หลี่ว์ซู่เจอว่าในประวัติศาสตร์เคยกล่าวถึงตอนที่ช่วงพลังจิตวิญญาณถดถอยลงไปอย่างมาก และประชากรของเผ่ามังกรเริ่มลดน้อยลง
น่าจะไม่ใช่เพราะการสังหารหมู่ แต่เป็นเพราะปัญหาที่มีในเผ่ามังกรมานานแล้ว แล้วนั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่มีอัตราการเกิดยากขึ้นงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ความเป็นไปได้อื่นๆ ก็น่าจะมาจากเผ่ามังกรต้องการพลังจิตวิญญาณในปริมาณมาก เลยทำให้พวกเขามีชีวิตรอดได้อย่างยากเย็นในยุคพลังจิตวิญญาณถดถอยที่ผ่านมา
ทุกสายพันธุ์มีข้อบกพร่องกันทั้งนั้น ถึงจะเป็นเผ่ามังกรที่ถูกลิขิตมาเพื่อเมินเฉยมนุษย์เองก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องการพลังจิตวิญญาณในการเอาชีวิตรอด
เอ๋าเสี่ยนพยายามโน้มน้าวไห่กงจื่อ “เอ๋าไห่ เราเป็นผู้รอดชีวิตสองคนสุดท้ายในหมู่เผ่ามังกร แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเรา เจ้าเคยคิดว่าจะทำให้สายเลือดเราคงอยู่ต่อไปได้อย่างไรไหม ถ้าข้าสามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณของข้าได้ เผ่ามังกรของเราก็จะคงอยู่ต่อ เจ้าจะเลือกทางไหนกัน”
ไห่กงจื่อเงียบไป
หลี่ว์ซู่พูดแทรกเอ๋าเสี่ยน “ขอโทษที่ขัดนะครับ แต่ท่านมีมังกรผู้หญิงด้วยเหรอครับ”
เนี่ยถิง ไห่กงจื่อ และเฉินจู่อานมองหลี่ว์ซู่อีกรอบด้วยความเงียบงัน…
เอ๋าเสี่ยนเองก็เงียบไปเช่นกัน
[ได้รับแต้มจากเอ๋าเสี่ยน +666]
หลี่ว์ซู่จึงพูดต่อ “แล้วท่านจะสืบต่อสายเลือดมังกรต่อไปทั้งที่มีมังกรผู้ชายสองตัวได้ยังไงกันครับ ถึงท่านจะฟื้นฟูพลังวิญญาณได้ แต่ก็มีมังกรอยู่ตัวเดียวในโลก นี่ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นะครับ…”
“หลังจากยุคเริ่มต้นของพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนแล้ว เผ่ามังกรเราก็เห็นแสงแห่งความหวัง” เอ๋าเสี่ยนพูดอย่างใจเย็น
“แต่เจ้าฮุ่นตุ้นของผมก็ทำอย่างนั้นได้เหมือนกันนะครับ” หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจว่าทำไมเอ๋าเสี่ยนถึงจะเป็นคนเดียวที่ทำเรื่องแบบนี้ได้
เอ๋าเสี่ยนพูด “เพราะมันยังไม่รู้วิธีทำให้ตนเองเป็นอมตะน่ะสิ ว่ากันว่าเกราะป้องกันของดินแดนที่ถูกเนรเทศนั้นกำลังแตกออกอย่างช้าๆ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องพลังจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ดินแดนที่ถูกเนรเทศนั้นซ่อนความลับแห่งการเป็นอมตะอยู่…”
“พอแค่นั้นล่ะ” ไห่กงจื่อหยุดเขา “ท่านลุงไม่น่าจะต้องเป็นห่วงในเรื่องนั้น ข้ากลัวว่าท่านจะไม่มีชีวิตอยู่นานขนาดนั้นน่ะสิ และท่านก็ควรเอาเรื่องบางอย่างฝังลงหลุมไปกับท่านด้วย”
หลี่ว์ซู่ตะลึง ดินแดนที่ถูกเนรเทศนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับที่หลี่เสียนอีและไห่กงจื่อปิดบังมาตลอด แต่ทำไมกันล่ะ มีเหตุผลอะไรที่เปิดเผยความลับนี้ออกมาไม่ได้ด้วยเหรอ
เอ๋าเสี่ยนมองไห่กงจื่อที่กำลังตระหนกและหัวเราะออกมา “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เจ้าไม่กล้าแม้แต่จะพูดชื่อหรือพูดเกี่ยวกับเขาเลย เจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วพลังของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นมางั้นหรือ”
ไห่กงจื่อมองเอ๋าเสี่ยนอย่างเงียบๆ แล้วเขาก็โพล่งขึ้นมา “อย่างน้อยเกราะป้องกันก็ยังไม่แตกตอนนี้หรอก”
เนี่ยถิงฟังพูดคุยนี้โดยยังถือมีดอยู่ในมือ ดูเหมือนกันว่าเขาจะไม่รีบลงมือนัก สิ่งที่หลี่ว์ซู่ยังไม่รู้ก็เป็นสิ่งที่เนี่ยถิงไม่รู้มาก่อนเช่นกัน อาจารย์ของเนี่ยถิงเคยพูดบางอย่างอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็เลยรู้สึกว่าเนี่ยถิงฟังการพูดคุยนี้ในฐานะคนนอกเหมือนกัน
เนี่ยถิงเป็นคนนอก หลี่ว์ซู่นึกสองคำนั้นในหัวแล้วเขาก็เกือบตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ปกติเนี่ยถิงเป็นคนจริงจังมาก คนอย่างเฉินจู่อานจะกลัวเขามาก แล้วจะมีตอนไหนได้อีกที่จะสามารถเอาคำว่าเนี่ยถิง กับ คนนอก มาวางต่อกันได้
เนี่ยถิงเหลือบมองหลี่ว์ซู่ เขาไม่รู้ว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงยิ้มออกมาอย่างน่าสงสัยในสถานการณ์นี้ เขายิ้มออกมาทำไมกันนะ!
ที่จริงแล้วหลี่ว์ซู่ไม่ได้เครียดแม้แต่น้อย ตอนแรกเขาก็เป็นกังวล เขากังวลว่าจะมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวอยู่ในหุบเขามรณะ ทุกอย่างมีแต่ความลึกลับ
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นเพราะเอ๋าเสี่ยน หลี่ว์ซู่จึงถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกเพราะรู้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่เขาสามารถรับมือได้ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่อยู่ในจินตนการ
อีกอย่างเนี่ยถิงและไห่กงจื่อก็อยู่ที่นี่ด้วย ก่อนหน้านี้ไห่กงจื่อได้ใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองไปหลังจากเปลี่ยนร่างเป็นมังกรผานหลง หลี่ว์ซู่รู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะไห่กงจื่อในร่างมังกรผานหลงได้แน่นอน…
จากนั้นไห่กงจื่อก็พูดขึ้นมาเจือด้วยความเด็ดเดี่ยว “เผ่ามังกรกลายเป็นอดีตไปแล้ว และเวลาที่ผันผ่านก็กำจัดเผ่าเราไป มีเพียงมังกรร้ายตัวเล็กตัวนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ปล่อยให้มันเจริญเติบโตเถอะ”
เอ๋าเสี่ยนโกรธจัด “หากข้าได้เป็นอมตะแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเผ่ามังกรจะไม่มีอยู่อีกต่อไป! เดี๋ยวเราก็หาทางของเราได้เอง!”
“เผ่าโบราณอี๋ก็ไม่มีวิธีกลายเป็นอมตะเหมือนกัน คงเป็นเรื่องลึกลับเช่นนั้นสืบไป” เสียงของไห่กงจื่อเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ถึงพวกเขาจะมีวิธี เราก็ไม่ปล่อยให้พวกเขากลับมาได้แน่!”
ไห่กงจื่อหันไปบอกหลี่ว์ซู่ “ปล่อยเจ้าฮุ่นตุ้นออกมา”
หลี่ว์ซู่ตะลึง “ถ้าตาแก่คนนี้ขโมยฮุ่นตุ้นไปล่ะครับ”
“ใจเย็นเถอะ” ไห่กงจื่อตอบ “เขาน่าจะรู้เรื่องการลงทัณฑ์จากสวรรค์ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นตัวเล็กอย่างนี้มาก่อน ต่อให้เขาเคยเห็นมันแล้วก็คงไม่เข้าไปทำร้ายหรอก ไอ้ตัวเล็กจะได้รับความเป็นอมตะง่ายๆ อย่างที่เขาอยากได้นักหนานั่นแหละ”
หลี่ว์ซู่ปล่อยฮุ่นตุ้นออกมาอย่างลังเล เมื่อฮุ่นตุ้นออกมาแล้ว มันก็เริ่มปั่นป่วนไปภายในถ้ำขนาดใหญ่ด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเอ๋าเสี่ยนเห็นฮุ่นตุ้นแล้วเขาก็ตกใจไปเลย “หมอกนิล! นี่มันหมอกนิลนี่ ทำไมเจ้ามังกรเล็กนี่ถึงได้…”
ก่อนที่เอ๋าเสี่ยนจะทันพูดจบ หลี่ว์ซู่ก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “อย่าตัดสินอะไรจากภายนอก ท่านรู้จักหมอกนิลนี่สินะครับ”
เอ๋าเสี่ยนเงียบ
เนี่ยถิง เฉินจู่อาน และไห่กงจื่อก็ไม่พูดอะไรออกมาเช่นกัน
อย่าตัดสินอะไรจากภายนอก
[ได้รับแต้มจากเอ๋าเสี่ยน +666]
เนี่ยถิง ไห่กงจื่อ และเฉินจู่อานมองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างเงียบๆ ไม่มีใครคิดว่าหลี่ว์ซู่จะพูดแบบนั้นออกมาเลย เขาใจแคบขนาดที่ต้องแก้แค้นคนอื่นอยู่เสมอเลยเหรอ…
เอ๋าเสี่ยนตะลึง เขาแค่พูดเรื่อง อย่าตัดสินอะไรจากภายนอก เล่นๆ เท่านั้นเอง ทำไมเจ้าหมอนี่ยังไม่จบอีกนะ แล้วเมื่อกี้เขาว่าจะพูดอะไรต่อกันเนี่ย
เอ๋าเสี่ยนรู้สึกว่าเขาโดนไม้ตีอีกรอบตอนที่เขาไม่ระวัง และอารมณ์ของเขาก็สับสนไปหมด
บ้าหรือเปล่า ทำไมจะต้องมาเอาคืนกับเรื่องนี้ด้วย!
แต่เขาไม่มีเวลากับเรื่องนี้แล้ว เอ๋าเสี่ยนจ้องฮุ่นตุ้นเขม็ง “แล้วมันดูดซับหมอกนิลเข้าไปได้อย่างไร”
ไห่กงจื่อมองเขาอย่างใจเย็น “กระดูกของเจ้ามังกรตัวเล็กนี่ทำมาจากธารน้ำสีทอง และมันก็ดูดซับหมอกนิลเข้าไปเพื่อสร้างร่างกายของมัน ครั้งหนึ่งมีผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ของวิเศษแทนร่างกายของเขา และใช้วิญญาณเพื่อสร้างร่างนั้นขึ้นมา แต่สุดท้ายร่างกายของเขาไม่ได้สูญสลายไปเหมือนของวิเศษ ทำให้ร่างเขากลายเป็นอมตะ” ”
หลี่ว์ซู่ตะโกนตอบ “ผมไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย!”
เนี่ยถิงและเฉินจู่อานตะลึงมาก ทำไมหลี่ว์ซู่ไม่รู้เรื่องนี้เนี่ย หลี่ว์ซู่มองเนี่ยถิงและเฉินจู่อานด้วยความสับสน “นาจา!”
เอ๋าเสี่ยนทำตัวไม่ถูก “นาจาหรือ ใครกัน!”
“ก็เขาไง เขาคนนั้น! นาจาฮีโร่ตัวน้อยของเรา ไม่เคยดูการ์ตูนเรื่องนาจามาก่อนเหรอครับ” หลี่ว์ซู่แหย่
เอ๋าเสี่ยนและไห่กงจื่อเงียบ
[ได้รับแต้มจากเอ๋าเสี่ยน +666]
[ได้รับแต้มจาก…]
พวกเขาพูดกันไม่ออกเลย พอมีเรื่องจริงจังขึ้นมาก็ต้องขัดอารมณ์ด้วยมุกตลกเห่ยๆ ตลอดเลยสินะ เฉินจู่อานอยากจะกรี๊ด!
ทันใดนั้นก็มีมีดพุ่งออกมาจากเสื้อคลุมสีดำของเนี่ยถิง!