ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 61

บทที่ 61 ลงมือว่องไวเสียจริง

 

หลิวจวิ้นตาเบิกกว้างปากอ้าค้าง!

จางเหยี่ยนซิงจวินหันไปมองหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่หน่วยจัดการเรื่องทั่วไป ทัพทหารมีกฎห้ามนำคนนอกที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเข้ามาพักอยู่ด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาตให้คู่หมั้นอยู่ด้วยกัน…แบบนี้แล้วจะไล่หรือไม่ไล่? ลงโทษหรือไม่ลงโทษ? และคำพูดของสองคนนี้ที่สุดแล้วเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกกันแน่?!

“ข้าไม่เชื่อ! นอกจากจะไปถามความจริงที่วังเฒ่าจันทรา!”

ในตอนนี้ คำพูดของอวี๋เสี่ยวเหลียนราวกับสายฟ้าระเบิดกลางอากาศ!

เฒ่าจันทราดูแลเรื่องบุพเพสันนิสวาสบนโลก พวกเขาทั้งสองแต่เดิมก็ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ตรวจสอบครั้งนี้ไม่มีข้อสงสัยแล้ว!

มู่จิ่วไหนเลยจะคาดคิดว่ายังมีไม้นี้รออยู่อีก จึงพลันลนลานขึ้นมา “เรื่องเล็กแค่นี้ ไยต้องไปรบกวนเฒ่าจันทราด้วย? คิดว่าข้าพูดโกหกได้งั้นหรือ?”

“ต้องตรวจสอบให้กระจ่าง!” อวี๋เสี่ยวเหลียนกัดไม่ปล่อย

มู่จิ่วไร้คำพูด

จางเหยี่ยนซิงจวินกระแอมไอให้คอโล่งก่อนพูด “เช่นนั้นก็ส่งคนไปถามที่วังเฒ่าจันทราเสียหน่อย ตรวจให้ชัดเจนก็ยุติธรรมดี”

มู่จิ่วรีบพูด “แต่ข้าจำวันเกิดแน่ชัดของตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้ก็ได้กระมัง?”

“ไม่วุ่นวาย!” จางเหยี่ยนพูดอย่างสนิทชิดเชื้อ “นำเส้นผมของพวกเจ้าคนละเส้นไปตรวจสอบก็ได้แล้ว”

ศีรษะมู่จิ่วเต็มไปด้วยเมฆดำ ไม่มีหนทางใดแล้ว

นางมองลู่ยา เขานิ่งไปครู่หนึ่ง กลับดึงเส้นผมเส้นหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ที่ก้าวเข้ามา

เจ้าหน้าที่หมุนกายไปตรงหน้านาง นางก็ทำได้เพียงจำใจดึงเส้นผมออกมา

หลิวจวิ้นหยิบเอาเก้าอี้มานั่ง ใบหน้าขึงตึงกวาดตามองมู่จิ่วกับลู่ยา

ตอนนี้ในลานบ้านแม้แต่ลมสักสายพัดผ่านก็ไม่มี แต่ละคนนิ่งไม่ขยับราวกับลงเสาเข็ม

ซ่างกวนสุ่นกับอิ่นเสวี่ยรั่วที่เงียบมาโดยตลอดกลายเป็นผู้ดูนานแล้ว หากต้องพูดว่ายังมีคนไม่ได้รับผลกระทบอีกล่ะก็ คงเป็นอาฝูที่หมอบอยู่ตรงเท้ามู่จิ่ว เขากำลังมองนั่นมองนี่ จากนั้นก็ลุกขึ้นมา แล้วยืนแอ่นหลังทำใบหน้าระแวดระวังอยู่ตรงหน้ามู่จิ่ว

มู่จิ่วก้มตัวลงลูบศีรษะเขา ในใจเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ไปขอคำยืนยันจากวังเฒ่าจันทราเช่นนี้ คำโกหกก็จะถูกจับได้ หากโดนจับได้นางอยู่บนสวรรค์ต่อไปไม่ได้แน่นอน ถ้าต้องไปนางกับอาฝูก็ต้องแยกจากกัน เช้าค่ำอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน หากจากกันไปกะทันหัน ในใจคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก

“ใต้เท้า กลับมาแล้วขอรับ”

