ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 743 ฆ่ามังกร

เนี่ยถิงไม่ได้หยุด และผ้าคลุมสีดำของเขายังคงปลิวสะบัดอยู่ท่ามกลางสายลม เนี่ยถิงใจเย็นมาก เขามองไปที่หุบเขามรณะด้วยสีหน้าเรียบเฉย  

 

 

มีรอยตัดแนวนอนปรากฏอยู่บนหุบเขามรณะอยู่ประมาณสองสามร้อยเมตรได้ ยอดเขาข้างๆ หุบเขามรณะทั้งสองก็ถูกตัดออกไปด้วยเช่นกัน  

 

 

มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ใต้หุบเขามรณะ  

 

 

ถ้ำนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ใครๆ ก็สามารถเห็นขั้นบันไดระหว่างชั้นที่สร้างโดยมนุษย์ทอดยาวลงไปในหุบเหวท่ามกลางแสงอาทิตย์ได้  

 

 

หลี่ว์ซู่อุ้มเฉินจู่อานและรีบวิ่งลงไป มีสันเขาอยู่ที่ทางลงเขา พวกเขาจะปลอดภัยตราบเท่าที่พวกเขาไปถึงสันเขาแล้ว  

 

 

หลี่ว์ซู่วิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง และเฉินจู่อานเองก็ร้องตะโกน “พี่ซู่ วิ่งเร็วขึ้นอีกครับ!”  

 

 

เหมือนกับว่าพวกเขากำลังโต้คลื่นขนาดยักษ์ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา พวกเขาจะหนีจากการโดนหิมะฝังกลบร่างได้ถ้าพวกเขายังคงวิ่งต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายเพราะโดนกลบในหิมะด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายพวกเขา แต่ใครกันจะอยากอยู่ใต้หิมะนั่นในเมื่อยังวิ่งได้อยู่ล่ะ!  

 

 

พวกเขามาถึงสันเขากันแล้ว ระลอกหิมะพวกนั้นเหมือนกับเป็นคลื่นน้ำที่ทั้งเร็วรุนแรง หน้าของเฉินจู่อานและหลี่ว์ซู่ถูกน้ำแข็งปกคลุมไปหมด ทั้งคิ้ว ขนตา ผม กระทั่งเสื้อผ้าของพวกเขาก็ถูกหิมะปกคลุมเช่นกัน เฉินจู่อานมองระลอกหิมะพวกนั้นอย่างใจลอย “พี่ซู่ พี่ลืมเรื่องหลัวหนานไปหรือเปล่า…”  

 

 

ในตอนที่หิมะถล่มนั้น ทั้งหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานก็ไม่ได้สิ้นหวังไปหมด  

 

 

ขณะที่ระลอกหิมะกำลังเข้าใกล้มานั้น หลัวเป่ยก็คิดออกว่าหลี่ว์ซู่ลืมเก็บกระบี่เฉวียอินตอนเขากำลังวิ่งหนี…  

 

 

เขาหมุนไปรอบๆ ขณะที่กระบี่เฉวียอินทั้ง 72 เส้นยังคงตรึงเขาไว้อยู่ ถ้าเขาขยับไปแม้แต่นิดเดียวเขาก็อาจตายได้ ระลอกหิมะปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว หลัวเป่ยมองหิมะที่จะเข้ามากลืนกินตัวเขาด้วยความกลัว เขาไม่กล้าจะขยับตัวไปเลยแม้แต่น้อย  

 

 

“ให้ตายเถอะ!”  

 

 

[ได้รับแต้มจากหลัวเป่ย +999]  

 

 

ต่อมาเขาก็ถูกระลอกหิมะพวกนั้นทับถมร่างเขาจนขาวโพลนไปหมด จากนั้นก็มีแต่ความเงียบงัน  

 

 

หลี่ว์ซู่ตะโกนขึ้นไปบนฟ้า “ท่านรู้ว่าหลัวหนานมีอะไรแปลกๆ ใช่ไหม ทำไมท่านไม่ฆ่าเขาไปเลยล่ะ ทำไมท่านถึงปล่อยให้เขามาทำอันตรายคนอื่นแบบนี้”  

 

 

เนี่ยถิงเหลือบมองหลี่ว์ซู่ “ฉันแค่ผ่านมาเฉยๆ ”  

 

 

“รอก่อนเหอะ เดี๋ยวท่านได้เจอปัญหาใหญ่แน่!” หลี่ว์ซู่โกรธจัด  

 

 

แต่เนี่ยถิงกลับไม่ได้ตอบอะไรหลี่ว์ซู่ เขาพูดเสียงเรียบ “ตามฉันมา”  

 

 

เนี่ยถิงเดินเข้าไปในถ้ำของหุบเหว เหมือนกับว่าเขาไม่สนใจอันตรายข้างล่างนั่นเลยด้วยซ้ำ  

 

 

ภูเขาที่อยู่รอบๆ หุบเขามรณะเคยเรียบมาก่อน แต่ตอนนี้ผิวหน้าของภูเขาถล่มไปแล้ว หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานปีนขึ้นไปดู เมื่อเฉินจู่อานเห็นว่ามีรอยตัดขนาดใหญ่เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ “พี่ซู่ ผมว่าพี่ไม่น่าไปทะเลาะกับครูใหญ่เนี่ยเลยนะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่อยากจะฟังเขา เขาเก็บกระบี่เฉวียอินและก็ไม่ได้สนใจเรื่องหลัวเป่ยแล้ว ไอ้หมอนั่นน่าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่หัวเข่าเขาน่าจะหักเพราะกระบี่เฉวียอิน ถึงแม้ว่าเขาอยากจะหนีออกมาจากกองหิมะนั่นเขาก็น่าจะหนีไปไม่ได้ไกลหรอก  

 

 

ทั้งสองคนวิ่งลงไป พวกเขายืนอยู่ข้างหุบเหวและมองลงไปเห็นเนี่ยถิงข้างล่าง เฉินจู่อานถามเบาๆ “เราจะลงไปข้างล่างกันเหรอครับ”  

 

 

“ไม่หรอก ปล่อยเขาไปดูข้างล่างนั่นเองเถอะ” หลี่ว์ซู่เบ้ปากขณะพูด  

 

 

เนี่ยถิงมองขึ้นมาเห็นทั้งสองคน “ทำไมพวกนายไม่ลงมาล่ะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชา “อ๋อ น่าจะเป็นเพราะผมเป็นนักศึกษาที่ไม่ได้รับหน่วยกิตน่ะครับ โอ้ เดี๋ยวก่อนนะ! ผมจะลงไปละ!”  

 

 

หลี่ว์ซู่เหลือบมองเนี่ยถิง เขาน่าจะกำลังถือมีดอยู่ใต้ผ้าคลุมนั่น เขาเปลี่ยนแผนกลางคันและจะเอาเฉินจู่อานลงไปด้วย  

 

 

พวกเขามองดูรอบๆ และเห็นว่ามีแสงอาทิตย์ส่องเข้าไปในถ้ำเหมือนเป็นลำแสง พวกเขาเห็นขั้นบันไดระหว่างชั้นทอดยาวลงไปข้างล่าง และข้างๆ บันไดเองก็มีภาพเขียนตามทางอยู่ด้วย  

 

 

มีภาพวาดมังกรผานหลง  [1]  แบบเหมือนจริงอยู่บนกำแพง เหมือนกับว่าคนจำนวนมากจะบูชามังกรตัวนี้อยู่  

 

 

ภาพถัดไปเป็นภาพมังกรผานหลงกลืนกินหมู่เมฆและกำลังเรียกฝน ผู้คนบนพื้นต่างก็เก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้  

 

 

ในขณะที่พวกเขากำลังเดินลงไปตามขั้นบันไดอยู่นั่น หลี่ว์ซู่ก็เอากระจกส่องตะวันออกมานำทาง เนี่ยถิงเองก็กำลังมองรูปภาพพวกนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกถึงเจ้าฮุ่นตุ้นในตราแผ่นดินตื่นขึ้นมาและมันก็กำลังตื่นเต้นมาก เหมือนกับว่าอยากจะออกมาเริงร่าที่นี่  

 

 

หลี่ว์ซู่แอบมองเนี่ยถิงเงียบๆ เขาไม่เคยบอกใครเลยว่าเขามีมังกรอยู่ แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่เริ่มมีไฟขึ้นมาแล้ว ครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาตอนที่เจ้ามังกรนี่ตื่นก็มักจะเป็นตอนที่เขาได้เปรียบอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม  

 

 

ฮุ่นตุ้นหลับไปนานมาก ตอนที่มันหลับตัวของมันโตขึ้นมาก และกรงเล็บของมันก็แหลมคมขึ้นด้วยเช่นกัน มันโตเกือบสิบเมตรได้แล้ว และระดับพลังงานที่ปล่อยออกมาก็เกือบจะเท่าๆ หลี่ว์ซู่เลย  

 

 

มันตื่นขึ้นมาก็ถือว่าทำให้หลี่ว์ซู่ได้เปรียบพอควร  

 

 

หลังจากที่เขาเสียธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ไป หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกใม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาเสียไพ่ตายไป แต่ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่านั้น นั่นก็คือมังกรนี่เอง…  

 

 

ไม่ว่าไห่กงจื่อจะบอกว่ามันเป็นมังกรร้ายหรือไม่ก็ตาม ตราบใดที่มันช่วยเขาสู้ได้มันก็เป็นมังกรดีอยู่ดี  

 

 

ภาพวาดพวกนั้นเริ่มจะเปลี่ยนไปแล้ว และมีบางภาพที่ถูกใครบางคนเช็ดจนสะอาดไปด้วย  

 

 

หลังจากนั้นก็มีภาพวาดของบุคคลที่ใส่เสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะ กำลังดักจับมังกรในเทือกเขาคุนหลุนอยู่  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าคนคนนี้ดูคุ้นตา แต่เขาจำไม่ได้ว่าคือใคร  

 

 

อีกอย่างการที่รูปวาดพวกนี้ถูกใครบางคนเช็ดออกไปก็แปลกอยู่เหมือนกัน เหมือนกับว่าส่วนที่สำคัญถูกลบออกไป ตอนแรกก็บูชามังกรกันแต่ทำไมตอนนี้มังกรกลับกลายเป็นศัตรูไปได้ เขาไม่รู้ว่ามังกรไปทำอะไรมา  

 

 

จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าตามพวกเขามา หลี่ว์ซู่ใช้กระจกส่องตะวันและพบว่าคนคนนั้นก็คือหวังเจ๋อ หวังเจ๋อบ้าไปแล้วที่วิ่งตามพวกเขามา และข้างหลังเขาก็มีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่สวมเครื่องแบบของเครือข่ายฟ้าดินตามมาด้วย  

 

 

เนี่ยถิงเดินไปข้างหน้า แต่ไม่ได้กำจัดพวกเขา เขากลับทำให้คนพวกนี้หมดสติไป  

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาครับ” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย  

 

 

“พวกเขาโดนสะกดจิตน่ะ” เนี่ยถิงตอบ และเดินต่อไปข้างหน้า  

 

 

จากนั้นพวกเขาก็มาถึงประตูจนได้ ประตูนั้นทำด้วยวัสดุอะไรบางอย่าง เหมือนจะเป็นโลหะแต่ก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่ามันจะส่องประกายเล็กน้อยเหมือนกับดวงดาว และมีช่องตรงกลางประตู หลี่ว์ซู่มองไปที่สิ่งนั้นและรู้สึกสนใจกับวัสดุทำประตูมาก เขาจะเอากลับบ้านไปได้ไหมนะ  

 

 

เนี่ยถิงพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “เอากระบี่เฉิงอิ่งออกมา”  

 

 

“ได้ครับ” หลี่ว์ซู่ตกลงที่จะใช้กระบี่เฉิงอิ่งเพื่อตัดประตูออกมาชิ้นเล็กๆ  

 

 

[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +666]  

 

 

“หยุด” เนี่ยถิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เอากระบี่เฉิงอิ่งใส่เข้าไปในช่องนั้นสิ”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึง “ไหนท่านบอกว่าแค่ผ่านมาไงครับ ทำไมไม่บอกผมก่อนว่ามีความลับเกี่ยวกับกระบี่เฉิงอิ่งอยู่ด้วย!”  

 

 

เดี๋ยวก่อนนะ มีมังกรติดอยู่ในนี้ และตัวจริงของไห่กงจื่อก็คือมังกรผานหลงสีขาว สือเสวจิ้นบอกว่าไห่กงจื่อตายไปเพราะช่วยชีวิตคนอื่นและใช้กระบี่เฉิงอิ่งสะกดวิญญาณไว้ ไห่กงจื่อมีความเกี่ยวข้องอะไรกับมังกรที่ถูกสะกดอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ ถ้าไม่เกี่ยว แล้วทำไมถึงเอากระบี่เฉิงอิ่งเปิดประตูนี้ได้ล่ะ  

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่ใส่กระบี่เฉิงอิ่งเข้าไปในช่องนั้น เขาเห็นไห่กงจื่อปรากฏตัวขึ้นมาจากกระบี่เฉิงอิ่งในชุดสีขาวราวหิมะ  

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจมาก เขาเป็นคนสะกดมังกรไว้ที่นี่ไม่ใช่เหรอ! ตอนนั้นไห่กงจื่อแข็งแกร่งขนาดที่สะกดมังกรไว้ใต้ดินเลยเหรอ เดี๋ยวก่อนนะไห่กงจื่อเองก็เป็นมังกรเหมือนกันนี่นา  

 

 

เมื่อก่อนเขาเคยถามไห่กงจื่อว่าเคยฆ่ามังกรร้ายหรือเปล่า ไห่กงจื่อก็ตอบว่านั่นเป็นสมาชิกครอบครัวของเขา…  

 

 

แล้วทำไมมังกรตัวนี้ถึงได้ถูกสะกดอยู่ที่นี่ล่ะ  

 

 

เนี่ยถิงพูดอย่างใจเย็น “ไห่กงจื่อ เปิดประตูเถอะ ฉันมาที่นี่เพื่อมาฆ่ามังกรตัวนี้”  

 

 

ไห่กงจื่อมองหลี่ว์ซู่ “ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าของของกระบี่เฉิงอิ่งแล้ว อยู่ที่เจ้าตัดสินใจ”  

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงัก  

 

 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ!  

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1]  มังกรน้ำในตำนานของจีน  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset