หลินเซี่ยใช้พลังทั้งหมดหยุดยั้งเขาไม่ให้นำพามหาโอสถทองออกมา
เขาเป็นเซียนโดยแท้ ถึงแม้จะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปทั้งหมด ก็ยังมีความสามารถในการปกป้องตนเองอยู่บ้าง
บางทีอาจเป็นเพราะความคิดที่จะรักษาชีวิตไว้แรงกล้าอย่างมาก หรือไม่ก็เพราะความโกรธที่โดนจู่โจมจากลูกนอกสมรส ซึ่งเขาถือมาตลอดว่ามีสายเลือดต่ำทรามคนนี้ ทำให้มหาโอสถทองที่เขาพยายามขืนเอาไว้ ย้อนกลับไปทางเดิมของมัน
จากทิศของห้องเก็บคัมภีร์มีเสียงอึกทึกดังมา ไม่รู้ว่าไฟดับหรือยังไม่ดับ แต่เวลาที่เหลือของหลินเจี้ยนหรูมีไม่มากนักแล้ว
เขาอดไม่ได้โน้มตัวเข้าไป “รีบคายมหาโอสถทองออกมา!”
อันที่จริงก็รู้สึกแล้ว สิ่งที่หมุนวนอยู่ตรงจุดตันเถียนของเขาคือมหาโอสถทอง! ตอนนี้ปราณในชีพจรของเขาแรงกล้า ระดับพลังฤทธิ์เปรียบได้กับเขาถึงสิบคน ดูออกได้ว่ามันไม่ได้มีดีแต่ชื่อ พลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หากผ่านเข้าไปโคจรทั่วร่างกายและหลอมรวมกับเข้าชีพจร ขั้นตอนการเลื่อนขั้นของเขาก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว!
“คายออกมา!” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบขึ้นเล็กน้อย
“ไม่…”
หลินเซี่ยยังคงต่อต้าน และยังใช้มือดึงไว้ไม่หยุด หลินเจี้ยนหรูก็ไม่อาจปล่อยมือ หากปล่อยมือจิตต้นกำเนิดของเขาก็จะหลุดออกจากร่าง ไม่เพียงแต่ไร้หนทางหลบหนีจากเงื้อมมือหลินเซี่ย ยังอาจเป็นการเรียกคนนอกเข้ามาด้วย ถึงตอนนั้นเขาคงตายแบบไม่มีที่ฝังกลบ
“เจ้าไม่รับปาก อย่าโทษข้าแล้วกัน”
ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องแน่นิ่งเข้าไปในสายตาของอีกฝ่าย พลันเพิ่มแรงกดลงไปจุดหมิงเหมินที่มือซ้าย ได้ยินหลินเซี่ยครวญครางออกมา ก่อนสลบไปบนเตียงทันใด
กระบวนท่านี้เรียนรู้มาจากคัมภีร์ที่มู่จิ่วให้เขามา ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์เยี่ยงนี้
หลินเจี้ยนหรูรีบเก็บพลังกลับจากจุดตันเถียนของหลินเซี่ย ค่อยๆ เอาพลังอันแรงกล้าขุมนั้นออกมาจากคอของเขา
เสียงอึกทึกคึกโครมจากเรือนด้านหลังยิ่งดังขึ้น และมหาโอสถทองยังเคลื่อนออกมาอย่างช้าๆ
บนหน้าผากของเขาผุดเหงื่อเม็ดใหญ่ ตอนนี้หากมีคนเข้ามา ความเหนื่อยยากทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาไม่เพียงหายไป แต่ยังไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้อีกด้วย
“ทางอาจารย์อาสี่เกิดเรื่องอะไรหรือไม่?”
นอกประตูพลันมีเสียงของเหลียงชิวฉานดังเข้ามา
ใจเขาเต้นกระตุก เลือดลมกระเพื่อม รสฝาดเฝื่อนพลันผุดขึ้นมาในลำคอ
เมื่อเห็นมหาโอสถทองที่เคลื่อนมาถึงลำคอของหลินเซี่ย เขาก็อดไม่ได้อีกต่อไป ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้กดเข้าไปที่กระดูกไหปลาร้าของผู้เป็นพ่ออย่างแรง…คล้อยหลังเสียง ‘ป๊อก’ เบาๆ เม็ดกลมสีแดงขนาดเท่าเม็ดบัวก็พลันออกมาจากปาก!
หลินเจี้ยนหรูรีบชิงเอายามา จากนั้นลูบผ้าห่มของหลินเซี่ยให้เรียบ หมุนตัวกับพื้นไปซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าหลังเตียง!
ทุกอย่างกลับไปสงบเงียบ
ประตูห้องมีเสียงเปิดออก เท้าคู่หนึ่งที่ปกคลุมด้วยกระโปรงสีชมพูอมม่วงเดินเข้ามา
ใจของหลินเจี้ยนหรูขึ้นมาอยู่ที่คอ แม้แต่นิดก็ไม่กล้าหายใจ บนหน้าผากและแผ่นหลังเปียกชุ่ม ราวกับเหงื่อเย็นๆ ของทั้งชีวิตหลั่งออกมา
เหลียงชิวฉานถือกระบี่เดินนำศิษย์อีกหลายคนเข้ามา เห็นเพียงห้องเงียบสงบเหมือนปกติ หลินเซี่ยนอนสงบอยู่บนเตียงไม่ต่างจากที่เห็นก่อนหน้านี้ แต่ว่าผ้าห่มไหมที่ขอบเตียงกลับยับ ทำให้นางคิ้วขมวดขึ้น จีหมิ่นจวินเป็นคนเข้มงวดมาก ย่อมไม่ยินยอมให้ผู้ใดนั่งที่ริมเตียงของหลินเซี่ยแน่ ไม่รู้ว่าใครไม่รู้จักกฎระเบียบขนาดนี้?
นางมองไปรอบห้องอย่างละเอียด สายตาเพิ่งกวาดไปเจอมุมเสื้อที่ด้านล่างตู้เสื้อผ้า จีหย่งฟางกลับพรวดพราดเข้ามา “ศิษย์พี่ฉาน! ห้องเก็บคัมภีร์ของพวกเราคานใกล้ถล่มแล้ว ท่านแม่ให้มาเชิญท่านไปดูเหล่าศิษย์ย้ายหนังสือกับข้า!”
“รู้แล้ว”
เหลียงชิวฉานตอบรับ เดินออกไปจากประตู
ถึงประตูก็พลันหยุดลง หันกลับมามองดูตู้เสื้อผ้า สุดท้ายก็ขมวดคิ้ว ก่อนยกเท้าเดินออกไป
นั่นเป็นตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว มีมุมเสื้อเล็ดลอดออกมาย่อมไม่ผิดแปลก หรือนางจะคิดมากไป?
หลินเจี้ยนหรูได้ยินเสียงฝีเท้าหายไปจนหมด ก็ตั้งสมาธิฟังการเคลื่อนไหวในห้อง จากนั้นจึงค่อยเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมา
ครั้นถึงหน้าต่าง เขาพลันหันกลับมา มองดูหลินเซี่ยบนเตียงคราหนึ่ง
ตอนนี้หลินเซี่ยยังคงสลบอยู่ ไม่รับรู้เรื่องราวรอบตัว
เขาและลูกสาวของจีหมิ่นจวินเข้ามา หากไม่ดูเขาก็ไม่รู้แม้แต่น้อย
ชีพจรถูกตัดขาด สำหรับคนที่บาดเจ็บหนักอย่างเขาเป็นการจู่โจมที่ไม่นับว่าเบา แต่มีหัวชิงและเหล่าผู้อาวุโสอยู่ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่เขาฟื้นขึ้นมา และ…ต้องเปิดเผยเรื่องวันนี้ของเขาทั้งหมดแน่!
หลินเจี้ยนหรูกำมหาโอสถทองในมือแน่น เขาแบกรับผลหลังจากการตื่นของหลินเซี่ยได้หรือ?
ไม่ เขาแบกรับไม่ไหว เขาได้รับมหาโอสถทองนี้ก็แค่เลื่อนขั้นได้ไวขึ้น ถึงจะเลื่อนขั้นเร็ว ก็ไม่เร็วถึงขั้นสามารถต้านทานกับทั้งสำนักแรกพยับได้ก่อนที่หลินเซี่ยจะตื่น ถึงตอนนั้นเขาก็ยังคงต้องตายอยู่ดี!
คิดถึงตรงนี้เขาก็กัดฟัน หันกลับไปมองหลินเซี่ย พลันเดินกลับไปใช้ฝ่ามือกดลงไปที่จุดตันเถียน โคจรพลังกดทับลงไป จากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงร้องอย่างอึดอัด กลุ่มควันเบาบางจากร่างกายของหลินเซี่ยลอยออกมาหลายสาย และคนที่อยู่บนเตียงก็สิ้นลมอย่างช้าๆ
พลังของเขากดลงไป ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับหนึ่งในร้อยของหลินเซี่ย แต่ในเวลาเฉพาะเช่นนี้กลับกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่กดทับให้เขาตายไป
หลินเจี้ยนหรูปิดเปลือกตาของเขาลง จากนั้นหยิบขนจิ้งจอกแดงออกมาจากกระเป๋าเล็ก วางที่ริมหมอน
แสงจันทร์สาดส่องบางเบาลงบนแผ่นดินผืนใหญ่
มู่จิ่วยังคงถูกลู่ยาแขวนกลับหัวอยู่กลางอากาศ
ที่จริงนางยอมแพ้ไม่ดิ้นรนแล้ว รู้ว่าบางทีอาจจะทำเขาโกรธเข้า แต่นางยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธขนาดนี้ แต่เดิมคำพูดนั้นของนางก็ครึ่งจริงครึ่งหลอก ปกติเขาดูไม่เหมือนคนที่คิดเล็กคิดน้อย ถลึงตาใส่นางไม่รับปากก็พอแล้วมิใช่หรือ?
เหตุใดต้องมาแขวนนางไว้!
ตอนนี้ก็แขวนไว้หนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เขายังไม่มีท่าทีจะออกจากห้อง นี่คิดจะแขวนนางไว้จนฟ้าดินสลายเลยใช่หรือไม่?
“นี่ ทำไมเจ้าถึงโกรธเล่า” ในที่สุดนางถามด้วยทนไม่ไหว
“เจ้านี่มันโง่เขลาเบาปัญญา!” ลู่ยาดื่มชาไปพลาง มองนางไปพลาง
มู่จิ่วไร้หนทาง คิดแล้วจึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “ข้าผิดไปแล้ว ท่านผู้ยิ่งใหญ่ใจกว้าง ปล่อยข้าไปทีเถอะ”
ลู่ยาแค่นเสียงเย็นเยียบ ยังคงนั่งขัดสมาธิดื่มชาอย่างเอ้อระเหย
มู่จิ่วพูดอีก “ข้ารินชาทุบขาให้เจ้าดีหรือไม่?”
ลู่ยาเหลือบมองนาง ยังไม่ขยับอยู่ดี
มู่จิ่วถลึงตาใส่เขาที่อยู่ห่างออกไป เขากลับเดินเข้ามาหาช้าๆ พูดขึ้นว่า “เจ้าช่างหาญกล้านัก วันนี้กล้าขายข้าอย่างง่ายดาย คิดว่าส่งข้าไปเป็นนายสนมของจิ้งจอกน้อยนั่นแล้วสนุกนักหรือไร?”
“เปล่า…”
“เปล่า?” ลู่ยาร้องเฮอะเย็นชา “ข้าเห็นบนหน้าเจ้าขาดเพียงแต่ไม่ได้เขียนคำว่าให้จิ้งจอกน้อยพาข้าไปแปะไว้เท่านั้น รังเกียจที่ข้าอยู่ขัดหูขัดตาเจ้า? ขวางทางเจ้าอยู่ด้วยกันกับคนแซ่หลินนั่นหรือ? เมื่อวานเพิ่งกดดันข้าให้เลิกสัญญาหมั้นหลังจากสามเดือน ถัดมาวันเดียวก็รีบผลักข้าเข้าสู่อ้อมอกผู้อื่น? ข้าไปขวางอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงรังเกียจข้าขนาดนี้?”
มู่จิ่วไร้คำพูดอยู่บ้าง อะไรเรียกว่าเลิกสัญญาหมั้น ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่ต้นถูกหรือไม่? อีกอย่างคือเขาทำไมถึงชอบโยงนางเข้ากับหลินเจี้ยนหรู? เห็นชัดๆ ว่านางกับเขามีความสัมพันธ์แบบสหายร่วมงาน แล้วนางไปมองว่าเขาขัดหูขัดตาตอนไหน?
แต่คิดๆ แล้วก็ช่างเถอะ ตอนนี้เถียงไปก็ไม่มีผลดีอะไร