จงอวี้ถังพูดขึ้น “เราเจอรังมดอยู่ใต้ตึกออฟฟิศในเมือง ฐานตึกกำลังจะถล่มลงมาแล้ว ดีนะที่พวกเราไปเจอก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมเข้า”
หลี่ว์ชู่หันไปมองอาคารสูงตระหง่านรอบๆ เมืองลั่ว ป่าคอนกรีตพวกนี้ดูจะไม่แข็งแกร่งอย่างที่เห็นเสียแล้ว แต่มีชาวเมืองไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงอันตรายนี้ ทิวทัศน์ของเมืองนี้สวยงามจริงๆ เมื่อมองผ่านจากหน้าต่างทรงฝรั่งเศสบนตึกสูง
แต่วันหนึ่งผู้คนจะอกสั่นขวัญแขวนกันแน่เมื่อตึกพวกนี้จะถล่มลงมาโดยฝีมือของพวกสัตว์กลายพันธุ์ และผู้คนก็จะไม่รู้ว่าควรไปซ่อนตัวที่ไหน
สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวการสัตว์พวกนี้ไม่ใช่แค่ความอันตรายของพวกมันเท่านั้น แต่รวมถึงการจัดระเบียบทางสังคมแบบใหม่ที่พวกมันนำเข้ามาในโลกนี้ด้วย
ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย มาตรฐานการครองชีพ…สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนทุกชีวิตไปในหลายๆ ด้าน
เมื่อก่อนคนธรรมดาดูจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับยุคแห่งพลังจิตวิญญาณนัก ก็แค่มีเรื่องให้พูดถึงมากขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนงานที่ทำและชีวิตประจำก็ยังคงเหมือนเดิม ไปทำงานเช้าเย็นกลับ และมีเรื่องให้ตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยหลังจากนั้น แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก
แต่ตอนนี้อันตรายคืบคลานเข้ามาแล้ว
หลี่ว์ซู่ทำได้แต่บอกให้เสี่ยวซยงสวี่ไปเพิ่มกำลังให้ลูกน้องหนูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่แค่ความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องเพิ่มจำนวนของหนูระดับ F ให้มากกว่าห้าร้อยตัวด้วย
หลังจากที่เสี่ยวซยงสวี่กินผลล้างไขกระดูกไปสองผลมันก็ทำลายขีดจำกัดของการเลื่อนระดับแล้ว มันปล่อยคลื่นพลังงานที่เข้าใกล้ระดับ B ออกมาทำให้หลี่ว์ซู่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จากสถานการ์ปัจจุบันแล้วมันเลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับ B ได้ไม่ยาก หลี่ว์ซู่ประหลาดใจที่พวกสัตว์มีวิวัฒนาการไวขนาดนี้ ความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกมันนำหน้าผู้มีพลังสายพละกำลังไปเลย แม้ว่าพวกมันจะไม่มีวิธีการบำเพ็ญที่ดีเทียบเท่ากับมนุษย์ก็ตาม
พวกสัตว์จะแอบซุ่มโจมตีมนุษย์สักวันไหมนะ หลี่ว์ซู่ไม่แน่ใจเลย
เมื่อเขาถามโยวหมิงอวี่เกี่ยวข้องกับเรื่องสัตว์กลายพันธุ์ โยวหมิงอวี่ก็ส่งข้อมูลเก่าๆ กลับมาให้เขาอีกรอบ
[ราชันฟ้าเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลนี้ได้]
หลี่ว์ซู่ไม่ใช่ราชันฟ้าคนที่เก้า ถึงตำแหน่งนั้นยังว่างอยู่ก็เถอะ
หลี่ว์ซู่ส่งข้อความถึงโยวหมิงอวี่อีกรอบ [แต่ผมหลั่งเลือดเพื่อเครือข่ายฟ้าดินมาแล้วนะ!]
[ราชันฟ้าเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลนี้ได้]
[แต่ในยุโรปผม…]
[ราชันฟ้าเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลนี้ได้]
ไปไหนก็ไปเลยนะเนี่ยถิง คุณด้วยโยวหมิงอวี่
“เสี่ยวอวี๋ เจ้าแมวอ้วนกับเจ้าหมูเจ้าเล่ห์เกิดต่อต้านขึ้นมาบ้างไหม” หลี่ว์ซู่ไว้ใจเสี่ยวซยงสวี่ แต่เขายังไม่มั่นใจในตัวเจ้าแมวอ้วนกับเจ้าหมูเจ้าเล่ห์
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋โบกมือเล็กๆ ของเธอ “ทุกอย่างยังควบคุมได้อยู่”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นตอนเธอพูดประโยคนั้นตลอดเลยล่ะ ถ้าจำไม่ผิดก็ตอนที่เธอพูดที่พัทยาไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนั้นเธอทำลายคาสิโนไปทั้งหมดเลยนะ แถมยังทำคนทั้งเมืองลุกขึ้นมาสู้กันอีก…” หลี่ว์ซู่ฉีกถอนหายใจ
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ขัดขึ้นมา “จำผิดแล้วมั้ง ความจำเธอแย่มากเลย”
หลี่ว์ซู่อารมณสีย “ความจำฉันดีมากเลยนะ!”
“ก็เธอลืมว่าตัวเองเป็นเกย์เสียได้” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด
“ฉันไม่ใช่เกย์นะ!” หลี่ว์ซู่ตกใจ
“เห็นไหมล่ะ เธอลืมว่าตัวเองเป็นจริงๆ ด้วย” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบกลับอย่างใจเย็น
[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666]
แล้วหลี่ว์ซู่คิดออกว่านี่ช่างเป็นวิธีหาแต้มอารมณ์ได้ดีจริงๆ! เขาส่งข้อความไปหาโยวหมิงอวี่อีกครั้ง
[ความจำคุณแย่มากนะ]
[ทำไมล่ะ]
[ก็คุณลืมว่าตัวเองเป็นเกย์เฉยเลย]
[ก็ไม่ได้ลืมนะ ฉันเป็นนี่]
[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666]
หลี่ว์ซู่มีสีหน้าสลดลง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นคนเริ่มเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นแต้มอารมณ์ก็ต้องเป็นของเธอไปทั้งหมด
ในขณะเดียวกันโยวหมิงอวี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาคุยเรื่องนี้ดึกขนาดนี้ด้วย
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมา เหมือนกับว่าตึกสูงใหญ่นั่นใกล้จะถล่มลงมาแล้ว เสียงก้อนอิฐและปูนที่กำลังแตกหักดังไปทั่วมุมเมืองลั่ว แล้วความเงียบสงบของเมืองในคืนนี้ก็ถูกทำลายลง และความวิตกกังวลก็ถาโถมไปทั่วเมือง
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เสี่ยวซยงสวี่และหลี่ว์ซู่กระโดดออกไปที่ดาดาฟ้าของบ้าน พวกเขาเห็นว่าคนเปิดไฟออกมาดูเต็มไปหมด และตึกสูงสิบสี่ชั้นกำลังแกว่งไปมา
ชาวเมืองเห็นฉากตรงหน้าแล้วก็พากันตื่นตระหนก สิ่งเลวร้ายนี้กำลังเกิดขึ้นแถวบ้านของพวกเขาเอง และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋รีบออกตัวไปพร้อมกัน พวกเขาพุ่งออกมาจากดาดฟ้า หลี่ว์ซู่พูดขึ้น “ช่วยคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”
“เข้าใจแล้ว” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้า แอนโทนีโผล่ออกมาจากร่างของเธอท่ามกลางควันสีดำและผลุบหายไปบนพื้น ในสถานการณ์นี้ผู้มีพลังธาตุดินจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบมากกว่า
“ไปเร็วกว่านี้ รีบเร็ว!” หลี่ว์ซู่เร่งความเร็ว
ตึกไม่ได้ถล่มลงมาทีเดียว เพราะโครงสร้างภายในยังพอรองรับได้อยู่ หลี่ว์ซู่เชื่อว่าพวกเขาจะไปช่วยชีวิตคนได้ประมาณร้อยกว่าคนถ้าพวกเขาเร็วพอ!
เมื่อพวกเขามาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นว่ามีฝุ่นหนาบดบังวิสัยทัศน์ทำให้บอกได้ยากว่ามีคนเจ็บมากขนาดไหน ทุกคนที่อยู่รอบๆ รวมถึงผู้ที่ออกมาสังเกตการณ์ต่างถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น
ทันใดนั้นฝุ่นและดินก็ร่วงกราวลงบนพื้น หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มาถึงแล้ว!
“ทำให้ทุกอย่างเป็นทรายเลย!” หลี่ว์ซู่ตะโกน
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้าและยื่นแขนออกไปยังตึกที่กำลังถล่ม
ปูนและอิฐแข็งๆ ในโครงสร้างตึกได้เปลี่ยนเป็นไปทรายละเอียดภายใต้การควบคุมของแอนโทนี รถยนต์ที่ทับผู้คนอยู่ก็โดนผลักออกไป เหมือนกับว่ามีมือยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากใต้ทรายนั่น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำให้เป็นทรายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว ถึงแม้หลี่ว์ซู่จะแข็งแกร่งมากขนาดไหนแต่เขาก็ไม่สามารถจะผลักตึกกลับไปให้อยู่ในตำแหน่งเดิมได้เหมือนยอดมนุษย์ เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น ขนาดหลี่เสียนอีหรือเนี่ยถิงก็ยังทำไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนให้อิฐแข็งๆ กลายเป็นทรายไปก็จะทำให้ลดความเสียหายลงได้เยอะ หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ทำดีที่สุดแล้ว
จากนั้นรถพยาบาลก็รีบมาขนคนบาดเจ็บออกไป หลี่ว์ซู่มองสิ่งที่เกิดตรงหน้าเขาด้วยความอึ้ง มันเลวร้ายมาก เสียงโอดครวญของคนรอดชีวิตและคนอื่นๆ ที่มาดูเหตุการณ์ดังไปทั่วพื้นที่
ผู้คนยังมีความเจ็บปวดเพราะยังมีสติรู้ดีอยู่ พวกเขายังมีความหวังว่าจะรอดชีวิตได้ แต่นอกเหนือจากนั้นคนบางคนกลับลาโลกนี้ไปก่อนที่หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไปช่วยก่อนที่ตึกจะถล่มลงมา
จากนั้นจงอวี้ถัง หลี่อีเสี้ยว โยวหมิงอวี่ และน่าหลานเชวี่ยก็เพิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ สมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินเข้าไปตรวจสอบรากฐานและโครงสร้างภายในตึกทันที เมื่อพวกเขากลับมาก็ได้ถือขวดใสสองขวดมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “ปลวกครับ”
ในขวดสองขวดนั้นมีปลวกที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มอยู่ มันมีปีกใหญ่สองปีกอยู่บนหลังด้วย การเคลื่อนไหวขากรรไกรของพวกมันน่ากลัวมาก
“แล้วตัวนางพญาของมันอยู่ไหนกันครับ” หลี่ว์ซู่ถาม
“ยังไม่เจอครับ” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับ “แต่เราสันนิษฐานว่ามันคงมีวิวัฒนาการกันทุกตัวแล้วถึงได้รอดเมื่อแยกตัวออกไปจากกลุ่ม เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ต้องการนางพญาอีกต่อไป มันมีกันทั้งสองเพศ แต่ถ้านางพญายังอยู่พวกมันก็ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้ แต่ตอนนี้มันอาจจะมีวิวัฒนาการที่สามารถอยู่รอดโดยไม่มีนางพญา แถมยังแพร่พันธุ์กันเองได้ด้วย”
หลี่ว์ซู่มองหลี่อีเสี้ยวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป มนุษย์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่ก้าวข้ามการจัดระเบียบของธรรมชาติเสียแล้ว สัตว์พวกนี้เองก็เป็นไปด้วย
ความสมดุลที่ละเอียดอ่อนของธรรมชาติกำลังจะถูกทำลายแล้ว และการจัดระเบียบของธรรมชาติแบบใหม่กำลังมาถึง
ตอนนี้กำลังเข้ายุคใหม่อย่างแท้จริงแล้ว