ถึงจงอวี้ถังจะตกตะลึงแต่เขาก็ยังไม่ลืมงานของตัวเอง เขายืนยันข้อมูลกับหลี่ว์ซู่ที่อุตส่าห์บอกความจริงเขาสุดความสามารถ
จงอวี้ถังกล่าว “ครั้งนี้ทั้งหัวหน้าบาทหลวงและนักบุญต่างก็เจ็บหนักทั้งคู่ แล้วที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือฝ่ายศรัทธาและกลุ่มฟีนิกซ์เริ่มถอยกันออกไปแล้ว เพราะกลุ่มฟีนิกซ์เชื่อว่าฮาเวิร์ดตายไปแล้ว ส่วนฝ่ายศรัทธายังสงสัยในตัวตนของนายหรือว่าของฮาเวิร์ดอยู่ หรือพูดให้ถูกก็คือพวกเขาอาจไม่คิดว่าเป็นนาย”
แต่ความสามารถที่หลี่ว์ซู่ใช้ในทะเลก็เพียงพอจะให้สงสัยแล้ว โชคดีที่เขายังไม่ได้แสดงอะไรออกไปมากต่อหน้ากลุ่มของฟรานเชสโก้ เขาไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้นเพราะโดนไฟช็อตเข้าก่อน
พูดอีกอย่างก็คือพวกเขาไม่มีหลักฐานอะไรมาตัดสินความน่าสงสัยนั้น พวกเขาเลยยืนยันไม่ได้ว่าที่พวกเขาคิดนั้นถูกหรือเปล่า
“ยังไงก็เถอะ ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยล่ะ วันนี้เซี่ยเหรินเซิงพบว่าผู้บำเพ็ญลับพยายามจะเอาข้อมูลในกลุ่มออกไปหารายได้ แล้วเขาก็รายงานข้อมูลเรื่องที่นายหายออกไปด้วย” จงอวี้ถังพูด “เราต้องทำตัวให้ชินหน่อยล่ะ ดีหน่อยที่คนทรยศนั่นถูกจับได้ก่อนที่เขาจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร และคนอื่นๆ ก็ยังไม่ได้ก่อเรื่องกวนใจเพิ่มในตอนนี้ แล้วที่จะไปยุโรปต่อก็ไม่ได้อยู่กันไม่กี่วันด้วย เป็นไปได้มากเลยนะที่นายจะถูกหักหลังน่ะ ต้องระวังให้มากๆ ล่ะ”
หลี่ว์ซู่พยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”
ที่จงอวี้ถังพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล ถึงจะใช้งานพวกผู้บำเพ็ญลับได้ง่ายๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้จงรักภักดีหรอก
“ฉันบอกเซี่ยเหรินเซิงอย่างดีแล้วว่านายมีภารกิจอื่นที่ไม่ได้สำคัญมากนักต้องไปทำ เขาคงไม่สงสัยนายที่นายออกไปหรอก อีกอย่างพวกฝ่ายศรัทธาและกลุ่มฟีนิกซ์ก็ถอยออกไปกันแล้วเพราะการต่อสู้นั่น เป็นโอกาสที่ดีของเราแล้วที่จะสะสางให้รวดเร็วและแม่นยำ ส่วนจะทำยังไงต่อไปก็รอให้กำลังเสริมมาถึงก่อนแล้วกัน เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของนายทั้งนั้น” พอพูดจบ จงอวี้ถังก็วางสายไป เขายังกังวลอยู่นิดๆ หลี่ว์ซู่จะติดใจอะไรที่เขาหัวเราะออกไปเมื่อครู่หรือเปล่า
น่าสนใจดีนี่ ดูเหมือนว่าเครือข่ายฟ้าดินจะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์จากการต่อสู้ของฝ่ายศรัทธาและกลุ่มฟีนิกซ์สินะ
เอาจริงๆ แล้วเครือข่ายฟ้าดินเนี่ยแหละที่จะเป็นคนกุมบังเ**ยนในการถอยทัพขององค์กรทั้งสองนี้ คนอย่างเบ็นเนตต์ไม่น่ากลัวอะไรเลยสักนิด
อีกอย่างเครือข่ายฟ้าดินก็มักจะเข้าหาพันธมิตรต่างประเทศด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่าด้วย เพราะแม้จะแข็งแกร่งอย่างไรก็ยังต้องการแรงสนับสนุนเมื่อต้องฟาดฟันกับองค์กรอื่นที่เป็นปรปักษ์ด้วย
หลี่ว์ซู่เริ่มเดินกลับไปที่วิลล่าช้าๆ ทางเดินกลับนั้นดูห่างไกลเหลือเกิน แต่ตอนที่เขาวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตตัวเองกลับไม่คิดเลยว่าวิ่งไปไกลมากขนาดไหน
หลี่ว์ซู่เริ่มเหนื่อยจัดหลังจากการต่อสู้ เขาต้องการสงบสติอารมณ์ลงหน่อยจากเหตุการณ์เมื่อครู่
สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็ยังมีเลือดมีเนื้อ กว่าจะกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้งหลังผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงก็คงอีกสักพักแหละ
กว่าหลี่ว์ซู่จะกลับมาถึงวิลล่าก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว พอเขาเปิดประตูออกมา เขาก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ในห้องโถง ทุกสายตามองมาที่หลี่ว์ซู่
หลินกานอวี่หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูสิ ชีวิตดีเชียวนะ นายหายไปตอนที่คนอื่นเขากำลังทำงานหนัก รู้ไหมว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น แล้วยังมีหน้าออกไปทำอะไรคนเดียวตอนเกิดเหตุวิกฤตแบบนี้ได้ยังไง”
หลิวฝานพูดด้วยใบหน้ามืดคล้ำ “หัวหน้าครับ ผมว่าหลี่เถิงคนนี้มีอะไรแปลกๆ นะ”
หลี่ว์ซู่ไม่สนใจพวกเขา เขาหันไปมองหลินกานอวี่แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นล่ะวันนี้”
“ก็มีสงครามระหว่างฝ่ายศรัทธาและกลุ่มฟีนิกซ์น่ะสิ ตอนนี้พวกนั้นกลับกันไปหมดแล้ว” หลินกานอวี่ตอบ “เราทำงานของพวกเราได้ดีพอควรเลยล่ะ เราต้องได้กรรมสิทธิ์แร่จาก EO แน่ๆ!”
หลินกานอวี่ดูภูมิใจมาก เธอเน้นเต็มที่ว่าความดีความชอบทั้งหมดนั้นมาจากพวกเขาเอง คนอื่นๆ พลันลืมโกรธหลี่ว์ซู่ไปชั่วขณะ และทุกคนก็หัวเราะกันออกมากันอย่างจริงใจ
หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจ “ทำงานได้ดีนี่คือยังไงนะ ทำอะไรกันบ้าง”
พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกันเลยนี่! ฝ่ายศรัทธาและกลุ่มฟีนิกซ์ตั้งใจสู้กันเอง ไม่ใช่เพราะคนในห้องนี้เสียหน่อย แล้วพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็ควรขอบคุณหลี่ว์ซู่มากกว่าที่ล่อหัวหน้าบาทหลวงออกมาด้วยรูปลักษณ์ของฮาเวิร์ดและทำให้นักบุญได้มีโอกาสต่อสู้ในครั้งนี้
หลี่ว์ซู่สงสัยว่าภารกิจของฮาเวิร์ดคือการล่อหัวหน้านักบุญออกมาแน่ๆ
แต่เรื่องพวกนั้นมันเกี่ยวอะไรกับคนในวิลล่านี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยว่าจะภูมิใจอะไรกัน…
[ได้แต้มอารมณ์จากหลินกานอวี่ +299!]
[ได้แต้มอารมณ์จากหลิวฝาน +199!]
[ได้แต้มอารมณ์จาก…]
อารมณ์ในห้องถูกทำให้ห่อเ**่ยวกันหมด ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะ ทำไมจะต้องมาจี้จุดด้วย!
จากนั้นประตูก็ถูกใครบางคนเปิดออกอย่างทันที แล้วก็มีเสียงหัวเราะจริงใจแต่น่ารำคาญนิดๆ ตามมา “แปลกใจไหมล่ะ! พอฉันมาถึงแล้วพวกมันก็หนีหายกันไปหมด…”
หลี่ว์ซู่หายใจติดขัด ก็ว่าอยู่ว่าจงอวี้ถังพูดถึงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่นี่หมายถึงใคร เขาเดาถูกแล้วจริงๆ นั่นแหละ หมายถึงหลี่อีเสี้ยวนี่เอง!
แล้วข้างๆ ยังมีน่าหลานเชวี่ยมาด้วย!
ก่อนหน้านี้ในหัวของน่าหลานเชวี่ยมีแต่เรื่องจะเป็นภรรยาที่ดีได้อย่างไร และเธอก็ไม่สนครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำ…
ไม่รู้ทำไม แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเบ็นเนตต์ตายแน่ถ้าเห็นว่าหลี่อีเสี้ยวมา…
ปกติแล้วหลี่อีเสี้ยวจะถูกส่งไปตามโบราณสถานต่างๆ ไม่ได้ถูกส่งไปปฏิกิจเรื่องระหว่างประเทศ ส่วนเหตุผลก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว เนี่ยถิงต้องการสื่อว่าการที่เขาส่งหลี่อีเสี้ยวมาก็เพื่อจะต่อสู้นั่นเอง
เป็นที่รู้กันว่าแร่นี้สามารถทำให้อาวุธธรรมดาแข็งแกร่งขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นคงเอาไปใช้ได้ดีเลยล่ะ
แต่ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะคิดออก หลี่อีเสี้ยวก็เรียกทุกคนในวิลล่า “จะรออะไรกันเล่า ตามฉันไปทำลายสำนักงานใหญ่ของ EO กัน แล้วค่อยไปฉลองกันต่อ!”
หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย นี่คือแผนเรอะ คงไม่ใช่ว่า…เขาอยากได้เงินจากสำนักงานใหญ่หรอกนะ
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าน่าจะเป็นเรื่องจริงเสียด้วยสิ หลี่อีเสี้ยวสนใจเรื่องภารกิจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาแค่อยากได้เงินเท่านั้นแหละ
เซี่ยเหรินเซิงเงียบต่อไป พวกเขาควรทำตามคำสั่งของราชันฟ้าอย่างเคร่งครัด แต่ก่อนที่จะออกไป น่าหลานเชวี่ยก็พูดออกมาเสียงเย็น “ฉันจะเก็บกระเป๋ามิติไว้ให้นะ”
เธอป้องกันไม่ให้หลี่อีเสี้ยวซ่อนเงินไว้ได้! ฉลาดมาก!
หลี่อีเสี้ยวหัวเราะกลบเกลื่อนเสียงดัง “ไม่ต้องรีบกันหรอก พวกเราไม่ต้องไปกันวันนี้ก็ได้ เดี๋ยวนอนเอาแรงกันสักหน่อยเนอะ โห เดินทางมาเหนื่อยมากเลย!”