คมกระบี่และความรุนแรงคงจะเป็นคำอธิบายของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แต่ความรู้สึกอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเช่นความรัก ความโกรธและอื่นๆ เป็นเครื่องปรุงแต่งที่น่าสมเพชในการลิ้มรสเลือดเท่านั้น
หลี่ว์ซู่คุ้นเคยกับบทกลอนช่วยจำสิบสามตัวของหลี่เสียนอีดี แต่ตอนนี้การใช้กระบี่ได้เปลี่ยนไปแล้ว หลี่ว์ซู่รอที่จะปลดแอกออกไปจากข้อจำกัดของบทกลอนและทำตามคำแนะนำของไห่กงจื่อแล้ว แต่เขายังไม่มีโอกาสที่จะฝึกในการต่อสู้ของจริง
ก่อนที่กลุ่มแก่นความเชื่อจะโจมตีเข้ามาพวกเขายังมีชีวิตอยู่กันเป็นร้อยๆ คน ชีวิตของหลี่ว์ซู่เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
อย่างกับว่าเขาเป็นเรือเล็กที่ลอยอยู่ในทะเลที่มีพายุโหมกระหน่ำ และจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอีกครั้ง หลี่ว์ซู่คุ้นเคยกับเสียงนี้ดี เพราะเป็นเสียงที่มาจากความสามารถลับของฟรานเชสโก้ที่เอาไว้ควบคุมหัวใจ หลอดเลือด และรูขุมขนทั้งหมดของเขา
มีคมกระบี่ดันเข้ามาจากข้างตัว หลี่ว์ซู่ก้มตัวลงต่ำและยกกระบี่สูงขึ้นมาเพื่อตัดกระบี่ไขว้ที่เข้ามาโจมตีออกเป็นครึ่งหนึ่ง กระบี่เฉิงอิ่งของเขานั้นล่องหนได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนั้นตายได้อย่างไร
การเคลื่อนที่ของหลี่ว์ซู่ทั้งคมและชัดเจน เขาทำให้มันง่ายและเรียบร้อยเหมือนกับแยกตะเกียบออกจากกัน
กระบี่ไขว้ของแก่นความเชื่อนั้นเป็นอาวุธที่มีมาตรฐานสูงสุดในยุโรป แต่มันกลับถูกตัดออกครึ่งหนึ่งโดยกระบี่ล่องหนของหลี่ว์ซู่อย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องออกแรงมาก
“โจมตีเข้าไปเป็นกลุ่ม!” เสียงคำสั่งของผู้บัญชาการตะโกนดังออกมาอย่างใจเย็นท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน
หลี่ว์ซู่รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมายึดร่างกายเขาไว้แน่น เขากลายเป็นเหยื่อของนักล่ากว่าร้อยๆ คนแล้ว
มีคนเยาะเย้ยเขาอย่างเย็นชาจากข้างหลังของกลุ่ม “เราต้องการคอรัล ไม่ใช่แก เราไม่ทำร้ายแกหรอกถ้าแกหนีออกไปซะ มีคนตายมาหลายคนเพราะความสวยเป็นเหตุ แกอยากจะต่อแถวกลายเป็นคนแบบนั้นด้วยหรือไง”
“ช่างหัวแกสิ!” หลี่ว์ซู่ยกกระบี่เฉิงอิ่งขึ้นมาช้าๆ แล้วทันใดนั้นก็มีพลังงานระเบิดออกจากตัวเขา มันคือพลังงานกระบี่นั่นเอง!
การเคลื่อนไหวเมื่อกี้นั้นคาดเดาไม่ได้เลย เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก เขาต้องการจะฆ่าพวกนี้ทั้งหมด!
แต่ตอนที่ทุกคนกำลังสนใจพลังกระบี่อยู่นั้น กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อก็โฉบบินออกมาจากร่างของหลี่ว์ซู่อย่าเงียบงัน มันกระโดดข้ามแอ่งน้ำบนพื้น และพุ่งเข้าไปที่ขาของคนที่พูดเมื่อครูอย่างกับคลื่นน้ำที่ถูกเครื่องยนต์จากเรือตัดผ่าน
ขาของเขาถูกตัดออกอย่างหมดจดก่อนที่เขาจะทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!
“ฆ่ามันให้หมด!” เสียงของคนระดับ B สั่งด้วยความอับอายและโกรธแค้น ใครจะไปคิดว่าขาของผู้ชายคนนี้จะถูกตัดออกต่อหน้าต่อตาคนมากมายได้เร็วถึงเพียงนี้!
กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อกำลังติดอยู่ในฝูงชนและไม่สามารถกลับมาหาหลี่ว์ซู่ได้ทันเวลา ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างสีเงินอยู่รอบหลี่ว์ซู่ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถยกมือขึ้นมาได้ในความกดดันนั้น
กระบี่ไขว้หลายเล่มเฉือนผ่านอากาศและมีแสงวาบบนใบมีด ผู้โดยสารในรถไฟเริ่มกระสับกระส่ายกันแล้ว แต่พวกเขายังเห็นชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเหนื่อยและบาดเจ็บก็ตาม
ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ก็มีสายฟ้าที่คมอย่างกับมีดผ่าตัดฟาดลงมา มันฟาดไปตรงกลางระหว่างหลี่ว์ซู่และพวกแก่นความเชื่ออย่างแม่นยำ และแสงสว่างรอบตัวหลี่ว์ซู่นั้นหายไปแล้ว
หลี่ว์ซู่รู้จักสายฟ้านี้ดี มันมาจากหอกกุงเนียร์ และมีแต่หอกกุงเนียร์เท่านั้นที่จะแม่นยำและทรงพลังมากได้ขนาดนี้
หลี่ว์ซู่รู้สึกโล่งใจที่ได้หลุดออกมาเสียที สีหน้าของพวกแก่นความเชื่อเปลี่ยนไปทันที เหมือนกับว่าพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากผลของความล้มเหลวของการโจมตีนั้น
แต่อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่ก็เห็นว่ามีรอยแยกบนกุงเนียร์หนักกว่าเก่า ในวินาทีนั้นเองที่เขาเข้าใจแล้วแล้วว่าทำไมคอรัลถึงอยู่ในสภาพที่อ่อนแอแบบนั้น!
เขารู้ว่ากุงเนียร์มีรอยแตกไประหว่างการต่อสู้กับทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ แต่เขาคิดว่าเดี๋ยวมันก็สมานกันในไม่กี่วันหลังจากมีการบำรุงรักษาเหมือนกระบี่ซือโก่วของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย
คอรัลเกือบหมดสติไปเพราะความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ เป็นเพราะรอยแตกบนกุงเนียร์แน่ๆ!
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ยกมือขึ้น มีแสงสีขาวแผ่ออกมาจากรอยต้นไม้สีขาวสามเส้นบนมือเขา เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรอยสีขาวนี้เลย! แต่ก่อนที่เขาจะได้พิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น คอรัลก็ล้มหมดสติลงไปบนพื้นเสียแล้ว
หลี่ว์ซู่รีบทำให้บริเวณรอบๆ คอรัลแห้งไปด้วยการสร้างเกราะขึ้นมาบังฝนให้เธอ
เขาคิดว่าคอรัลเป็นคนที่สวยมากเกินกว่าที่จะปล่อยให้เปียกฝนจนตัวเปื้อน หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ในสายฝนและมีเลือดอุ่นๆ ไหลออกมาจากแผลบนแขนและขา ซึ่งก็สมานไปเร็วเหมือนกัน เขาเห็นน้ำสาดกระเซ็นบนพื้นตามการควบคุมของเขา และเขากระซิบขึ้นมาเสียงเบา “ได้เวลาแล้ว”
…
พายุหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่มันก่อตัวขึ้น เมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่งแล้ว น้ำบนพื้นก็ระเหยไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เหมือนกับว่าเป็นช่วงเวลาในฤดูร้อน อุณหภูมิสูงขึ้นมาทันทีเมื่อฝนหยุดตกแล้ว
แต่อากาศก็ยังไม่สดชื่นขึ้นเสียทีเดียว เพราะหน้าสถานีรถไฟโอริสตาโน่นั้นเต็มไปด้วยศพและกองเลือดนองไปทั่วพื้น
ทั้งสถานีนั้นกลายเป็นสีแดงจากเลือด แต่มีพื้นที่บางแห่งที่ยังสะอาดอยู่ตามข้างๆ รางรถไฟ เหมือนกับว่ามันได้รับการป้องกันโดยเทพองค์หนึ่ง
องค์กรหลายองค์กรได้รับคำเตือนมาว่ามีการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นที่สถานีโอริสตาโน่ และกลุ่มกองทัพของแก่นความเชื่อก็ถูกกำจัดไปหมดโดยไร้ผู้รอดชีวิต
ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือมันเป็นฝีมือของคนเพียงสองคนเท่านั้น ความแตกต่างของจำนวนคนนั้นน่าทึ่งมาก ชื่อเสียงของพวกแก่นความเชื่อคงถูกลบล้างไปหมดแล้วถ้าไม่มีหัวหน้าบาทหลวงที่ยังสามารถกู้ชื่อเสียงได้อยู่
ตอนแรกหลี่ว์ซู่และคอรัลคงจะตายแน่ๆ แต่ก็เป็นไปอย่างที่ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลพูดไว้ว่าทั้งโลกดูถูกความสามารถของชายหนุ่มคนนั้นมากเกินไป
แต่คนระดับ B ธรรมดาๆ แบบนั้นจะแข็งแกรงขนาดนั้นได้อย่างไร เขาอาจจะโตขึ้นมาแล้วเป็นขุนนางซินถิงคนที่สองของเครือข่ายฟ้าดินก็เป็นได้!
แต่เด็กหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าขุนนางซินถิงเยอะเลยล่ะ
มีหลายคนอยากจะฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้ในซาร์ดิเนียก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งไปมากกว่านี้ด้วยความกลัว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำแบบนั้นดีหรือไม่
สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็หายไปในคืนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าหายไปที่ไหน เหมือนกับว่าการมีอยู่ของพวกเขาได้ถูกลบล้างไปจากโลกนี้เสียอย่างนั้น
บางคนพยายามจะไปตามหาพวกเขาโดยการถามผู้โดยสารในรถไฟ แต่ทุกคนก็บอกว่าพวกเขานั่งพักกันอยู่ในตู้โดยสารและไม่ได้ใส่ใจการต่อสู้ข้างนอกนั่นเลย
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! จะนั่งพักกันอย่างสบายใจได้อย่างไรเมื่อมีศพคนตายกว่าสิบคนในตู้โดยสารนี้!
แต่พวกเขาก็ไม่ยอมบอกความลับออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนี้จะปกป้องคู่รักสองคนนั้นไปทำไมในเมื่อพวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น