ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 685 คำขู่

ห้องของโรงแรมเล็กๆ นี่ก็ต่างเป็นห้องธรรมดาทั่วไป มีเตียงขนาด 1.5 เมตร อยู่สองเตียง หลี่ว์ซู่เพิ่งเห็นว่าห้องรอบข้างเขานั้นหรือว่าห้องถัดไปก็ตาม แขกที่มาพักต่างเป็นผู้ชายทั้งหมด

 

 

เขาหลบอยู่หลังผ้าม่านเพื่อสอดส่องดูโรงแรมที่คอรัลอยู่จากช่องผ้าม่านแคบ ๆ แต่เขาก็ไม่เห็นว่าคอรัลจะปรากฏตัวออกมาเลย

 

 

หลี่ว์ซู่รอให้บางอย่างเกิดขึ้น ถ้าพวกหัตถ์ดำตรวจสอบประวัตินักท่องเที่ยวจีนธรรมดาๆ อย่างเขาแล้ว หลี่ว์ซู่ก็คิดว่าพวกนี้น่าจะทำเหมือนกันกับพวกแก่นความเชื่อ และกลับกันพวกแก่นความเชื่อก็จะตรวจประวัติพวกหัตถ์ดำเหมือนกัน

 

 

พวกเขาต่างมีภารกิจที่แตกต่างกันและจะต้องเกิดการขัดแย้งขึ้นแน่

 

 

พอตกดึกมาพวกหัตถ์ดำก็ออกไปข้างนอกกัน ขณะที่หลี่ว์ซู่พยายามเดาว่าพวกเขาจะไปที่ไหนอยู่นั้นพวกเขาก็กลับมาที่โรงแรมพร้อมกับหมูหันสองตัวและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลายขวด

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ พวกคนอิตาลีนี่อธิบายยากจริง ๆ

 

 

แต่เขาก็ใจเย็นลงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้อะไรเลย แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้อะไรมาบ้างพอที่จะประเมินสถานการณ์ได้แล้วล่ะ

 

 

ถ้าหัวหน้าบาทหลวงจากกลุ่มแก่นความเชื่อไม่มาปรากฏตัวที่นี่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ต้องกลัวใครบนเกาะนี้แล้ว อีกอย่างไม่ว่าพวกกลุ่มแก่นความเชื่อหรือกลุ่มหัตถ์ดำจะตรวจประวัติเขา พวกนั้นก็จะคิดว่าคิดว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ เท่านั้น

 

 

ถึงสถานการณ์ในตอนนี้จะไม่แน่นอนอะไรแต่มันก็เอื้อให้หลี่ว์ซู่ผ่านได้ง่าย ๆ

 

 

หลี่ว์ซู่เองก็กำลังจะลงไปซื้ออาหารเหมือนกัน ในขณะที่เขากำลังเดินออกไปนั้นพวกกลุ่มแก่นความเชื่อก็เดินออกมาจากห้องเหมือนกัน มีใครคนหนึ่งเดินนำออกมาและดูเหมือนว่าเขาอยากจะแกล้งให้หลี่ว์ซู่กลัวเล่นๆ เขายิ้มเสแสร้งให้หลี่ว์ซู่ก่อนถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษ “มาเที่ยวคนเดียวไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีเหรอ อย่างแขนหักหรือขาหักอะไรแบบเนี้ย”

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีก่อนตอบ “ผมมีประกันสุขภาพอยู่ครับ”

 

 

พวกสมาชิกของกลุ่มแก่นความเชื่ออึ้งกันไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เข้าใจที่หลี่ว์ซู่พูดหรอกนะ เพราะประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในทั่วโลก แต่ถึงจะมีประกันสุขภาพแล้วทำไมถึงได้ใจกล้าแบบนี้นะ!

 

 

[ได้แต้มจากจากไอแซค มาริโน่ +666!]

 

 

[ได้แต้มจากจาก…+…]

 

 

พวกเขาอยากจะแกล้งให้นักท่องเที่ยวคนนี้กลัวแล้วไล่ล่าเขาเล่น ๆ ปกติแล้วพวกนักท่องเที่ยวนั้นจะกังวลมากกว่าปกติอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากจะไล่นักท่องเที่ยวไปก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เข้าไปขู่นักท่องเที่ยวก็เท่านั้น แต่พวกเขาเจอนักท่องเที่ยวที่ทำประกันสุขภาพไว้เข้าแล้วสิ

 

 

แล้วยังไงล่ะ มีประกันสุขภาพแล้วมันยังไงกัน!

 

 

บรรยากาศรอบๆ เริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมา ไอแซค มาริโน่เห็นว่าไอ้หนุ่มตรงหน้าคนนี้มันมีอะไรแปลกๆ

 

 

แต่หลี่ว์ซู่เองก็ไม่ได้โกหกนะ เขามีประกันสุขภาพจริง ๆ เครือข่ายฟ้าจะส่งเงินค่าชดเชยจากเบี้ยประกันให้เขาทุกเดือนแหละ

 

 

เขาไม่กลัวพวกกลุ่มแก่นความเชื่อเลย หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าพวกนี้แค่อยากจะไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปจากบริเวณที่คอรัลอยู่ก็เท่านั้น แต่พวกเขาควรไปเริ่มที่พวกหัตถ์ดำดีกว่าไหม

 

 

พวกองค์กรใหญ่ๆ นั้นต่างก็เกิดข้อขัดแย้งกันในช่วงเวลาสองสัปดาห์ก่อนการประมูล และมีสององค์กรใหญ่ที่อาจจะมีส่วนร่วมในข้อขัดแย้งนี้ด้วยโดยที่คอรัลไม่รู้ตัวเลย

 

 

แต่หลี่ว์ซู่เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ พวกหัตถ์ดำไม่ได้เป็นพวกคนดี และหัวหน้ากลุ่มหัตถ์ดำอย่างแพทริคเองก็ทำเกินไปด้วย เขาไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรตอนที่เขาสารภาพว่าชอบเธอไป ทำไมต้องให้เธอมารู้สึกไม่ดีอย่างนี้ด้วยนะ!

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มโกรธขึ้นมาเสียแล้วสิ

 

 

หลี่ว์ซู่ทำเป็นไม่สนใจพวกกลุ่มที่เดินออกไป พอพวกเขาเดินสวนกันไป ไอแซคก็จับแขนเขาไว้แล้วพูดว่า “หวังว่าจะฟังคำเตือนฉันไว้นะ อย่าทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาล่ะ เด็กหนุ่มๆ อย่างนายมันเลือดร้อน แต่ไม่ได้แปลว่านายจะเก่งไปทุกที่หรอกนะ”

 

 

ตอนหลี่ว์ซู่โดนจับแขนแน่นอย่างนั้นเขาก็เตรียมตัวฆ่าไอแซคไปเสียแล้วสิ เขาไม่รู้หรอกว่ากลุ่มแก่นความเชื่อนั้นจะมาตรวจประวัติเขาหรือเปล่า แต่ระวังไว้ก่อนก็ดี เขาจะใจเย็นลงได้เมื่อไอแซคมาขู่เขาแบบนี้แหละ เขาเลยยิ้มตอบและพูดเสียงเรียบๆ “ขอบคุณครับสำหรับคำเตือน”

 

 

แล้วไอแซคก็ปล่อยแขนเขาออก หลี่ว์ซู่มองตามขณะที่พวกนั้นเดินลงไป ไอแซคพูดขึ้นมา “หมอนี่ไม่เหมือนกับนักท่องเที่ยวทั่วไปเลย แต่มันก็ไม่ได้ปล่อยคลื่นพลังงานออกมา จับตาดูมันไว้ล่ะ มาดูกันว่ามันจะย้ายออกไปดีๆ หรือเปล่า”

 

 

จนถึงตอนนี้แล้วความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มแก่นความเชื่อและกลุ่มฟีนิกซ์ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว ไม่มีใครได้ข่าวจากฮาเวิร์ดเลย และฟรานเชสโก้ก็ไม่กล้าออกมายอมรับด้วยว่าตัวเองฆ่าฮาเวิร์ดไป เหมือนกับว่าอยู่ ๆ ฮาเวิร์ดก็หายตัวไปในอากาศอย่างนั้น

 

 

เรื่องนี้ก็เลยทำให้กลุ่มฟีนิกซ์โกรธมาก รากฐานของการร่วมมือกันได้พังทลายไปแล้ว อีกอย่างนักบุญและหัวหน้าบาทหลวงก็มีเรื่องบาดหมางกันอีก

 

 

เครือข่ายฟ้าดินนั้นชอบจะแก้แค้นกับเรื่องเล็กๆ เสียด้วยสิ เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่าพวกกลุ่มแก่นความเชื่อนั้นกวนประสาทคนอื่นไม่ค่อยเป็น แล้วถ้าเครือข่ายฟ้าดินร่วมงานกับกลุ่มฟีนิกซ์แล้ว ผลที่ตามมาก็คงจะน่าดูชมเลยทีเดียว

 

 

ถึงแม้กลุ่มฟีนิกซ์อยากจะให้องค์กรชั้นนำมีความเท่าเทียมกันแล้ว พวกกลุ่มแก่นความเชื่อยังรับความเสี่ยงนั้นไว้เองด้วย

 

 

เพราะฉะนั้นไอแซคจะไม่ใช้กำลังเข้าไปขู่หลี่ว์ซู่จนกว่าเขาจะแน่ใจว่าหลี่ว์ซู่มาจากเครือข่ายฟ้าดินหรือเปล่า

 

 

หลี่ว์ซู่เดินลงมาเจอผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาพูดออกไปว่า “ทำไมถึงเอาแขกสามคนเข้าไปพักให้ห้องห้องเดียวกันได้ล่ะครับ ตั้งสองห้องเลยนะ เอ…หรือว่า คือว่าตอนผมเดินลงมาน่ะครับ ผมได้ยินพวกเขาพูดกันใหญ่เลยว่าลูกชายคุณหล่ออย่างโน้นอย่างนี้”

 

 

ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแปลให้แม่ฟัง แล้วสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที

 

 

หลี่ว์ซู่อยากจะดูเหตุการณ์ที่ตามมาจริงๆ ต้องสนุกแน่ๆ เขาเข้าไปยุ่งกับอะไรบางอย่าง แล้วถ้าเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาล่ะ

 

 

ผู้หญิงคนนั้นนั่งคิดอยู่สักพักก่อนที่จะถามขึ้นมา “แต่คุณไม่เข้าใจภาษาอิตาลีใช่ไหมคะ”

 

 

สองกลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้นพูดภาษาอิตาลีได้ แล้วถ้าหลี่ว์ซู่ไปแอบฟังพวกเขาพูดจริง ๆ หลี่ว์ซู่จะไปเข้าใจได้อย่างไร ชาย

 

 

หนุ่มคนเดิมแปลที่แม่พูดกลับมาให้หลี่ว์ซู่ฟัง

 

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! อย่างนั้นเองเหรอครับเนี่ย สงสัยผมจะเข้าใจผิดไปนะ”

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาไม่เหมาะกับการวางแผนในสถานการณ์แบบนี้เลย

 

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังจะเดินออกไปหาของกินในหมู่บ้านอยู่นั้น ผู้หญิงที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ก็นั่งลง สีหน้าเธอเปลี่ยนไป เธอมองหน้าลูกชาย แล้วมองขึ้นมา ที่เธอกังวลไม่ใช่เรื่องที่หลี่ว์ซู่พูดเมื่อกี้หรอก แต่การที่มีกลุ่มผู้ชายสามกลุ่มมาพักอยู่ที่โรงแรมเธอนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติเลย อีกอย่างลูกชายเธอก็หล่อปานนี้ด้วย

 

 

เธอคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล นี่คาร์เทลหรือเปล่าคะ ฉันอยากจะแจ้งว่ามีคนแปลกๆ หกคนเข้ามาพักอยู่ในโรงแรมของฉันค่ะ แล้วพวกนี้อาจจะมาจากกลุ่มหัตถ์ดำก็ได้!”

 

 

เธอรู้ว่าสามคนนั้นไม่ได้มาจากหัตถ์ดำ แต่คาร์เทลจ้องพวกหัตถ์ดำไว้อยู่แล้วเพราะเป็นศัตรูกันมานาน ต่อหน้าก็ยิ้มให้กัน แต่ลับหลังแล้วจะแทงกันข้างหลังให้ได้

 

 

ถึงคาร์เทลจะเป็นกลุ่มที่เป็นมิตรและพวกเขาหวังว่าผู้มีพลังนั้นจะใช้ความสามารถมาปกป้องคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ไม่ห้ามให้สู้กันนี่ พวกหัตถ์ดำมาเคาะถึงหน้าประตูบ้านเพื่อจะสู้แล้ว พวกเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

แล้วพอหลี่ว์ซู่กลับมาที่โรงแรมแล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก เพราะรอบๆ โรงแรมนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนแปลก ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset