจนหมด เกรงว่าถึงตอนนั้นยังสามารถลบล้างความผิดในปรโลกได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านแล้ว” หลิวจวิ้นอธิบายช้าๆ พลางหยิบคำให้การที่เรียบร้อยแล้วออกมา

มู่จิ่วเข้าใจโดยไม่ต้องบอก นางหยิบดอกบัวทองขนาดสามชุ่นที่ลู่ยาให้ออกมาเล่น

ในเมื่อหัวชิงสามารถแยกพลังเสวียนหมิงออก จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าดอกบัวทองนั้นหมายถึงลู่ยา?

ถึงแม้จะเป็นวิญญาณ แต่ตอนนี้หัวชิงก็ยังต้องหลั่งเหงื่อ!

……………………………..

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset