ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 75

 ที่แท้ก็เป็นนาง?

แสงจันทร์นอกหน้าต่างตกกระทบลงมา สาดส่องต้นไม้ในสวนจนเกิดเป็นเงาพร้อย

ลมเย็นพัดจากใต้ไปเหนือ จากยอดเขามายังตีนเขา พัดแนวต้นสนบนยอดเขาของสำนักแรกพยับเสียดสีกันจนเกิดเสียง

เสียงหวีดหวิวต่ำๆ ของป่าสนฟังแล้วช่างบาดหู แต่ท่านอาจารย์ผู้ก่อตั้งของสำนักแรกพยับกลับชอบต้นสน ไม่เพียงแต่ปลูกต้นสนบนยอดเขาหลายสิบลูก แม้แต่กระถางต้นไม้ในลานบ้านยังปลูกต้นสน

หลินเจี้ยนหรูไม่ชอบต้นสนเพราะมีหนอนผีเสื้อ พอถึงฤดูใบไม้ผลิ หนอนผีเสื้อสีดำเล็กๆ ใหญ่ๆ ก็จะปีนขึ้นมาในโรงเก็บฟืน ในกิ่งไม้ บนเก้าอี้ ในผ้าปูเตียง มุมไหนต่างก็ยากจะหลีกเลี่ยง หากไม่ระวังก็สามารถจับได้กำมือหนึ่ง

พูดกันตามเหตุผล หนอนแมลงเหล่านี้ปีนไม่ถึงถ้ำคุ้มมรกต เพราะถ้ำทั้งในและนอกลานบ้านต่างก็มีปราการเซียน ไม่ต้องพูดถึงหนอนผีเสื้อที่เข้ามาไม่ได้ กระทั่งงูยังเข้าไม่ถึง แต่ที่ๆ เขาอยู่ไม่อาจนับได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างหลักของถ้ำ เป็นเพียงห้องเก็บฟืนสามห้องตรงลานบ้านทางทิศตะวันตก ศิษย์ที่เข้ามาใหม่ทุกๆ วันต้องหาฟืนก่อไฟ ดังนั้นจึงไม่อยู่ในเขตปราการเซียน

หลังจากผ่านขั้นจู้จี ถึงแม้เขาไม่ต้องอยู่ห้องเก็บฟืนแล้ว แต่วันคืนอันโหดร้ายเหล่านั้นกลับฝังลึกอยู่ในความทรงจำ

เขายืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน มองพระจันทร์บนท้องฟ้า จิตใจสงบนัก

ใช่แล้ว สุดท้ายเขาก็ยังกลับมา

ที่หอวิหคแดง คำพูดของเหลียงชิวฉานเหมือนมีดที่ใช้ทำร้ายเขา นั่นไม่เพียงแต่ดูถูกกันเท่านั้น ยังทำให้ความหวังของเขามลายหายไปด้วย

เขาเข้าใจไปว่ารากฐานวิญญาณของเขาถูกชำระล้างจนสะอาดแล้ว แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

หลินเจี้ยนหรูต้องกลับมาหาข้อเท็จจริง เขายังอยากใช้ชีวิตฟ้าหลังฝนของตนเอง ทั้งยังต้องฟื้นฟูจิตต้นกำเนิดของแม่แท้ๆ เขาจะยอมแพ้ไม่ได้

“กลางคืนวันนี้ พวกเจ้าสี่คนผลัดเวรกัน”

ขั้นบันไดมีคนเดินเข้ามาสามคน หญิงที่เดินนำมาหางตาชี้ คิ้วยกสูง สายตาเย็นเยียบ คนด้านหลังสองคนสวมเสื้อสีม่วง คางเชิดสูง คือจีหมิ่นจวินภรรยาของหลินเซี่ยกับจีหย่งฟางและจีเพ่ยฟางลูกสาวทั้งสอง

สำนักแรกพยับอยู่ห่างจากสวรรค์หมื่นลี้ในเขตอาณาจักรจื่อจิว และเป็นสำนักประจำอาณาจักร อำนาจของสำนักแรกพยับยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาเขตนี้

ตระกูลจีเป็นแซ่ของอาณาจักร จีหมิ่นจวินเป็นคนในราชวงศ์ ลูกสาวลูกชายที่นางให้กำเนิดล้วนแซ่จี แต่หลินเจี้ยนหรูแซ่หลิน เป็นเพราะแต่แรกจีหมิ่นจวินก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าเขาจะแซ่หลินหรือไม่

หลายวันมานี้เป็นเพราะสำนักแรกพยับเกิดเรื่อง ดังนั้นเหล่าคนในอาณาจักรจึงหวาดกลัวสับสน เพราะคนที่มีความสามารถสูงในสำนักสองคนอย่างผู้อาวุโสจื่ออิงเจินเหรินหลินเฟิงและอู่หยางเจินเหรินหลินเซี่ยถูกโจมตี ตอนนี้จื่ออิงเจินเหรินเสียชีวิตแล้ว ส่วนอู่หยางเจินเหรินได้รับบาดเจ็บหนักไม่รู้สึกตัว และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือ

หลินเซี่ยนอนอยู่บนเตียงมาสิบวันไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น หลังจากเจ้าสำนักหัวชิงลงมือรักษาเพิ่มพลังให้เขาด้วยตนเอง ถึงลืมตาตื่นขึ้นมาได้ จีหมิ่นจวินสั่งให้ลูกชายลูกสาวทั้งสามอยู่ข้างเตียงเพื่อผลัดเวรกันเฝ้าป้อนยา ส่วนศิษย์ของหลินเซี่ยเฝ้าอยู่ที่นอกประตูยามค่ำคืน วันนี้ช่วงบ่ายหลินเจี้ยนหรูเพิ่งเร่งรีบกลับมาจากสวรรค์กับพวกจีหย่งฟาง งานกะกลางคืนจึงแบ่งให้เขาไป

ตามเหตุผลแล้ว ในฐานะลูกชายของหลินเซี่ย เขาควรจะได้อยู่ป้อนยาในห้องกับพวกจีหย่งฟาง แต่จีหมิ่นจวินกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้

เขาก็ไม่มีคำบ่นใดเช่นกัน

เมื่ออยู่ที่สำนักแรกพยับ การกีดกันและการกดดันเขาอย่างออกหน้าออกตาไม่รู้มีมากมายเท่าไหร่

เหมือนกับที่เขาพูดกับเหลียงชิวฉาน ไม่มีใครถือว่าเขาเป็นลูกชายของหลินเซี่ย นอกจากตอนที่มีคำขอร้องต่อเขาเท่านั้น

“ศิษย์น้องน้อมรับคำสั่ง!” คนที่เหลืออีกสามคนตอบรับอย่างเต็มที่

เขาก็พยักหน้า

จีหย่งฟางเดินผ่านหน้าเขา ทำเสียงเหอะเยาะเย้ยขึ้นจมูก จากนั้นก็เดินตรงเข้าห้องไป

ไม่ใช่ว่าเขาไม่โกรธ

หากเรื่องที่รากฐานวิญญาณของเขาไม่สะอาดเป็นเรื่องจริง หากเขาไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ตลอดไป เช่นนั้นจะโกรธแค้นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไปก็ไม่มีความหมาย

เขากำลังจะนั่งลงบนขั้นบันไดหิน ประตูห้องที่ด้านหลังพลันเปิดออก

จีหย่งฟางสีหน้าเย็นชาโผล่ออกมาจากด้านใน “ไปที่ห้องของอาจารย์ลุงเจ้าสำนัก เอายาชำระไขกระดูกมาสองเม็ด!”

พูดจบก็ไม่รอเขาตอบ ปิดประตูลงดังปัง

เขาไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้หยุด หมุนตัวไปยังถ้ำของเจ้าสำนักทันที

เขารู้ว่ายอดเขาทิวเที่ยงที่ห่างจากยอดเขาคุ้มมรกตไปไม่ไกลมีน้ำพุเซียนอยู่ เพียงแค่หยดเลือดลงไปหยดหนึ่ง หากรากฐานวิญญาณบริสุทธิ์ น้ำจะเปลี่ยนเป็นใสสะอาด หากรากฐานวิญญาณไม่บริสุทธิ์ น้ำก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง

เขาต้องหาโอกาสไปลองดูให้ได้โดยเร็วที่สุด

อีกทั้งยอดเขาขลุ่ยหยกที่เชื่อมต่อกับถ้ำของเจ้าสำนัก ก็ไม่ไกลจากยอดเขาทิวเที่ยง ถึงตอนนั้นเขาสามารถหาโอกาสไปทดลองดูได้

ยอดเขาขลุ่ยหยกเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของสำนักแรกพยับ เรียกว่าทำเนียบเซียนหัวซิง เจ้าสำนักเรียกว่าหัวชิงเต้าเหริน

หลินเจี้ยนหรูไปที่ยอดเขาขลุ่ยหยกก่อน ตอนนี้ไฟในอาคารเซียนยังสว่างราวกับกลางวัน เงาคนในหน้าต่างดูพลุกพล่าน เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้อาวุโสในสำนักกำลังหารือกันอยู่

ผู้อาวุโสในสำนักได้รับบาดเจ็บพร้อมกันถึงสองคน นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบห้าร้อยปี เจ้าสำนักชอบระดมสมอง เกือบทุกคราวเมื่อมีเวลาว่างจะเรียกคนมาเปิดประชุม เขาเห็นเรื่องประหลาดนี้จนชินแล้ว

เขาเดินเข้าไป คิดจะบอกเซียนเด็กถึงเหตุผลที่มา เซียนเด็กกลับไปเดินเล่นอู้งานอยู่ที่ไหนไม่รู้

เขาจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปด้วยตนเอง ก้าวผ่านสวนดอกไม้เล็กๆ ตรงกลาง ไปตามเสียงคนที่ไหลมาบางเบา

“…คิดไม่ถึงว่าจะทำร้ายเซียนของสำนักเราถึงสองท่าน จิ้งจอกแห่งชิงชิวจะทำเกินไปแล้ว! ไม่รู้ว่าวิมานหลีเฮิ่นมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

คนในห้องโกรธอย่างมาก เสียงแต่ละคำไม่หลุดรอดหูของหลินเจี้ยนหรูไปได้

ฟังถึงตรงนี้เท้าของเขาหยุดลงตามสัญชาตญาณ คนที่พูดคือหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักซึ่งเป็นศิษย์พี่ของหลินเซี่ย ในสำนัก นอกจากจื่ออิงเต้าเหรินที่จากไปแล้วกับหลินเซี่ยที่บาดเจ็บหนัก ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอีก พูดแบบนี้แสดงว่าคนที่เอ่ยถึงคือพวกเขา?

ที่แท้ซ่านเซียนลัทธิฉ่านสองคนซึ่งถูกทำร้ายบนเกาะเป่ยอี๋ที่มู่หรงหลิวเย่พูดถึงวันนั้น คือหลินเซี่ยกับจื่อหยางเจินเหริน หลินเซี่ยกลับถูกทำร้ายด้วยเงื้อมมือของจิ้งจอกชิงชิว?!

ตอนนั้นที่นางมองเขาไปมา หรือเป็นเพราะว่าเขากับหลินเซี่ยมีส่วนที่คล้ายกัน?

ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าจิ้งจอกชิงชิวไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ถูกกับศิษย์ลัทธิฉ่าน และรู้ดีว่าพลังสังหารของพวกเขาสูงส่งขนาดไหน แต่กลับไม่คิดว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นใกล้ตัวเขา… จนถึงทุกวันนี้ในสำนักยังปกปิดผู้กระทำผิดไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นเขาจึงเข้าใจไปว่ายังไม่สามารถสืบหาคนร้ายได้ ที่แท้ก็เป็นจิ้งจอกเก้าหางลงมือ…

เขาพลันนึกถึงมู่หรงหลิวเย่ที่วันนั้นเกือบสังหารเขาด้านนอกต้าหนิง คิ้วก็ขมวดแน่น มือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้มู่จิ่วคงจะอยู่ที่ชิงชิว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?

“ไท่ซ่างเหล่าจวินกำลังปิดด่าน ยังคงไม่รู้เรื่องราว อาจารย์หลายท่านในวังโตวลวี่กำลังจับตาดูเรื่องนี้ และกดดันไปยังทัพสวรรค์ให้ทำคดี แต่ชิงชิวนั้นไม่เล็ก ข้ากังวลอยู่ตลอดว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้พวกเราจะไม่ได้รับความยุติธรรมใด ถึงแม้พวกเราจะเป็นฝ่ายเดียวกับเหล่าจวิน กลับเป็นเพียงแค่หนึ่งในสำนักลัทธิฉ่านหมื่นพันสำนักเท่านั้น”

ตอนนี้ในห้องมีเสียงของเจ้าสำนักหัวชิงลอยออกมา

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset