ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 609 ยอดฝีมือตัวจริง

ตอนที่ 609 ยอดฝีมือตัวจริง 

 

 

ขณะที่หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานปะทะกับอีกฝ่ายอยู่นั้น พวกเขาก็ค่อยถอยห่างจากคนอื่นในกองพันไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่แนวป้องกันค่อยๆ ถอยร่นมาด้านหลัง ทุกคนอยู่ตามตำแหน่งที่วางไว้ยกเว้นหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อาน 

 

 

ทั้งสองคนราวกับเป็นเรือกลางทะเลที่ถูกล้อมรอบไปด้วยทหารใต้น้ำ ไร้ซึ่งการช่วยเหลือจากข้างนอก 

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกดีมาก เพราะในบรรดาทหารจากท้องทะเลมีระดับ C อยู่แค่คนเดียว และระดับ C คนนั้นก็ถูกหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานฆ่าตายไปแล้ว พวกทหารที่เหลือก็สู้อะไรพวกเขาไม่ได้ ถึงจะมีทหารมามากมายขนาดไหนก็ไม่สำคัญหรอก ต่อให้มีทหารเข้ามามากเกินไปก็ยังมีเฉินไป่หลี่คอยช่วยเอยู่ เขาคงสัมผัสความผิดปกติได้เองแหละ 

 

 

แต่มั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ ไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาถอยหลังกันไปเรื่อยๆ พอเวลาผ่านไปสักพัก พวกเขาก็แน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป พวกเขาจึงหันหลังมองกลับไปและสังเกตเห็นว่าหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานนั้นกำลังถูกพวกทหารจากทะเลล้อมเอาไว้อยู่ มั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ ไม่ใช่เป้าโจมตีของพวกมันอีกต่อไป! 

 

 

“เราปล่อยพวกเขาไว้ไม่ได้นะ!” มั่วเฉิงคงตะโกน “พี่น้องทั้งหลาย เราจะไม่ทิ้งสหายของเราไว้แบบนั้น กองพันที่ 42 ของเราจะไม่ยอมเสียกำลังไปแม้แต่คนเดียว!” 

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ามีใครยอมถอยก่อน ทีมของพวกเขาก็คงแพ้ราบคาบและกระจัดกระจายกันไป โดยปกติแล้วผู้คนมักจะคิดเห็นทำอะไรตามๆ กัน เพราะฉะนั้นในสถานการณ์แบบนี้ต้องมีใครสักคนเริ่มทำอะไรสักอย่าง และมั่วเฉิงอาจจะต้องเป็นคนคนนั้นเอง 

 

 

เขาก้าวนำหน้าไป แล้วจากนั้นคนอื่นๆ ในกลุ่มก็เริ่มตามไปโดยไม่คิดมาก ทุกคนใจสู้กันมาก นี่คือสายสัมพันธ์ที่พวกเขามี หนึ่งเดียวเป็นทั้งปวง และทั้งปวงคือหนึ่งเดียว! 

 

 

ในตอนนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าพวกทหารจากทะเลไม่มีอะไรให้กลัวเลย 

 

 

คืนแรกที่พวกเขามาถึง ทหารจากทะเลโจมตีพวกเขาโดยไม่ลังเล และทุกคนก็ยังคงเครียดขึ้งกับเรื่องนี้อยู่ 

 

 

แต่คนที่เผชิญความเครียดอย่างแท้จริงตอนนี้คงจะเป็นหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อาน หลังจากที่พวกเขานำหน้าในสนามรบ ทุกคนก็เริ่มเบาใจลงมาอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

ขบวนทัพที่พวกทหารจากทะเลจัดกันไว้แตกกระเจิงหมด มั่วเฉิงคงนั้นมีความสามารถระดับ D ขั้นสูงจริงๆ เขานำหน้าทุกคนไปอย่างกับลูกธนูเพื่อไปร่วมรบกับหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อาน เขาไล่ให้ทหารจากทะเลนั้นออกไปจนได้! 

 

 

นักเรียนห้องเต้าหยวนคนอื่นๆ เองก็แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้นั้นไม่เหมือนกัน ความสามารถในการต่อสู้นั้นจะมาได้จากการมุ่งมั่นที่จะต่อสู้! 

 

 

หลี่ว์ซู่พอใจมากที่เขากวาดล้างทหารจากท้องทะเลพวกนั้นได้ หลังจากซัดพวกมันจนสลบไป เขาก็หยิบเอาหอกสามง่ามของพวกมันยัดเก็บเข้าไปในตราแผ่นดิน หลี่ว์ซู่หงุดหงิดที่ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกเจ้าโกลาหลกินไปหมดแต่เขายังต้องรับหน้าที่คอยดูแลมันต่อไป! เพราะฉะนั้นอาวุธพวกนี้เขาจะเก็บเอาไว้เป็นอาหารให้มันตอนมันตื่นขึ้นมา 

 

 

จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ได้ยินมั่วเฉิงคงตะโกน “ทั้งสองคนไม่ต้องกลัว เรามาช่วยพวกนายกันแล้ว!” 

 

 

หลี่ว์ซู่มองไปที่กลุ่มนักเรียน ตอนแรกพวกเขาหวาดกลัวทหารจากท้องทะเลกันยกใหญ่ ทว่าตอนนี้กลับพุ่งเข้าใส่พวกมันกันเสียนี่ 

 

 

เมื่อพวกนักเรียนและหลี่ว์ซู่กับเฉินจู่อานวนกลับมาเจอกัน พวกเขาก็รวมกลุ่มกันได้ในสามนาที คราวนี้หลี่ว์ซู่ก็เผชิญหน้ากับศัตรูจากแค่ทิศทางเดียวเท่านั้นแล้ว ไม่ต้องคอยดูสี่ทางเหมือนก่อนหน้านี้ 

 

 

หลี่ว์ซู่รีบถลาตัวไปที่ชายหาด ในขณะที่มั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ จากกองพัน 42 ตามเขาไปอย่างใกล้ชิด 

 

 

ส่วนกองพันอื่นๆ ยังคงติดพันกับการปัดป้องทหารจากทะเล กองพันที่ 42 ที่โดนเล็งโจมตีนั้นขอสู้กลับบ้างแล้ว! 

 

 

หลี่ว์ซู่นั้นเป็นเหมือนกับที่หลบฝนในตอนที่มีพายุโหมกระหน่ำ ทุกคนยืนอยู่ข้างหลังเขาและต่อสู้กับพวกทหารทะเลในระยะใกล้ชิด หลังจากที่จัดขบวนต่อสู้กันเสร็จแล้ว คนที่บาดเจ็บก็มีน้อยลงเรื่อยๆ! แต่ทุกคนกลับมีคำถามข้อหนึ่งที่พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก… 

 

 

“หอกสามง่ามหายไปไหนน่ะ!” ใครคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างไม่แน่ใจ 

 

 

“อ้าว ตอนแรกพวกมันไม่ได้ถืออาวุธกันมาตอนมาถึงชายฝั่งเหรอ หายไปไหนแล้ว!” 

 

 

“นี่ไม่ถูกต้องนะ!” 

 

 

หลังจากที่ทหารจากท้องทะเลฟื้นคืนพลังและได้สติกลับมาอีกครั้ง พวกมันก็ปรารถนาจะโจมตีกลับ แต่แล้วก็รู้สึกตัวว่าอาวุธในมือนั้นหายไปแล้ว 

 

 

ทุกคนจึงค่อยๆ หันไปมองหลี่ว์ซู่ พวกเขารู้ว่าศัตรูปะทุกับหลี่ว์ซู่มาก่อน และในตอนนั้น พวกมันยังมีหอกสามง่ามในมืออยู่เลย แต่พอหลี่ว์ซู่ซัดพวกมัน หอกสามง่ามก็หายไปในพริบตา… 

 

 

“นั่นเป็นที่เก็บของแบบล่องหนหรือเปล่า” ใครคนหนึ่งถามขณะโจมตีเข้าใส่ทหารจากทะเลที่กระโจนใส่ “นี่นายเอาหอกสามง่ามไปใส่ในช่องเก็บของแบบล่องหนงั้นเหรอ” 

 

 

นี่น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดแล้วนะ! 

 

 

ตอนแรกทุกคนต่างคิดว่าการใช้ดาบยาวรับมือกับพวกทหารนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นหลังจากกำจัดพวกมันแล้ว พวกเขาก็หยิบเอาหอกสามง่ามขึ้นมาใช้เป็นอาวุธแทน 

 

 

ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ดีเลย นักเรียนที่เปลี่ยนมาใช้หอกสามง่ามแทนสามารถโจมตีได้อย่างทรงพลังและรู้สึกว่าตัวเองแกร่งกล้าขึ้นกว่าเดิม หลายคนจึงคิดจะทำตาม พวกเขาอยากใช้หอกสามง่ามนั่นสู้บ้างเช่นกัน แต่แล้วก็รู้ตัวทีหลังว่า… ฮ่าๆๆ หอกสามง่ามหายไปหมดแล้วน่ะ 

 

 

งั้นก็เหมือนกับว่าทหารพวกนี้มาเยี่ยมพวกเขาเล่นๆ เลย! 

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาได้ยินอะไรบางอย่างเลยตะโกนผสมโรงด้วย “อ้าว หอกสามง่ามหายไปนี่! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ลึกลับอะไรแบบนี้!” 

 

 

เฉินจู่อาน มั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ ในกองพันที่ 42 พูดไม่ออก แสดงให้มันแนบเนียนกว่านี้หน่อยได้ไหม! 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +166…] 

 

 

[ได้แต้ม…] 

 

 

เฉินจู่อานเพิ่งเข้าใจว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้พูดอะไรเรื่องที่เขามีที่เก็บของแบบล่องหน เฉินจู่อานคิดว่าการที่หลี่ว์ซู่เอาอาวุธสามง่ามไปก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอก เพราะหลี่ว์ซู่นั้นมัทักษะการขว้างอาวุธ เขาคงได้ใช้ประโยชน์จากมันนั่นแหละ แต่เฉินจู่อานไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าหลี่ว์ซู่คิดจะเอาหอกสามง่ามไปเลี้ยงเจ้าโกลาหล… 

 

 

และแล้วความช่วยเหลือก็มาถึง เมื่อมั่วเฉิงคงเห็นแบบนั้น เขาก็กำลังใจดีขึ้นมาและปลีกตัวออกไปหากลุ่มกองใหม่ที่เข้ามาช่วยพวกเขา เขาอยากอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่พอกลุ่มเสริมมาถึง พวกเขาก็เหลือบมองมาก่อนจะพลิกตัวหันกลับไปและถลาไปช่วยเหลือบริเวณอื่นแทน 

 

 

มั่วเฉิงคงล้มตัวไปจับขาของหัวหน้ากองเสริมก่อนเอ่ยเรียก “พี่ชาย อย่าไปนะ! นี่มาช่วยพวกเราหรือเปล่า ทำไมจะกลับแล้วล่ะ” 

 

 

หัวหน้าคนนั้นมองมั่วเฉิงคงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “นายเป็นใคร” 

 

 

“ฉันชื่อมั่วเฉิงคง เป็นหัวหน้าของกองพัน 42” มั่วเฉิงคงพูดขณะเงยหน้าขึ้น 

 

 

“ฉันคือเฉิงชิวเฉี่ยวจากกองพันที่ 2” เฉิงชิวเฉี่ยวพูด 

 

 

มั่วเฉิงคงอึ้งไปเลย เขารู้ว่าหัวหน้าของกองพันสามสิบกองแรกนั้นเป็นพวกหัวกะทิระดับ A งั้นก็หมายความว่า เฉิงชิวเฉี่ยวต้องอยู่ในระดับ C ขั้นสูง และคงใช้มีดบินได้อะไรแบบนั้นแน่ๆ ย! 

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้มั่วเฉิงไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด! “พี่ชาย ช่วยพวกเราก่อน อย่าเพิ่งไปเลยนะ!” 

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยวงงงวย “ให้ตายเถอะ หลี่ว์ซู่ก็อยู่นี่แล้วไง นายไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเราหรอก ปล่อยฉันไปได้แล้ว ที่อื่นๆ ยังอยู่ในอันตรายอยู่นะ!” 

 

 

“พี่หลี่ว์ซู่งั้นเหรอ” มั่วเฉิงคงปล่อยเฉิงชิวเฉี่ยวไปด้วยความงุนงงไม่แพ้กัน เฉิงชิวเฉี่ยวไปแล้ว ปล่อยให้มั่วเฉิงคงมองไปที่หลี่ว์ซู่อยู่คนเดียว 

 

 

“เขาเป็นยอดฝีมือตัวจริงสินะ…” 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset