ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 779 วิกฤตทั่วโลก

 

 

 

ณ ตรอกหลิงจิ้ง เมืองหลวง  

 

 

สือเสวจิ้นนั่งอยู่ข้างเนี่ยถิง ตอนนี้เนี่ยถิงกำลังหลับตาทำสมาธิเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพลังในร่างกาย ตอนนี้เขาสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้แล้วแต่เมื่อเคลื่อนย้ายพลังจิตวิญญาณในร่างก็จะทำให้เกิดพลังต้านกฎธรรมชาติต่อโลกซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน  

 

 

“ไม่รู้ว่าบ้านเราจะสร้างเสร็จเมื่อไหร่” สือเสวจิ้นเป็นห่วง “เมื่อวานเพิ่งจะทำฐานบ้านเสร็จ ถ้าจะสร้างให้เหมือนแบบเดิมก็ต้องจ้างวิศวกรมาออกแบบใหม่ คนงานและวิศวกรคุมงานก็ต้องหาที่เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย แล้วนายไม่รู้ว่าหมู่นี้ราคาวัสดุก่อสร้างขึ้นราคาอีก”  

 

 

เนี่ยถิงนั่งหลับตาและหนังตากลับกระตุกอยู่ตลอดและไม่พูดอะไรจนกระทั่งสองชั่วโมงให้หลังเนี่ยถิงจึงพูดขึ้นว่า “นายควรจะไปคุมงานอยู่ที่ตรอกหลิวไห่ไม่ใช่หรือ”  

 

 

“ฉันต้องมาคิดบัญชีนี้กับนายไม่อย่างนั้นวันหลังนายทำบ้านพังอีก แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร” สือเสวจิ้นพูด “จะบอกอะไรให้ ฉันคิดมาดีแล้ว ครั้งนี้จะออกแบบบ้านให้เล็กหน่อย”  

 

 

เนี่ยถิงพูดว่า “ไหนว่าครั้งนี้ใครเป็นผู้ส่งข้อความให้องค์กรใหญ่ทั่วโลก ทำไมราชันฟ้าแต่ละคนได้รับข้อความแบบเดียวกันแม้แต่องค์กรต่างประเทศต่างๆ ก็ยังเหมือนกัน ที่บอกว่าในภูเขาจั่งไป๋สามารถพบความลับของเผ่าโบราณอี๋”  

 

 

สือเสวจิ้นนิ่งไป “ไม่รู้สิ…มาพูดเรื่องแบบของห้องนอนหลับก่อน”  

 

 

เนี่ยถิงมองสือเสวจิ้นดูใบหน้านิ่งเฉย จากนั้นสือเสวจิ้นจึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คนบงการเบื้องหลังครั้งนี้บอกว่ามีความลับของชนเผ่าโบราณอี๋ซ่อนอยู่ในภูเขาจั่งไป๋ นายคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่อีกฝ่ายจะพูดส่งเดช เพื่อมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่อยู่ในภูเขาจั่งไป๋ท่านนั้น”  

 

 

“เป็นไปไม่ได้ ค่ายกลดาบยังคงอยู่ก็แสดงว่ายังไม่มีใครเข้าไป จึงไม่น่าจะมีคนรู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน” เนี่ยถิงปฏิเสธ “แผนนี้มันกะทันหันเกินไปจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”  

 

 

“งั้นคอยดูสถานการณ์ไปละกัน” สือเสวจิ้นพูด “บางทีอาจจะพุ้งเป้ามาที่นายก็ได้”  

 

 

เพราะตอนนี้เนี่ยถิงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับของโลกการบำเพ็ญ องค์กรต่างๆ จะระแวดระวังเขาก็ไม่แปลกถ้าทุกคนยังไม่สามารถเลื่อนสู่ขั้นเสินฉังจิ้นในเวลาสั้นๆ นี้ บางทีการร่วมมือกันกำจัดเนี่ยถิงอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด  

 

 

แต่ปัญหาคือจะมียอดฝีมือระดับ A ซักกี่คนที่สามารถสังหารยอดฝีมือระดับเสินฉังจิ้ง แต่ละองค์กรต่างไม่ค่อยมั่นใจ  

 

 

“นอกจากมีขนมั่นใจว่านายจะไม่ออกโรงถึงไม่เห็นนายอยู่ในสายตา ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของนายจะยอมทนให้คนอื่นล่วงเข้ามาในเขตตัวเองได้อย่างไรและเข้าไปที่ภูเขาจั่งไป๋” สือเสวจิ้นพูด “ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ฐานะของผู้บงการเบื้องหลังก็มีเพียงคนเดียว”  

 

 

เนี่ยถิงขมวดคิ้ว “ปรมาจารย์หุ่นเชิด”  

 

 

ปรมาจารย์หุ่นเชิดมาจากดินแดนเนรเทศ ด้วยข้อมูลในตอนนี้สถานที่นั้นมีพลังที่สูงกว่าโลก ดังนั้นพวกเขาเคยสมมุติเอาไว้ว่าสาเหตุที่ปรมาอาจารย์ปกป้องโลกเอาไว้ก็เพราะเขารู้ว่าถ้าหากโลกแตกสลายจะเกิดอะไรขึ้น  

 

 

แต่สิ่งที่ปรมาจารย์หุ่นเชิดกลัวยังไม่มีเพียงเท่านี้ เช่นพวกเขาอาจจะรู้ว่าพลังเสินฉังจิ้งอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่ไม่สามารถใช้พลังบนโลกนี้ได้  

 

 

แต่ถ้าเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิดทุกคนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากเพราะไม่มีใครว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่  

 

 

เพื่อกำจัดหลี่เสียนอี ก็อาจเป็นไปได้เพราะพวกเขาบอกว่าที่นี่มีความลับของชนเผ่าอี๋และนั่นเป็นสิ่งที่มูลนิธิให้ความสนใจที่สุด  

 

 

หรือเพื่อสังหารเนี่ยถิง ก็อาจเป็นไปได้  

 

 

“เพิ่มระดับการเฝ้าระวัง” เนี่ยถิงพูด “ถ้าพวกเขากล้าล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่จริงๆ ก็เตรียมตัวดับสูญได้เลย  

 

 

“เดี๋ยวก่อน” สือเสวจิ้นนิ่งอึ้งไป”นายจะไม่ลงมือเองใช่ไหม นายอย่าใช้วิธีนั้นเด็ดขาดนะหนทางนี้ยังอีกไกล…”  

 

 

“นายไปปรึกษาปู่เฉินสักหน่อย” เนี่ยถิงส่ายหน้าไม่ได้ตอบคำถามนี้ตรงๆ แต่เปลี่ยนหัวเรื่องไปเป็น “นายไปบอกปู่เฉินว่าอย่าเพิ่งพลัง เครือข่ายฟ้าดินต้องการพลังระดับ A ของท่านบางทีทำเช่นนี้อาจจะถ่วงเวลาค้นหาเส้นทางของท่านเพราะการให้ท่านหยุดอยู่ในระดับพลังนี้ แต่หลังจากวิกฤตผ่านพ้นไปเครือข่ายฟ้าดินจะช่วยเหลือท่านเลื่อนพลังอย่างเต็มที่ หวังว่าท่านจะเข้าใจ”  

 

 

สือเสวจิ้นถอนหายใจ “ที่จริงเมื่อวานท่านพูดกับฉันแล้วกินแล้ว ท่านยอมหยุดอยู่ที่ระดับพลังนี้ ยอมเฝ้าระวังให้เครือข่ายฟ้าดินต่อไปอีกหกสิบปีก็ไม่เป็นไรหกสิบปีนี้ก็ถือว่าสิ้นอายุขัยเขาแล้ว  

 

 

ตอนนี้ถ้าเฉินไป๋หลี่มุ่งมั่นเดินพลังไปสู่เสินฉังจิ้งละก็ ยอดฝีมือระดับสูงกว่าระดับ A ของเครือข่ายฟ้าดินก็จะขาดแคลนลงทันที แต่เฉินไป๋หลี่เข้าใจและเขายินดีหยุดพลังไว้และเฝ้าปกป้องต่อไป แต่ทำเช่นนี้จะมีผลเสียต่อเขาเองเพราะเขาเลื่อนขั้นสู่ระดับ Aก็ตอนที่อายุมากแล้ว ถ้าไม่เลื่อนพลังต่อไปก็อาจจะสิ้นอายุขัยก็ได้ ตอนนี้การเลื่อนขั้นเป็นระดับ Aจะเพิ่มอายุขัยไปอีกหกสิบปีแต่ถ้าเสียโอกาสเช่นนี้ต่อไปอีกไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เลื่อนพลังสู่เสินฉังจิ้งหรือไม่  

 

 

มันเป็นเรื่องของการเสียสละและการแสวงหาหนทางอันยิ่งใหญ่ซึ่งเฉินไป๋หลี่เลือกอย่างหลัง  

 

 

“เฉินไป๋หลี่บอกว่าพวกเราไม่ต้องเป็นห่วงไป และไม่ต้องคิดมาก ที่เขาอยากเรียนพลังสู่เสินฉังจิ้งก็เพราะไม่ค่อยชอบกันแบ่งพลังแบบเอบีซี ตอนนี้ในเมื่อต้องการเขาให้เขาอยู่ที่ระดับ Aก็ไม่เป็นไร” สือเสวจิ้นถอนหายใจ “เมื่อวานท่านพูดกับฉันว่าพวกเราต่างต้องตาย แต่ตายเพื่อชาตินั้นสรรเสริญ  

 

 

ต่างต้องตายแต่ตายเพื่อชาตินั้นน่าสรรเสริญ ความหมายก็คือ ในเมื่อต่างต้องตายเหมือนกันตายเพื่อประเทศชาติย่อมดีกว่า  

 

 

เนี่ยถิงพูดกับสือเสวจิ้น”นายว่ายังไงล่ะ”  

 

 

สือเสวจิ้น “ฉันก็พูดว่า สุโกย… จากนั้นเขาบอกว่าอย่าใช้ภาษาญี่ปุ่นชมเขา…”  

 

 

ตอนนี้เนี่ยถิงและสือเสวจิ้นต่างไม่รู้ว่าแม้แต่หลี่ว์ซู่ก็ได้รับข้อความแบบเดียวกัน แต่ในขณะที่ทุกคนต่างเตรียมความพร้อม หลี่ว์ซู่แทบไม่มีความคิดจะเดินทางไปที่นั่นเลย  

 

 

มันเป็นแผนการที่เป็นกลอุบายชัดๆ คนอย่างหลี่ว์เสี่ยวซู่ไม่มีทางหลงกลแน่นอน  

 

 

ในตอนนี้หลี่ว์ซู่เพิ่งปิดหน้าจอมือถือและเตรียมไปร้องเพลงดวงดาว แต่เขาก็เห็นเสี่ยวซยงสวี่เดินแบบหนังสือทำหน้าหมดอาลัยตายอยากกลับเข้ามา หลี่ว์ซู่ เห็นก็สงสัย “ให้นายออกไปเล่นสิบนาที นายออกไปทีหนึ่งชั่วโมงกว่า ไปไหนมา”  

 

 

เสี่ยวซยงสวี่ก้มหน้าลง ใบหน้าเศร้าสร้อยเจ็บใจและไม่ตอบอะไร  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสี่ยวซยงสวี่มีท่าทางแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คงไม่ได้ไปถูกรังแกมาใช่ไหม หลี่ว์ซู่จึงรีบถาม “แกเป็นอะไรหรือ”  

 

 

เสี่ยวซยงสวี่ “เจ็บใจ! “  

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไป ” ทำไมเจ็บใจ”  

 

 

“ขายคอยน์ครั้งแรก ก็มีสต๊อกไม่พอซะแล้ว! เจ็บใจจนหายใจไฟ้ออก! ” เสี่ยวซยงสวี่เขียนตอบ  

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นคำว่าไฟ้ออกก็นิ่งไปนานจากนั้นก็มีสีหน้าเคร่งเครียด “สำเนียงของแกนี่แก้ไม่ได้แล้วใช่ไหม! “  

 

 

เสี่ยวซยงสวี่ไม่ได้เล่าว่าคอรัลถามอะไร หลี่ว์ซู่จึงไม่รู้ว่ามันออกไปลอบเข้าฝันของคอรัล มันเป็นความลับระหว่างคอรัลและเสี่ยวซยงสวี่ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset