ตอนนี้หลี่ว์ซู่ปลอมตัวมาเป็นทหารที่ชื่อว่าเค่อจื้อแทนแล้ว ทหารคนอื่นๆ จากทะเลล้วนแล้วแต่แซ่เค่อเหมือนกันหมด แต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่าเขามีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อย่างไร เขายังไม่รู้เลยว่าเค่อจื้อชอบทำงานอดิเรกอะไร ว่ากันตามสถานการณ์แล้วหลี่ว์ซู่เสี่ยงถูกเปิดเผยตัวตนง่ายมากเลยแหละ
หัวหน้าทหารชุดเกราะดำเดินเข้ามา “ไปตรวจดูแล้วเป็นยังไงบ้าง”
หลี่ว์ซู่หยุดคิดชั่วครู่หนึ่งก่อนตอบ “ยังหาไม่เจอเลยครับ เพิ่งส่งทหารออกไปหากันอีกรอบ”
พวกทหารชุดเกราะทองแดงถูกเก็บซากใส่ไว้ในตราแผ่นดินไว้หมดแล้ว แต่เพราะปราสาทหลังนี้ใหญ่มาก เขาเลยสามารถแก้ตัวส่งเดชไปมั่วๆ ได้
ทหารชุดดำพูดกับเขาต่อ “ครั้งนี้ฉันจะให้แกไปทำหน้าที่นี้เพื่อแสดงความสามารถของตัวเอง ถ้าทำออกมาได้ดีละก็ ฉันจะอนุญาตให้แกไปฝึกฝนที่แท่นมังกรสักสามวัน”
หลี่ว์ซู่แสร้งทำเป็นดีใจ “ขอบคุณครับท่าน!”
ทหารชุดเกราะดำโบกมือ “เอาละๆ อยู่ด้วยกันสองคนไม่ต้องเรียกท่านก็ได้”
หลี่ว์ซู่งุนงง จะพูดตามน้ำกันหน่อยไม่ได้เหรอ เค่อจื้อกับทหารชุดดำนี่สนิทกันสินะ
หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีเต็มก่อนจะพยายามพูดใหม่อีกรอบ “ขอบคุณนะพี่ชาย”
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +666!]
พอเห็นแต้มอารมณ์เด้งขึ้นมาแล้ว เขาก็รู้ว่าพูดอะไรผิดไปซะแล้ว เอายังไงดีละ ยอมๆ ให้เรียกท่านไปไม่ได้เหรอ
“เอ่อ ขอบคุณนะพี่สาว?”
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +666!]
“งั้นก็ ขอบคุณนะเฮีย?”
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +666!]
เค่อหมิงจ้องหลี่ว์ซู่อย่างน่ากลัว สายตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ “เค่อจื้อ จะบ้าไปแล้วเหรอ ฉันเป็นลุงคนที่สองของแกนะ!”
หลี่ว์ซู่พูดเศร้าๆ “ฆ่ามันซะ”
เขาอยู่ในร่างใหม่ยังไม่ถึงสิบนาทีเลย นี่แย่กว่าที่เคยปลอมตัวมาอีก…
แล้วทรายขาวทะเลลึกก็พุ่งออกมาโอบล้อมร่างของเค่อหมิงเอาไว้ ปิดปากเขาสนิททันที
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +1000!]
หลี่ว์ซู่เก็บร่างศพของเค่อหมิงไว้ในตราแผ่นดินและสวมรอยเป็นเค่อหมิงแทน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชอบเจอคนเข้ามาทำให้เสียเรื่องอยู่ตลอด
พวกเขาเป็นบ้ากันไปหมดแล้วเหรอ ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่นหน่อยได้ไหม!
ตอนนี้หลี่ว์ซู่และแอนโธนี่ร่วมมือกันจัดการ ฉะนั้นหากยังมีระดับ C หนีรอดไปได้ก็คงน่ากลัวแย่แล้ว หลี่ว์ซู่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกว่าปราสาทหลังอื่นๆ เป็นอันตรายต่อตัวเขาเองเลยนอกจากปราสาทหลังใหญ่หลังนั้น
หรือเขาจะใช้ร่างเค่อหมิงเก็บกวาดทหารชุดดำพวกนั้นให้เรียบดีนะ
หลี่ว์ซู่กะว่าจะเอาเกราะทองแดงให้กับเครือข่ายฟ้าดิน พวกเขาคงจะได้เอาไปใช้ประโยชน์กันดีทีเดียวแหละ เครือข่ายฟ้าดินนั้นมีอุปสรรคมากมายหลายอย่างให้จัดการ ไม่ใช่เพราะไม่มีกำลังคนเพียงพอ แต่เพราะว่าพื้นที่ที่ต้องดูแลทั้งหมดนั้นกว้างเกินไปต่างหาก
ถ้าเครือข่ายฟ้าดินมีเกราะทองแดงสักหมื่นชุดอยู่ในมือ อย่างน้อยๆ ก็จะทำให้สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินกว่าหมื่นคนนั้นสู้กับศัตรูได้เยอะกว่าเดิม และช่วยให้ปลอดภัยขึ้นด้วย
แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดเดาของหลี่ว์ซู่เท่านั้นแหละ เขายังไม่ได้ประโยชน์จากเกราะทองแดงด้วยพลังสูงสุดของมันเลย ยกเรื่องนี้ให้เนี่ยถิงเป็นคนคิดก็แล้วกัน
แต่จากที่เค่อหมิงพูดเมื่อกี้ก็แสดงว่ายังมีแท่นมังกรอื่นอยู่ในปราสาทหลักอีก แล้วพวกทหารจากทะเลนี่มันคือตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงเอาดวงวิญญาณมังกรมาขังไว้ถึงสองดวงได้ พวกมันยังใช้ประโยชน์ของพลังดวงวิญญาณมังกรเพื่อฝึกต่อไปด้วย
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ เหมือนกับว่าพวกเขาใช้วิธีสกปรกทำอะไรแบบนี้อย่างนั้นละ ตอนนั้นไห่กงจื่อก็เอาเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรมากลบความบกพร่องของตัวเองด้วยนี่ จะเกิดอะไรขึ้นนะถ้าเขาลองเรียกไห่กงจื่อออกมาตอนนี้
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะทำอย่างนั้น หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าของต้องจัดการทหารชุดดำที่เหลือก่อน
เขาทำทีเดินให้เหมือนที่เค่อหมิงเดินไปรอบๆ และสำรวจทั่วปราสาทหลัก เว้นนอกปราสาทไว้ เอาล่ะ ตอนนี้ทหารชุดดำที่อยู่ข้างนอกนี้ยังมีอีกเก้าสิบเก้าตน
เขาไม่คาดคิดเลยว่าทหารจากทะเลที่ดูน่าเกรงขามเหล่านี้จะ ถูกควบคุมโดยแท่นมังกร ราวกับเป็นปิศาจเลือดที่ซ่อนอยู่ในโบราณสถานเพื่อหลบหนีจากภัยพิบัติ แต่เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับทหารทะเลเลยน่ะสิ
ทันใดนั้นทหารเกราะดำตนหนึ่งก็เข้ามาโค้งคำนับให้หลี่ว์ซู่ “ท่านครับ เราจะเอายังไงกันต่อไปดีครับ”
หลี่ว์ซู่เลียนแบบที่เค่อหมิงพูดอย่างใจเย็น “ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกท่านตอนอยู่กันสองคน”
ทหารชุดดำคนนั้นงงไปเลย
“ฉันเป็นลุงคนที่สองของแกไง” หลี่ว์ซู่พูดต่อ
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อเจียน +666!]
หลี่ว์ซู่เองก็งงเหมือนกัน ก็เห็นนามสกุลเดียวกันนี่ แสดงว่ามาจากครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ เค่อหมิงเป็นถึงหัวหน้า แบบนี้ต้องอายุมากกว่าน่ะสิ แล้วคนอื่นๆ ก็ต้องอายุน้อยกว่าเขาใช่ไหม ถึงอีกคนจะอายุมากกว่าแต่ถ้าเขาพูดอะไรผิดไปก็ไม่ควรจะได้แต้มอารมณ์มามากขนาดนี้สิ
เค่อเจียนสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดออกไป “ท่านครับ ผมเป็นลุงคนที่สามของท่านนะ”
หลี่ว์ซู่งงมาก ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้เนี่ย แล้วทำไมลุงคนที่สามจะต้องมาฟังคำสั่งของหลานชายด้วย ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว!
ขอพักบ้างได้ไหม! แล้วหลี่ว์ซู่ก็เอ่ยอย่างเศร้าๆ อีกรอบ “ฆ่าเขาซะ”
แล้วทรายขาวทะเลลึกก็พุ่งผ่านไป
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อเจียน +1000!]
จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็เผชิญหน้ากับทหารเกราะดำกว่าอีกสามสิบตน เขารู้สึกสับสนกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของทหารใต้ทะเลพวกนี้จริงๆ เขาพยายามชี้ถามคนอื่นๆ เพื่อหาคำตอบ พ่อของลุงแกชื่ออะไรนะ แล้วชื่อของพ่อของป้าคนที่สองล่ะ…
“นี่ไม่งงกันได้ยังไงเนี่ย” หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย
แต่ศพมันพูดตอบด้วยไม่ได้เนี่ยสิ หลี่ว์ซู่ค่อยๆ เอาศพทหารชุดดำใส่เข้าไปในตราแผ่นดินเงียบๆ เดี๋ยวค่อยถอดเอาเกราะออกมาตอนมีเวลาแล้วกัน
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขายังให้อาหารเจ้าโกลาหลด้วยเกราะสีดำไม่ได้ เพราะหอกสามง่ามกว่าพันอันนั้นน่าจะพอให้มันกินอิ่มไปสักพักหนึ่ง เขาต้องตรวจดูก่อนว่าเกราะสีดำนี่มีค่ามากแค่ไหน มันอาจจะพอมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้
หลี่ว์ซู่ที่ยังปลอมตัวเป็นเค่อหมิงอยู่เดินไปรอบๆ เขาเดินกลับไปที่แท่นมังกรแล้วเก็บเอาเกราะทองแดงที่พื้นใส่ตราแผ่นดินด้วย
ตอนนี้ก็คงมีทหารชุดดำอีกประมาณหกสิบตนที่เหลืออยู่ และพวกมันกำลังเฝ้ายามกันที่ปราสาทหลัก พวกนี้มีพลังระดับ C ด้วยความสามารถของแอนโธนี่แล้ว มันยังไม่สามารถฆ่าทหารพวกนี้ได้ในคราวเดียว แถมกระบี่บินของเขายังฟื้นฟูไม่เสร็จเสียด้วยสิ
ตอนนี้จำนวนของทหารใต้ทะเลก็ลดลงไปมากแล้ว เขาปกปิดเรื่องนี้ด้วยการโกหกอย่างเดียวไม่ได้หรอก เขาต้องเดินหน้าต่อ
เขาเดินไปที่ประตูของปราสาทหลักแล้วตะโกนใส่ทหารชุดดำที่เฝ้ายามอยู่อย่างโหดเ**้ยม “ทุกคน ตามฉันไปฆ่าไอ้มนุษย์นั่น! สั่งสอนให้มันรู้หน่อยว่ามันเข้ามาในปราสาทแล้วจะเจออะไร!”
ทหารชุดดำคนหนึ่งพูดออกมาเบาๆ “ท่านครับ แล้วใครจะเป็นคนปกป้องพระราชากันละครับ พระองค์ยังอาการไม่ดีขึ้นเลย แล้วถ้าเกิดไอ้มนุษย์นั่นมันเข้าไปในปราสาทได้ล่ะครับ”
หลี่ว์ซู่พูดเสียงเรียบ “ตัดหัวมันทิ้งซะ”
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่ออวิ้น +1000!]
ทหารเข้าใจทันทีเลยว่าหัวหน้าของพวกมันอยากให้ทำอะไร หลี่ว์ซู่ยังจำได้ว่าการทำโทษของคนที่นี่นั้นเป็นธรรมเนียมปกติของที่นี่