ตอนนี้เอง ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเข้ามารายงานต่อหลิวจวิ้น ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบกลับมาจากประตูลานบ้าน เจ้าหน้าที่ที่รับคำสั่งไปวังเฒ่าจันทราถือกระดาษใบหนึ่งเดินมาตรงหน้าหลิวจวิ้นและจางเหยี่ยนซิงจวิน ก่อนเข้าไปกระซิบข้างหูพวกเขาหลายประโยค หลิวจวิ้นเอากระดาษใบนั้นจากมือจางเหยี่ยนซิงจวินมา ก้มหน้าลงดูอย่างละเอียด

หัวใจมู่จิ่วเด้งขึ้นไปอยู่บนคอหอย

ราวกับอาฝูจะรับรู้ถึงความเครียดของนาง จึงยกศีรษะขึ้นร้องหงิงหงิงใส่นางไม่หยุด

“ในเมื่อเป็นคู่หมั้นกันจริงๆ ทำไมเจ้าถึงไม่แจ้งเรื่องก่อน?!” หลิวจวิ้นพลันเงยหน้าขึ้นมา พุ่งเข้าหามู่จิ่วอย่างไม่สบอารมณ์

ถึงแม้ความโกรธจะยังไม่ลดระดับลง แต่ดีร้ายอย่างไรสีหน้าก็ดูดีขึ้นหน่อย เหมือนกับเมฆดำได้ลอยผ่านไป เห็นแสงอาทิตย์เสียที แม้จะยังไม่ปลอดโปร่งนัก แต่ก็ไม่มีเมฆฝนแล้ว

มู่จิ่วพลันเป็นใบ้ไป! เขาหมายความว่าอย่างไร?

อะไรคือเป็นคู่หมั้นจริงๆ?

ลู่ยาพูดไม่ออกเช่นเดียวกัน แต่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่ามู่จิ่ว “นั่นเป็นเพราะข้าเพิ่งมาถึงเมื่อสองวันก่อน และเพราะคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลอาจิ่วของข้าระยะยาว ดังนั้นจึงยังไม่ได้ตกลงกันให้ดีว่าจะบอกกับใต้เท้าอย่างไร แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ข้ายอมรับว่าเป็นความผิดของข้า ขอให้หัวหน้าเห็นแก่คนแซ่ลู่ผู้ไม่เคยล่วงเกินผู้ใดมาก่อน ละเว้นโทษให้สักครั้ง”

หลิวจวิ้นขมวดคิ้วมองเขา ยังไม่พูดออกไปทันที

มู่จิ่วเริ่มจับประเด็นได้ในที่สุด ความหมายของพวกเขาคือ ผลการตรวจสอบของวังเฒ่าจันทรากลับเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ของนางกับลู่ยางั้นหรือ?

เป็นไปไม่ได้หรอก?

เฒ่าจันทรามิใช่ว่าแก่แล้วตาฝ้าฟาง จับด้ายแดงผิดเส้นแล้วหรือไร?

ทำไมเขาถึงให้หลักฐานแบบนี้มาได้? ทั้งที่นางกับลู่ยาไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวพันกันโดยแท้!

…เพียงแต่ดวงตาฝ้าฟางของเขาถือเป็นเรื่องดี! อย่างน้อยนางก็สบายใจผ่านด่านนี้ไปได้ล่ะ! นางไม่ต้องทิ้งการงานกลับเขาหงชางแล้ว! ครั้นดูสีหน้าของหลิวจวิ้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดจะเตะนางออกจากค่ายทหารสวรรค์แล้ว นี่มิใช่เรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งหรือ?!

อืม สักแปดส่วนต้องเป็นเพราะลู่ยาเล่นตุกติกอยู่ข้างหลัง ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!

คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่จะลงมือว่องไวปานนั้น

นางกลับมามีสติเหมือนเดิม รีบเดินเข้าไปคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้า “ข้าน้อยไม่สามารถไปรายงานได้ทันเวลา ขอใต้เท้าโปรดให้อภัยด้วย!”

“ในเมื่อเป็นคู่หมั้นกันจริง แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่จะลงโทษหนัก” หลิวจวิ้นควบคุมอารมณ์ขณะพูด “แต่หอหญิงของพวกเจ้าให้ผู้ชายเข้ามาอยู่ได้ที่ไหน? ข้าให้เวลาสามวัน จัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วนำเขาออกไป เรื่องนี้ไม่ต้องตรวจสอบต่อแล้ว”

ถึงแม้คู่หมั้นนับได้ว่าเป็นคนในบ้านไปแล้วกึ่งหนึ่ง ทัพทหารมีคนในครอบครัวที่ตามทหารมาอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ยังไงนางก็ไม่อาจให้ผู้ชายอยู่ที่นี่ได้หรอก? และคนที่มีคุณสมบัตินำครอบครัวเข้ามาได้ก็เป็นทหารมียศทั้งนั้น ทว่ามู่จิ่วแม้แต่ตำแหน่งนายร้อยที่ต่ำที่สุดก็ยังไม่ใช่ แล้วนางมีตำแหน่งอะไรถึงนำครอบครัวมาได้? อนุญาตให้นางเอากระต่ายเข้ามาก็ถือว่าผ่อนปรนที่สุดแล้ว!

“ใต้เท้า คนแซ่ลู่มาคราวนี้เพื่ออยู่เป็นเพื่อนอาจิ่วระยะยาว ขอหัวหน้าโปรดอนุญาตด้วย” มู่จิ่วยังไม่ทันรับปาก ลู่ยารีบชิงเปิดปากพูดก่อน “ชีวิตอาจิ่วของพวกเราขมขื่นนัก ข้าไม่ยินยอมให้นางอยู่อย่างลำบากข้างนอกคนเดียว ในเมื่อทัพสวรรค์ยังมีคนที่พาครอบครัวมามากมาย ถ้าเช่นนั้นก็ไม่น่าจะขัดหากเพิ่มข้าไปอีกคน”

“เจ้าต้องการติดตามกองทัพหรือ?” หลิวจวิ้นเพิ่งคลายคิ้วออกก็ขมวดกลับเข้าไปอีกครั้ง “อย่างนั้นเจ้าจะอยู่ที่ไหน?” ยังไงก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ลานจื่อหลิงระยะยาว!

“ข้าไม่เห็นด้วย!” สีหน้าของอวี๋เสี่ยวเหลียนกลายเป็นม่วงคล้ำไปแล้ว “ข้าไม่เห็นด้วยกับการให้เขาอยู่ที่นี่! ยังมีกัวมู่จิ่วอีก นางก็ต้องไปด้วยเหมือนกัน!”

“หุบปาก!” จางเหยี่ยนซิงจวินต่อว่านาง

สถานการณ์มาถึงทางตันอีกครั้ง

หลิวจวิ้นกัดฟันมองมู่จิ่ว

มู่จิ่วตัวชาวาบ พูดรบเร้าว่า “ไม่อย่างนั้น ระหว่างนี้ให้เขาอยู่ที่ถนนตะวันออกไปก่อนก็ได้”

นางยังไม่ลืมเรื่องที่ลู่ยาถูกศิษย์พี่ตามล่าสังหาร หากต้องไปแล้วเขาจะไปที่ไหน? เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะเขาหัวดีคิดเรื่องคู่หมั้นได้ เกรงว่าตอนนี้นางคงถูกไล่ออกไปด้วยแล้ว นางไม่อาจข้ามแม่น้ำตัดสะพานเอาตัวรอดคนเดียว แล้วทิ้งเขาโดยไม่สนใจหรอก หากยังดิ้นรนได้นางจะพยายามดู

“เขาไม่มียศไม่มีหน้าที่ ถึงไปอยู่ถนนตะวันออกจะอยู่ได้นานเท่าไหร่?” หลิวจวิ้นอารมณ์ไม่ดี

ทำไมเขารับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วเหมือนกับรับบรรพบุรุษมาด้วย ยังต้องคิดแทนนางอีกว่าจะจัดแจงที่อยู่ให้คู่หมั้นนางยังไงดี!

มู่จิ่วคิดๆ ดูแล้วสิ่งที่เขาพูดก็ถูก

ถึงแม้จะอยู่ได้ระยะหนึ่ง แต่ก็อยู่นานมากไม่ได้ ข้อสำคัญคือเขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ อยู่คนเดียวกับเหล่าทหารคงไม่สะดวกเท่าไหร่กระมัง? ยังมีนิสัยของเขาอีกที่เป็นปัญหา หากไปมีเรื่องกับคนอื่นเข้าล่ะ? ตอนนั้นนางจะช่วยเขาเก็บกวาดเรื่องยุ่งยากอย่างไร? หากก่อเรื่องขึ้นแล้วคิดจะอยู่ต่ออีก? เหอะเหอะ

หากมีที่อยู่ของตนเองได้ก็ดี แบบนั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

…เอ๊ะ ที่อยู่ส่วนตัว?

คิดถึงตรงนี้นางก็เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตากระจ่างใสพลันส่องประกายออกมา!

……………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset