ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 689 นักฆ่าเที่ยงคืน

หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน เขาได้แต้มอารมณ์มาอย่างไม่ขาดสายเลย อีกอย่างแล้วยังมีแต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้อีกที่ดูเด่นกว่าคนอื่น

 

 

เกิดอะไรขึ้นกันนะ เขาไม่ได้อารมณ์เสียหลังจากการต่อสู้ใช่ไหม เพราะเพียงแค่เวลาสั้นๆ แล้วฟรานเชสโก้ก็ให้แต้มอารมณ์เขาจนเอาไปแลกผลชี่ไห่ได้สองสามผลเลย

 

 

เขาเอากระดาษใบนั้นที่คอรัลส่งมาตรงหน้าต่างมาดูอีกรอบ พวกนั้นคงจะเห็นกระดาษแบบนี้เหมือนกัน หลี่ว์ซู่รู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจออะไรแบบนี้เลย เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนที่หน้าต่างแล้วมองดูฟ้าตอนกลางคืนอยู่นาน เขาไม่รู้ว่าตัวเขากำลังทำอะไรอยู่เหมือนกัน พอผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาก็เห็นกระดาษแผ่นใหม่มาเสียบตรงหน้าต่างอีกรอบ ‘ฝันดีนะ’

 

 

หลี่ว์ซู่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมงอย่างกับรออะไรบางอย่างอยู่

 

 

เขาเอนตัวนอนบนเตียงแล้วเอาประสานมือทั้งสองไว้หลังศีรษะ เขาอดคิดไม่ได้ว่าคอรัลนั้นคล้ายกับเขาเลย และเธอก็คงมีวัยเด็กที่ลำบากอยู่เหมือนกัน

 

 

เธอเกิดมาในครอบครัวที่มีชื่อเสียงในกลุ่มเทวา ไม่เหมือนกับหลี่ว์ซู่ และเธอก็คงโดนจับจ้องมาตั้งแต่ตอนเธอเกิดเลยมั้ง เหมือนกับว่าชีวิตเธอถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่ได้ออกไปเล่นสนุกเหมือนเด็กทั่วไปและคงมีเพื่อนน้อยแน่ ๆ

 

 

คอรัลเอาจดหมายที่เธอเขียนถึงเขาใส่ไว้ในกล่องเหล็กจากนั้นก็เอามาให้เขา เพราะฉะนั้นเขาเลยเข้าใจคอรัลขึ้นมานิดหน่อย

 

 

เธอไม่มีโอกาสจะขี่รถจักรยานกลับบ้านกับเพื่อนๆ หลังเลิกเรียนด้วยซ้ำ เธอไม่มีโอกาสจะเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยใบไม้ร่วง เธอเข้ามาสู่ยุคพลังฟื้นคืนที่ไม่ได้มีประสบการณ์พวกนี้มาก่อนเลย เพื่อมาเป็นหัวหน้าของเหล่าเทพ

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดไป เขาไม่รู้เลยว่าปัญหาของคอรัลได้ถูกแก้ไขไปหรือยัง แต่ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เขาก็ขุดภูเขาหิมะไปแบบไม่หยุดหย่อน

 

 

ทันใดนั้นโยวหมิงอวี่ก็ส่งข้อความมา [รอบๆ ตัวปลอดภัยหรือเปล่า เรามีอะไรจะบอกนายด่วนจี๋เลย]

 

 

[ปลอดภัยครับ] หลี่ว์ซู่ตอบ แล้วโยวหมิงอวี่ก็โทรมา

 

 

“พวกองค์กรที่สอดส่องดูคอรัลอยู่เปลี่ยนสถานที่ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายต้องระวังเมื่ออยู่ในความวุ่นวายนี้ด้วยนะ!”

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังจะเปิดปากพูดอะไรออกไป แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเพิ่งเกิดเรื่องอะไรไปเขาก็เลยเงียบ

 

 

“ไม่ใช่แค่กลุ่มแก่นความเชื่อนะที่จับตาดูคอรัลน่ะ หลายๆ องค์กรก็เอาด้วยเหมือนกัน พวกเขาคิดว่าในซาร์ดิเนียไม่ได้มีต้นไม้โลกแค่ต้นเดียวแน่ มีถึงสองเลยล่ะ!” โยวหมิงอวี่พูดต่อ

 

 

พอหลี่ว์ซู่ได้ยินแบบนั้นแล้วก็โมโหขึ้นมา หนึ่งในต้นไม้แห่งโลกนี้กำลังจะถูกไฮโซยุโรปขายออกไป แล้วอีกต้นหนึ่งก็เป็นกุงเนียร์ของคอรัล

 

 

ต้นไม้แห่งโลกนี้เป็นที่ต้องการเสียเหลือเกิน เหมือนกับเป็นสมบัติของฟ้าดินในนิยายกำลังภายในอย่างนั้นแหละ มันคงจะเทียบเท่ากับวัตถุที่พอได้ครอบครองแล้วจะแข็งแกร่งเท่าพวกที่บำเพ็ญเพียรมาเป็นสิบปี

 

 

ในคัมภีร์โบราณและบันทึกต่างๆ แม้กระทั่งในนิยายเอง ก็กล่าวไว้ว่าตนไม้แห่งโลกนั้นมักเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างมากในตำนานสร้างโลก เพราะเป็นจุดกำเนิดของโลก

 

 

“องค์กรไหนอีกที่จับตาดูคอรัลไว้ครับ” หลี่ว์ซู่ถามเสียงเย็น

 

 

“ทำไมดูโกรธจัง” โยวหมิงอวี่อึ้งไป เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

“ตอบมาแบบไม่อ้อมค้อมได้ไหมครับ” หลี่ว์ซู่เปลี่ยนเรื่องไปอย่างกระอักกระอ่วน

 

 

“พวกดังเคอร์จากเยอรมัน พวกเรค์จาจากไอซ์แลนด์ แล้วพวกเพลดจ์จากอังกฤษก็เพิ่งมาเหมือนกัน” โยวหมิงอวี่พูด “พวกเราไม่ต้องห่วงองค์กรจากอังกฤษหรอก พวกเพลดจ์โดนราชันฟ้าหลี่กำจัดไปอย่างไม่เป็นท่าที่โบราณสถานเกาะช้างในครั้งนั้น ที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่มียอดฝีมือเหลืออยู่ด้วยซ้ำ แต่ระวังพวกดังเคอร์เอาไว้”

 

 

“ขอข้อมูลด้วยครับ” หลี่ว์ซู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา

 

 

เขาอยากรู้เรื่องขององค์กรที่จับตาดูคอรัลให้มากกว่านี้ พวกองค์กรพวกนี้คงจะได้รับข้อมูลมาว่ามีองค์กรมากกว่าหนึ่งกำลังเล็งเป้าหมายไปที่กลุ่มเทวามาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยจะมาดูว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปไหม

 

 

อีกอย่างแล้วพวกกลุ่มเทวาก็ประกาศเป็นศัตรูกับกลุ่มดังเคอร์ด้วย พวกดังเคอร์คิดว่ามนุษย์ธรรมดาควรจะเป็นทาสของผู้มีพลัง แต่กลุ่มเทวาเป็นคนดีกว่านั้น พวกเขาเลยขู่กลุ่มดังเคอร์ได้อยู่ทุกวี่วัน

 

 

“พวกดังเคอร์มากันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่หัวหน้าของพวกมันมาเองเลย นายต้องระวังปีศาจของพวกมันไว้ให้ดีนะ เขาแข็งแกร่งมาก” โยวหมิงอวี่เน้นย้ำ “เขาเกือบจะเลื่อนเป็นระดับ A อยู่รอมร่อแล้ว”

 

 

หลี่ว์ซู่ได้ยินแล้วก็อึ้งไป “ไข่สามฟอง ดีกว่าหนึ่งฟองเยอะ”

 

 

โยวหมิงอวี่ได้ยินแล้วก็งงๆ

 

 

เขาพูดอะไรของเขานะ ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าเข้าใจไม่ตรงกันเลย แต่โยวหมิงอวี่เองก็ไม่ได้เป็นคนธรรมดา ๆ เหมือนกันแหละ

 

 

เขาเงียบไป เขาไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่มีกระบวนการคิดอย่างไร แต่เขาก็ทึ่งและอึ้งไปเลย

 

 

[ได้แต้มจากจากโยวหมิงอวี่ +666!]

 

 

“อะแฮ่ม” หลี่ว์ซู่เพิ่งนึกออกว่าตัวเองน่าจะเข้าใจที่โยวหมิงอวี่พูดมาแบบผิดๆ “มีอย่างอื่นอีกไหมครับ”

 

 

“แหล่งข้อมูลที่ไว้ใจได้บอกมาว่าความสามารถของคอรัลนั้นอาจจะเลื่อนขึ้นมาได้ในสถานการณ์พิเศษ แต่เรายังบอกไม่ได้ว่าเธอก้าวหน้าไปมากแค่ไหน”

 

 

“ช่วยบอกเรื่องที่ผมยังไม่รู้ให้หน่อยได้ไหมครับ…” หลี่ว์ซู่ตะลึง อยู่ๆ เขาคิดอะไรออก ผลที่ได้จากผลล้างไขกระดูกนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาจะเอาเรื่องนี้ไปกวนประสาทคนอื่นได้ไหมนะ

 

 

เขาคงจะไม่เอาผลไม้นี้ออกไปขายทั้งชีวิตเขาหรอก เพราะผลล้างไขกระดูกนี้มีค่ากว่าเงินเสียอีก ถ้าเขาเอาผลพวกนี้ไปแลกเป็นของวิเศษได้ เขาก็จะเอาไปคิดดู แต่จะต้องเป็นโอกาสเหมาะๆ จริง ๆ เท่านั้น

 

 

ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วพอคนรู้ว่าหลี่ว์ซู่เอาผลพวกนี้ไปใช้อย่างสุรุยสุร่ายแล้วทั้งโลกคงจะเป็นบ้าไปแน่ ๆ ถ้าพูดกันจริงๆ แล้วผลล้างไขกระดูกนั้นมีค่าเท่ากับต้นไม้แห่งโลกเลย

 

 

ดูเหมือนว่าทั้งโลกกำลังจับตามองเกาะเล็กๆ แห่งนี้อยู่สินะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วคงจะเขย่าวงการผู้บำเพ็ญได้เลยล่ะ

 

 

“เดี๋ยวกลุ่มจะไปถึงที่นั่นอีกหกวัน เตรียมตัวไปรับพวกเขาด้วยล่ะ อย่าไปก่อเรื่องก่อนพวกเขาไปถึงนะ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาก็ต้องหนีออกมาเท่านั้น” พอโยวหมิงอวี่พูดจบเขาก็วางสายไป

 

 

หลี่ว์ซู่ลุกยืนขึ้นและนั่งอยู่ตรงอีกฝั่งหนึ่งของเตียง กระดาษที่เขียนไว้ว่า ‘ฝันดี’ ยังอยู่ตรงนั้น คอรัลไม่กลัวเลยที่จะให้ทุกคนรู้ความรู้สึกตัวเอง แต่กระดาษสี่แผ่นนี้เป็นความลับที่คนทั้งสองรู้กันเท่านั้น

 

 

“ฝันดีนะ” หลี่ว์ซู่พูดออกมา

 

 

เขาหวังว่าโลกนี้จะยุติธรรมมากขึ้น คอรัลจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ มันเร็วเกินไปสำหรับเธอ

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ขู่ก็รู้สึกได้ถึงการปะทุของพลัง อย่างกับว่ามีสงครามเกิดขึ้นมาจากที่ไกลๆ เลย

 

 

คลื่นพลังนั้นแผ่ไปทั่วอย่างกับเป็นเสียงเตือนในยามค่ำคืน หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องสู้กันทุกวันด้วย

 

 

[ได้แต้มจากจาก…]

 

 

[ได้แต้มจากจาก…]

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นแต้มอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น เขาก็อึ้งไปเลย มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า นี่เอาฉันไปเกี่ยวกับข้อขัดแย้งอะไรด้วยหรือเปล่าเนี่ย!

 

 

เขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นมานั้นจะเกิดจากการขัดแย้งระหว่างองค์กรตอนพวกเขาเปลี่ยนสถานที่สอดส่องกันหรือเปล่า แบบว่าใครดีใครได้ที่เหมาะๆ อะไรอย่างนี้

 

 

แต่อารมณ์ของผู้หญิงก็อาจทำให้เกิดโศกนาฏกรรม หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่าถ้าพวกองค์กรใหญ่ ๆ รู้เรื่องนี้แล้วจะทำสีหน้ากันอย่างไร…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset