สำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว สถานที่ที่อันตรายไม่ใช่ว่าไม่อยากไป
ตอนแรกเขาอยากทำลายค่ายกลดาบของเนี่ยถิง ความตั้งใจจริงเป็นเรื่องที่ใสซื่อมากๆ ก็คือต้องการแกล้งเนี่ยถิงเท่านั้น หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาเป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ทุกคนแกล้งก็ต้องจำเอาไว้ ได้รับบุญคุณจากคนอื่นก็ต้องตอบแทน
เขามารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ใสซื่อและไม่ได้ชอบความโดดเด่น ชื่อเสียงอะไร เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาและก็ไม่เป็นปัญหาอะไรกับเขาด้วย
แต่เรื่องตอนนี้ทำให้หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าไม่ใสซื่อแบบนั้นแล้ว แล้วยังมีอันตรายอีกด้วย…ถ้าอย่างนั้นเขาไม่ไปละกัน!
จะหลอกใคร บอกว่าที่นั่นเก็บซ่อนความรักของชนเผ่าโบราณอี๋เอาไว้แล้วต้องเชื่อเหรอ ฉันหลี่ว์ซู่ไม่มีทางเชื่อหรอก!
หลี่ว์ซู่สามารถยืนยันว่านั่นไม่ใช่ข้อความที่เนี่ยถิงส่งมา เพราะหมู่นี้เขาไม่ได้แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิงจึงไม่รู้ว่าเจ้านั้นกำลังยุ่งทำอะไรอยู่ ในเมื่อได้พลังระดับเสินฉังจิ้งแล้ว ก็ควรจะออกไปลุยทั่วสารทิศสิ ทำไมถึงเก็บตัวเงียบขนาดนี้
ถ้าเป็นเขา เขาคิดว่าตัวเองน่าจะออกไปจัดการเจ้าหัวหน้าบาทหลวงพวกนั้นเสีย ยังไงซะตาเท่านั้นก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรฆ่าทิ้งก็ไม่ผิดอะไร
แต่ตอนนี้เนี่ยถิงไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยถึงไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่กันแน่
เดิมหลี่ว์ซู่คิดว่าตัวเองมีฮุ่นตุ้นแล้วลองไปงัดข้อกับเนี่ยถิงดูซะหน่อยไหม แล้วในช่วงเวลาที่หลี่ว์ซู่กำลังมีความฮึกเหิมสามารถสู้กับหลี่อีเสี้ยวสิบคนได้ ในตอนนั้นเองก็มีอะไรมาสะดุดขาเขา
ได้แล้วจากที่ตัวเองต้องเสียเรี่ยวแรงผลักเขตแดนของตราแผ่นดินแต่กลับไปช่วยให้เนี่ยถิงปะทุพลังถึงขั้นเสินฉังจิ้งเสียได้
แต่ตอนนี้มาคิดดูว่าเนี่ยถิงยอมให้เขาเป็นอาจารย์ ก็ถือว่ามีท่าทีไม่เลวนะ
ที่จริงหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่าทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องแข็งใส่กัน ในแง่หนึ่งสาเหตุของเรื่องนี้น่ะมาจากความประสงค์ดีถึงเขาไม่ปรารถนาเป็นราชันฟ้า แต่เอาใจเขามาใส่ใจเราดูแล้วการมอบตำแหน่งราชันฟ้าให้เขาเป็นเรื่องดี แล้วไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้
อีกด้านนึง…หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตัวเองสู้พลังเสินฉังจิ้งไม่ได้
หลี่ว์ซู่กลับไปที่บ้านตัวเอง เฉินจู่อานและเฉิงชิงเฉี่ยวนอนเองอยู่ที่รั้วข้างบ้านต่างตะลึงที่เห็นหลี่ว์ซู่กลับมา พวกเขาสองคนปรึกษากันว่าจะตามหลี่ว์ซู่ไปภูเขาจั่งไป๋ด้วยสักหน่อย
เฉินจู่อานพูดล้อเล่นกับหลี่ว์ซู่ว่า “ลุง คุณกลับมาทำไม”
พูดไปแล้วเฉินจู่อานก็หยิบมือถือขึ้นมาอัดวิดีโอ “ถ้าลุงล้มไปอีก ผมอัดวิดีโอไว้นะ จะโทษผมไม่ได้”
ผัวะ!
หลี่ว์ซู่ตบหลังหัวเฉินจู่อานดังลั่น เฉิงชิวเฉี่ยวชอบอกชอบใจและพูดว่า “บอกแล้วว่าอย่าไปแซวน้องเขา”
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +333!]
หลี่ว์ซู่วิเคราะห์ว่าแต้มสามร้อยสามสิบสามแต้มนี่มีอะไรผิดปกติ ทำไมน้อยอย่างนี้ เขามองเฉิงชิงเฉี่ยว ครึ่งหนึ่งของเฉิงชิงเฉี่ยวเอง
“นายสองคนดูฉันออกได้อย่างไร” หรือทำหน้าเคร่ง พวกเขาดูออกแล้วอย่างชัดเจนไม่อย่างนั้นเฉิงชิวเฉี่ยวไม่มีทางพูดแบบนั้น
เฉินจู่อานยิ้มเจ้าเล่ห์ “อันความเจ้าเล่ห์ร้อยเล่มเกวียนของท่านนั้นไม่มีใครเรียนแบบได้”
“ฉันว่าช่วงนี้นายทนไม้ทนมือดีนะ” พี่พูดเสร็จก็กลับเข้าบ้านไป พอเข้าบ้านก็กลับคืนสู่สภาพเติมของตัวเองและถอดหน้ากากเก็บเข้าไปในตราแผ่นดิน
เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างนอก “พี่ซู่กลับมาแล้ว นายว่าใช่ที่พี่เขาลืมคอรัลนั่นไม่ลงใช่ไหม”
เฉิงชิงเฉี่ยวหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่จู่อาน ฉันว่าพี่ยังโดนตบไม่พอใช่ไหมถึงได้มานินทาลับหลังเขา….ฉันว่าใช่”
“นั่งเงียบๆ ไป” เฉินจู่อานพูดเบาๆ “พวกเราก็เข้าเรียนวิชาเขาด้วยนะ อยากรู้ว่าจะเรียนอะไรบ้าง”
…
เย็นวันนั้น เสี่ยวอวี๋ลากหลี่ว์ซู่ไปซื้อเสื้อผ้า หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจ “เสื้อแขนสั้นฉันมีเยอะแล้ว มีพอใส่”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดว่า “ไม่ได้ นายจะเป็นอาจารย์แล้วต้องใส่ชุดทางการหน่อย จะให้พวกนักศึกษาหัวเราะนายไม่ได้”
เรื่องรับตำแหน่งอาจารย์กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเลย เดิมทีหลี่ว์ซู่ไม่ได้คิดอะไรแต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ดึงดันขอให้เขาอย่าคิดแบบนักศึกษา
ไม่ใช่ว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ชอบที่เขาแต่งตัวไม่ดีเมื่อก่อน แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้สึกว่าในที่สุดเธอก็ได้ทำอะไรซักหน่อยให้กับเรื่องใหญ่ๆ ในชีวิตของหลี่ว์ซู่ได้บ้าง
ก็เหมือนกับตอนที่หลี่ว์ซู่ซื้อรองเท้าขาวที่นักเรียนนิยมใส่กันให้เธอ นั่นเป็นเพราะเขาอยากให้เธอมีชีวิตวัยเด็กเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เพราะบางคนก็สนใจที่มีเสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่
แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่กำลังจะเป็นอาจารย์ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่สนใจสิ่งอื่น แค่หวังว่าได้ทำแบบเดียวกับที่หลี่ว์ซู่เคยทำให้เธอ พอไปถึงห้างสรรพสินค้า หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ลากหลี่ว์ซู่เดินไปทั่วเลย เสื้อเชิ้ตเก่าที่ไม่เหมาะกับหลี่ว์ซู่ในวัยสิบแปดปี รองเท้า
ก็ไม่เหมาะ จะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ใส่บนตัวหลี่ว์ซู่ที่ดูสบายๆ แล้วไม่ค่อยเข้ากันเลย
สุดท้ายก็เลือกเสื้อเชิ้ตแขนสั้นคอปก ปกเสื้อเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก พอมีปกเสื้อทุกอย่างก็ดูทางการขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าปกเสื้อที่สีสันสดใสที่ไม่ใช่เทรนหลักนั้นไม่นับ หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้ชอบใส่แบบนั้น
ราคาเสื้อผ้าไม่ถูกเสียด้วย ป้ายราคาบอกว่าหกร้อยเก้าสิบเห้าหยวน เมื่อก่อนเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของหลี่ว์ซู่ราคาแค่แปดสิบแปดหยวน พอหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ต่อรองราคาก็ลดไปที่หกสิบหกหยวน
แต่คราวนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ต่อราคา พนักงานขายยิ้มและพูดว่า “พวกคุณเลือกดูเสื้อผ้าแถวข้างๆ นี้ได้นะ ราคาลดพิเศษทั้งนั้น”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปฏิเสธอย่างใจเย็น “ฉันซื้อเสื้อผ้าให้เขาไม่จำเป็นต้องลดราคา”
พนักงานขายอึ้งไปพักหนึ่ง หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติแล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ชอบต่อราคามากที่สุดเลยนี่
แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋แล้ว เธอรู้สึกว่าหากลดราคาลงเหมือนน้ำใจของเธอก็ลดลงไปด้วย
เมื่อหลี่ว์ซู่ตอบรับโยวหมิงอวี่ว่าตนยินดีรับตำแหน่งอาจารย์ประจำวิชาแล้ว โยวหมิงอวี่ก็ย้ำแล้วย้ำเล่าว่าถ้าเป็นอาจารย์แล้วจะไม่สามารถกลับไปเป็นนักเรียนได้อีก หลี่ว์ซู่ก็เข้ารับปาก
หลังจากได้รับการยืนยันจากหลี่ว์ซู่ เครือข่ายฟ้าดินก็ประกาศในเว็บไซต์ว่า การประลองระหว่างเจ็ดวิทยาลัยจัดขึ้นตามกำหนด
พอหลี่ว์ซู่เห็นประกาศ เขาก็เงียบไปนานเลย ความรู้สึกนี้เหมือนมีคนบอกกับเขาว่า คุณแน่ใจว่าจะไม่เป็นนักเรียนแล้วใช่ไหม ผมให้คุณยืนยันว่าคุณจะไม่ใช่นักเรียนอีกใช่ไหม ดี เอาล่ะ งั้นพวกเรามาจัดงานประลองระหว่างนักเรียนกันต่อ
หลี่ว์ซู่ถึงกับเซ็ง…
และเวลาเดียวกันที่มีการออกประกาศนี้ออกไป เว็บบอร์ดของวิทยาลัยการบำเพ็ญก็แทบระเบิด ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่าที่งานถูกยกเลิก สาเหตุมาจากใต้เท้าหลี่ว์หรือเปล่า แต่พอใต้เท้าหลี่ว์เข้ารับตำแหน่งอาจารย์ งานก็ถูกจัดอีกครั้ง
ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับใต้เท้าหลี่ว์เลย คงมีแต่ผีเท่านั้นที่เชื่อ!
“ใต้เท้าหลี่ว์ เยี่ยมยอดๆ! “
“ใต้เท้าหลี่ว์สุดยอด!”
“ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้เจอกับผู้ที่มีอำนาจสามารถเปลี่ยนแปลงกิจกรรมของวิทยาลัยได้ ต้องเขียนลงประวัติศาสตร์วิทยาลัยผู้บำเพ็ญแล้ว! “
“ฤดูร้อนปี 2011 ใต้เท้าหลี่ว์ใช้ความเป็นมาเฟียกวาดล้างทั้งวิทยาลัย วิทยาลัยจึงสั่งยกเลิกการประลอง เพียงไม่กี่วัน วต้เท้าหลี่ว์เข้ารับตำแหน่งอาจารย์ประจำวิชาการต่อสู้ภาคปฏิบัติ การประลองจึงกลับมาจัดอีกครั้ง ขออวยพรใต้เท้าหลี่ว์จงเจริญ ปกครองใต้หล้า…”