“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ ตาเฒ่าจงอวี้ถังล่ะ” หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย
โยวหมิงอวี่ยิ้มเขิน “เขาไปรายงานผลงานที่เมืองหลวงแล้ว ดังนั้นฉันจึงมาดูแลงานแทนเขา”
“เขาจะกลับมาเมื่อไหร่” หลี่ว์ซู่ยังรู้ว่าโยวหมิงอวี่นอกจากดูแลตลาดมืดในอวี้โจวแล้วยังดูแลงานมากมาย จะบอกว่าเป็นรองจงอวี้ถังก็ว่าได้ ดังนั้นมาจัดการงานแทนเขาก็พอเข้าใจได้
“ไม่มีกำหนด” โยวหมิงอวี่ยิ้ม
“ฮึๆ ” หลี่ว์ซู่หัวเราะเยาะ “นี่จะหลบหน้าผมใช่ไหม มาอ้างรายงานผลงานอะไร”
“มีเรื่องอะไรก็พูดกับฉันได้เหมือนกัน” โยวหมิงอวี่พูด
“ก็ได้ งั้นผมถามคุณหน่อย เนี่ยถิงจะหาเรื่องผมไปจนถึงที่สุดใช่ไหม! ” สีหน้าหลี่ว์ซู่ดูไม่สู้ดี “ผมแค่บอกว่าเขาถูกฟ้าผ่าแค่นั้น ต้องถึงกับยกเลิกงานประลองเลยเหรอ”
“เรื่องนี้ฉันไม่ค่อยรู้นะแต่บอกตามตรงฉันคิดว่าถ้านายเข้าร่วมการประลองก็ไม่แปลกที่งานจะถูกยกเลิก… ” โยวหมิงอวี่พูด
หลี่ว์ซู่หยิบตรีศูลออกมาและชี้ไปที่โยวหมิงอวี่ “คุณคิดดีๆ แล้วพูดอีกครั้งซิ”
“มีอะไรพูดกันดีๆ ฉันรู้สึกจริงๆ ว่าเรื่องระหว่างนายกับราชันฟ้าเนี่ย นายเป็นฝ่ายผิด” โยวหมิงอวี่ทำหน้าตกใจกลัวมากแต่หลี่ว์ซู่กลับไม่ได้แต้มอารมณ์จากเขาเลย
หลี่ว์ซู่หายใจเข้าลึกๆ และมองไปที่โยวหมิงอวี่อย่างจริงจัง เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขารู้สึกว่าโยวหมิงอวี่แค่สนุกกับกระบวนการนี้และยังอยากจะกวนประสาทเขาด้วย
เหมือนเขาไม่ได้ถูกข่มขู่แต่กำลังสนุกอยู่!
ซึ่งหลี่ว์ซู่ไม่ชอบใจเอาซะเลย
ค่าพลังของเขาตอนนี้สูงจนจงอวี้ถังยังสู้เขาไม่ได้แต่มาเจอคนอย่างโยวหมิงอวี่ หลี่ว์ซู่ไม่อยากจะข่มขู่อีกฝ่ายเลยเพราะกลัวว่าเขาจะไปสรรหาวิธีมาเอาเปรียบเขาแทน
ตาแก่เจ้าเล่ห์ หลี่ว์ซู่เกือบสงสัยว่าจงอวี้ถังให้โยวหมิงอวี่มารับมือเขาโดยเฉพาะ! จะข่มขู่คนที่เป็นมาโซคิสต์ยังไงได้ล่ะ ใครรู้ช่วยบอกที ด่วนมาก!
หลี่ว์ซู่คิดอยู่นานแต่ก็คิดวิธีดีๆ ไม่ออก
คนพิเศษๆ อย่างโยวหมิงอวี่แม้แต่หลี่ว์ซู่ก็ทำอะไรไม่ได้
หลี่ว์ซู่หันหลังแล้วเดินไป โยวหมิงอวี่นั่งลงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาจงอวี้ถัง “ฮัลโหล เขาไปแล้ว วางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไร”
“ฮ่าๆๆ มิน่านายถึงได้อยากมาเจอเขานัก ที่แท้นายรับมือได้นี่เอง” จงอวี้ถังหัวเราะเอิ้กอ้ากพร้อมความรู้สึกได้ปลดปล่อยซักที ในที่สุดเขาก็หาวิธีกำราบหลี่ว์ซู่ได้แล้ว!
อาจารย์ใหญ่วิทยาลัยนี้วันๆ ไม่ได้หายใจหายคอดีๆ เลย ต้องมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของราชันฟ้าเนี่ยและหลี่ว์ซู่ คนที่ลำบากที่สุดก็คือเขา หันไปทางไหนก็ระดับบิ๊กๆ ทั้งนั้น ทางไหนก็ล่วงเกินไม่ได้!
หลี่ว์ซู่กลับมา ยิ่งคิดยิ่งไม่ชอบใจ วันหลังถ้าเจ้าจงอวี้ถังให้โยวหมิงอวี่มารับหน้าเขาตลอด คนที่เสียเปรียบไม่กลายเป็นเขาไปหรอกเหรอ
และปัญหามันเป็นเรื่องระหว่างเขากับเนี่ยถิงจริงๆ จงอวี้ถังไม่มีเกี่ยวอะไรเลย เรื่องนี้ทำให้เขาเดือดร้อนก็ไม่ถูก
แต่ … จงอวี้ถังไปรายงานผลงานที่เมืองหลวงจริงเหรอ หลี่ว์ซู่ยังไงก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
หลี่ว์ซู่กลับไปที่ห้องแล็ปเงียบๆ เฉินจู่อานเห็นสีหน้าเขาก็หยุดเล่นเว็บบอร์ดเพราะกลัวว่าหลี่ว์ซู่จะรู้ว่าเขาไปโพสต์อวย…
ยังไงเสียฉายาใต้เท้าหลี่ว์ก็ถือว่าติดกระแสแล้ว วิทยาลัยทั้งเจ็ดแห่งเริ่มเรียกหลี่ว์ซู่แบบนี้ ชื่อนี้คงลบออกไปไม่ได้แล้ว ชาตินี้ก็คงไม่มีทางลบได้
แน่นอนว่าเบื้องหลังที่น่าตลกของชื่อนี้ก็หมายความว่าทุกคนต่างยอมรับพลังของหลี่ว์ซู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในวิทยาลัยการบำเพ็ญ
หลี่ว์ซู่พูดว่า “นายรออาจารย์คนใหม่ของเราที่นี่นะ ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย”
เฉินจู่อานและคนอื่นๆ ต่างตกใจ” พี่ซู่ พี่จะเดินทางไกลเหรอ”
“ฉันจะไปภูเขาฉางไป๋! ไม่ใช่แค่นั้น จะให้เนี่ยถิงรู้ไม่ได้ ได้ยินมาว่าพลังสมองของเนี่ยถิงพัฒนาไปถึงระดับที่สามารถวิเคราะห์หน้าจอกล้องวงจรนับพันในเวลาเดียวกัน แล้วฉันต้องแปลงโฉมอีกด้วย! ” หลี่ว์ซู่แววตาแฝงจิตสังหาร…
พูดเสร็จหลี่ว์ซู่ก็กลับบ้านไปเก็บของ การเดินทางไปภูเขาฉางไป๋คราวนี้เขาไม่อยากให้มีคนติดตาม ด้านหนึ่งคือจะเปิดเผยการเคลื่อนไหวได้ง่าย อีกด้านหนึ่งคือเขาไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะอันตรายหรือไม่
ในเวลานี้พันธุ์พืชปกคลุมภูเขาฉางไป๋จนดูน่ากลัว หลี่ว์ซู่สงสัยว่าในนั้นจะมีต้นไม้กินคน แต่มันยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาสงสัยว่าของที่ค่ายกลดาบของเนี่ยถิงปกป้องไว้น่าจะมีอันตรายมากๆ
เฉินจู่อานและคนอื่นๆ มองหน้ากัน “พี่ซู่ต้องหลบราชันฟ้าเนี่ยไปแปลงโฉมแล้วแอบเข้าภูเขาฉางไป๋ เรื่องนี้มันเสี่ยงมากเลยนะ! “
“แล้วพวกเราจะทำยังไง” เฉิงชิวเฉี่ยวรู้สึกกังวล
“ไม่ต้องทำอะไร” แววตาของเฉินจู่อานสว่างขึ้น “ทำตามพี่ซู่ไม่ผิดแน่นอน พวกเราจะไปด้วย! “
“แล้วจะทำอย่างไรถ้าพวกเราถูกราชันฟ้าเนี่ยจับได้ มันเท่ากับเปิดเผยความลับของพี่นะ” เฉิงชิวเฉี่ยวถาม
“กลัวอะไร นายก็แต่งเป็นผู้หญิงซิ รับรองไม่มีใครจำนายได้” เฉินจู่อานหัวเราะดังลั่น
เฉิงชิวเฉี่ยวได้ฟังก็ไม่พอใจ “ทำไมฉันถึงแต่งเป็นผู้หญิงด้วย แล้วนายแต่งเป็นอะไร”
“ฉันแต่งเป็นผัวนายเอง! ” เฉินจู่อานหัวเราะ
“ได้ งั้นฉันเป็นแม่หม้าย” เฉิงชิวเฉี่ยวยิ้มเยาะ
เฉินจู่อาน “…”
แล้วในตอนนี้เอง หลี่ว์ซู่ก็ได้รับข้อความจากสือเสวจิ้น เขายืนตกใจอยู่นอกประตู อีกฝ่ายบอกเขาว่าเขาจะต้องอำลาฐานะนักศึกษามาเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยลั่วเสิน สอนหลักสูตรภาคปฏิบัติ
มันเรื่องอะไรกัน ก่อนหน้านี้ยังให้เขาเป็นแค่นักศึกษาออดิทแต่อยู่ๆ ก็ให้เขาเป็นอาจารย์
นี่เป็นเพราะกลัวว่าเขาจะก่อเรื่องก่อราวหรือว่าอะไรกัน หรือว่าเนี่ยถิงยอมสงบศึก หลี่ว์ซู่คิดว่าอย่างหลังไม่น่าเป็นไปได้ ต้องมีคนเสนอความคิดนี้ให้เนี่ยถิง ไปบอกว่าหลี่ว์ซู่มีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาง่ายๆ ไม่น่าถ้าให้ไปเป็นอาจารย์ก็อาจจะทำตัวดีขึ้น อาจจะเป็นไปได้ที่คิดใช้ความเป็นอาจารย์มาผูกมัดพฤติกรรมของเขา ยิ่งกว่านั้นพอเป็นอาจารย์แล้วก็ไม่ส่งผลเสียกับกิจกรรมปกติได้
หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่นานและเขาคิดว่าเป็นไปได้มากที่พอเขารับปากรับตำแหน่ง การประลองของเจ็ดวิทยาลัยอาจจะกลับมาจัดใหม่ก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ว์ซู่ยังเงียบไปชั่วครู่เมื่อเขาเห็นคำว่า “อาจารย์” แล้ววิชาที่เขาทำการสอนคือสาขาการต่อสู้
คอรัลก็อยู่สาขาต่อสู้นี่!
ความรู้สึกของหลี่ว์ซู่ที่มีต่อคอรัลนั้นค่อนข้างซับซ้อน เมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบตนเพราะมันเกี่ยวกับหอกกุงเนียร์และต้นไม้โลก ก็รู้สึกห่อเ**่ยวใจจริงๆ
ตอนนี้ เขาไม่ได้ไปคิดอะไรในแง่ร้ายแล้วแต่ก็ไม่ได้มองด้านดีด้วย เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกกับเขาแล้ว พอมันมาอีกครั้ง เขาก็กลัวว่าจะเป็นการเล่นตลกอีกครั้ง
ตอนนี้ให้เป็นอาจารย์นั้นเป็นไปไม่ได้ เขาต้องเดินทางไปภูเขาฉางไป๋ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!