ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 824 การจับตัวและคำปฏิเสธ

หลี่ว์ซู่ตกใจมากที่เห็นมารโลหิตปรากฏตัวที่นี่ เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนเหล่าปรมาจารย์หุ่นเชิดล้อมรอบเขาไว้อยู่…

 

 

แล้วพยัคฆ์จื๋อล่ะ เขาอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า หลี่ว์ซู่มองไปรอบๆ แต่เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาไม่เคยเห็นหน้าพยัคฆ์จื๋อมาก่อน เขาก็เลยไม่รู้ว่าจะมองหาใครดี

 

 

เขารู้ว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดมาที่โลกเพื่อรวบรวมเหล่าสมุนให้กับราชาของพวกเขา ปลาเล็กสีขาวที่ฮุ่นตุ้นกินไปและมารโลหิตก็เป็นหนึ่งในพวกสมุนเช่นกัน ตอนแรกมารโลหิตดูเหมือนจะไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเขา พวกปรมาจารย์หุ่นเชิดจะเป็นพวกที่ภักดีกับราชามากที่สุด แต่คนอื่นไม่ต้องแสดงความภักดีมากก็ได้

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังคิดว่าคลาวด์อีทำให้เขาเจอปัญหามากมายเหลือเกิน หรือเธอกำลังพยายามทำให้เขาทำงานเยี่ยงทาสจนตัวตายให้กับราชาไร้ประโยชน์คนนั้นกันนะ

 

 

คลาวด์อีเห็นศักยภาพอะไรในตัวเขาหรือเปล่า หลี่ว์ซู่เป็นถึงราชันฟ้าคนที่เก้า และท่วงท่าวิชากระบี่ของเขาก็เก่งมากขนาดนี้ เอ่อ… อย่างน้อยหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าตัวเองเก่งใช้ได้ล่ะนะ

 

 

แต่ถ้าปรมาจารย์หุ่นเชิดคิดแบบนั้น พวกเขาก็มาหาผิดคนแล้วล่ะ หลี่ว์ซู่จะไม่ทำงานให้ใครจนตัวตายหรอก

 

 

นี่เป็นธรรมชาติของหลี่ว์ซู่ เขาทำงานหรือจะอยู่ในบ้านของใครก็ได้ แต่เขาก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ออกไปจากสภาพที่เป็นอยู่ของเขาให้ได้ หลี่ว์ซู่ไม่เคยพอใจในสถานการณ์แบบนั้นเลย ชีวิตที่เขาต้องการก็คือชีวิตที่ไม่มีใครมาควบคุมเขาได้ ซึ่งนิสัยของเขาตรงนี้ทำให้เขาลังเลที่จะเข้าร่วมกับเครือข่ายฟ้าดินในตอนแรก

 

 

ไม่ว่าราชาคนนั้นจะเก่งมากขนาดนั้น ถึงขนาดแข็งแกร่งกว่าเสินฉังจิ้งก็ตาม หลี่ว์ซู่ไม่ต้องการขายชีวิตให้ใครแน่ แล้วราชาจะทำอะไรได้ล่ะ

 

 

ละครกำลังภายในก็มีขึ้นมีลงทั้งนั้น หลี่ว์ซู่เริ่มคิดแล้วว่าจะปฏิเสธปรมาจารย์หุ่นเชิดอย่างไรโดยไม่เสียน้ำใจมากที่สุดหากพวกเขาต้องการตัวเขาจริงๆ

 

 

แล้วจะพูดยังไงล่ะเนี่ย หลี่ว์ซู่ปวดหัวไปหมด…

 

 

แต่ดีนะที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ฟังเขา และกลับไปรอเขาที่ค่ายเครือข่ายฟ้าดินในภูเขาจั่งไป๋ก่อน ไม่อย่างนั้นเธออาจจะเข้าไปทะเลาะกับปรมาจารย์หุ่นเชิดพวกนี้ก่อนที่เขาจะเจอผู้ควบคุมแน่

 

 

ถ้าพยัคฆ์จื๋อไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย มีแต่คลาวด์อีและมารโลหิตเท่านั้น ก็ทำให้ระดับพลังของพวกเขาลดลงมาแค่ระดับ B เท่านั้น พวกเขาอาจจะหยุดหลี่ว์ซู่ไว้ไม่ได้ถ้าเขาวิ่งหนีไป เพราะเขามีฮุ่นตุ้นที่เป็นระดับ A อยู่กับเขา

 

 

และฮุ่นตุ้นของเขาก็เชื่อถือได้มากเสียจริง

 

 

ฮุ่นตุ้นนอนทั้งวัน บางทีก็ปลุกให้ตื่นได้ บางทีก็ไม่ได้…

 

 

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือถ้าเขามัวแต่มาเสียเวลาต่อสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดทั้งสอง เขาก็คงไม่มีเวลาหาตัวผู้ควบคุม

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดไม่ได้วางแผนไว้ อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเขาที่มีต่อปรมาจารย์หุ่นเชิดเปลี่ยนไป แน่นอนว่ายังมีเรื่องอื่นๆ ให้กังวล ผู้ควบคุมคนนี้หลบอยู่ในมุมมืดมาตลอด แล้วเขาจะปรากฏตัวขึ้นมาง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

 

 

มารโลหิตดึงกระบี่ยาวออกมาจากศพของผู้บำเพ็ญลับและเก็บใส่ฝัก อย่างกับว่าผู้บำเพ็ญลับโดนดูดพลังทั้งหมดและล้มลงไปในกองเลือด มารโลหิตยิ้มและมองมาทางหลี่ว์ซู่ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของคลาวด์อีแล้วเขาก็ทำหน้าตาเย็นชา ราวกับว่าไม่พอใจที่เขาต้องไปคนลงมือฆ่า

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่ามารโลหิตไปหลบมาอยู่ที่ไหน เขาน่าจะหลบอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้บำเพ็ญลับพวกนี้ และตอนที่เขาโจมตีออกไปก็ทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก

 

 

หลังจากมารโลหิตฆ่าคนเสร็จ เขาก็เก็บอาวุธเข้าไปเหมือนเดิม เขาพูดขึ้นมาเสียงเรียบ “ผู้บำเพ็ญลับจะต้องร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นพวกแกก็จะโดนองค์กรใหญ่ๆ เอาเปรียบไปทั้งชีวิตนั่นแหละ”

 

 

แล้วเขาก็เดินไปทางต้นไม้ใหญ่และนั่งลงใต้ต้นไม้ ต้นไม้นั้นอยู่ห่างจากหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ ไปหลายเมตร ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากเสวนากับคลาวด์อีเท่าไหร่

 

 

ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็เห็นว่ามารโลหิตที่เมื่อกี้นั่งพักใต้ต้นไม้หายตัวไปแล้ว เขาไม่รู้ว่ามารโลหิตหายไปไหน และพวกผู้บำเพ็ญลับทั้งหลายก็ไม่ได้สังเกตด้วย

 

 

ปรมาจารย์หุ่นเชิดมีความสามารถแปลกๆ ซ่อนไว้มากเกินไป

 

 

หลังจากที่พวกปรมาจารย์หุ่นเชิดมาปรากฏตัวบนโลก ก็ทำให้โลกนี้อ่อนแอลง อ่อนแอลงมาก

 

 

ไม่ใช่ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากหรอกนะ แต่ความสามารถของพวกเขามีหลายระดับมากๆ ถ้าโลกนี้มีผู้บำเพ็ญที่มีวิชาอยู่สิบอย่าง พวกเขาก็มีกันเป็นร้อย พวกเขามีความสามารถมากกว่าและรู้อะไรมากกว่าด้วย

 

 

มารโลหิตยืนอย่างเงียบๆ ในเงามืดของป่า เขาดูประหม่าเล็กน้อย พยัคฆ์จื๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเคร่งขรึม เขามองดูพวกผู้บำเพ็ญลับจากที่สูง

 

 

พยัคฆ์จื๋อพูดขึ้นมาว่า “อย่าเพิ่งจงใจอวดตัวเองเลย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ฆ่าผู้บำเพ็ญลับไปสักสองสามคนก็ไม่ช่วยให้นายดูมีประโยชน์ขึ้นมาหรอก เอาเรื่องที่วางแผนไว้ทีหลัง ตอนนี้พยายามไปก็ไม่ได้อะไร ความคิดของราชาไม่ใช่อะไรที่นายจะเข้าใจได้ง่ายๆ ”

 

 

มารโลหิตก้มหัวลงแล้วตอบกลับ “ครับ เข้าใจแล้ว”

 

 

“ฉันรู้ว่านายต้องการอะไร” พยัคฆ์จื๋อเหลือบมองมารโลหิตที่เป็นคนใจดีมาตลอดแต่ตอนนี้เขากลับดูเอาแต่ใจ “เดี๋ยวนายก็ได้สิ่งที่เป็นของนายอยู่แล้ว รอราชาของเรากลับมาก่อนเถอะ เราจะได้บอกไปว่านายทำอะไรไว้บ้าง เดี๋ยวเขาก็จะตกรางวัลให้เอง ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”

 

 

“เข้าใจแล้วล่ะครับ” มารโลหิตก้มหัวลงต่ำไปเรื่อยๆ แต่ก็มีนัยน์ตาของเขาฉายแววตื่นเต้นซ่อนอยู่ในนั้น

 

 

วิญญาณโลหิตของเขาถูกพยัคฆ์จื๋อควบคุมอยู่และเขาก็ต้านพลังไม่ได้ แต่เขาก็คิดได้ว่าหนทางข้างหน้ามีผลประโยชน์และชัยชนะรออยู่ อิสระของเขาจึงกลายเป็นเรื่องรองไป

 

 

ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง และมารโลหิตก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

 

 

 

 

ค่ายหลังพยัคฆ์

 

 

เครือข่ายฟ้าดินย้ายฐานมาที่นี่ สมาชิกหลายคนพบว่าทีมขนส่งกำลังสร้างป้อมปราการขนาดยักษ์ในค่ายขนาดใหญ่นี่…

 

 

เมื่อก่อนพวกเขาทำได้แค่สร้างป้อมปราการแบบง่ายๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป เพราะมีสมาชิกของทีมขนส่งมาถึงที่ค่ายกันเยอะกว่าเดิม ทีมใหญ่นี้ประกอบไปด้วยผู้มีพลังธาตุโลหะ ธาตุดิน ธาตุไฟ และอื่นๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีแผนใหญ่อยู่ในหัว

 

 

ไม่มีองค์กรใดในโลกจะมีทีมขนส่งที่ใหญ่มากไปกว่านี้แล้ว

 

 

เครือข่ายฟ้าดินเลือกผู้บำเพ็ญระดับต่ำๆ มาอย่างเช่นระดับ E และระดับ F เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยและหน่วยขนส่ง พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากในสนามรบ ถึงแม้จะเป็นประเภทธาตุก็ตาม พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอในด้านการต่อสู้ระยะประชิด และไม่มีวิชาที่เพียงพอในการต่อสู้ระยะไกลเช่นกัน เพราะฉะนั้นหน่วยรักษาความปลอดภัยและหน่วยขนส่งจึงเป็นตำแหน่งที่เหมาะที่สุดสำหรับพวกเขา

 

 

องค์กรใหญ่อื่นๆ ต้องการที่จะมีทหารที่ใช้เป็นวัตถุในการสงครามจำนวนมาก ผู้บำเพ็ญระดับ E และระดับ F ไม่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มฟีนิกซ์ได้ด้วยซ้ำ

 

 

แต่เครือข่ายฟ้าดินไม่ต้องการชัยชนะโดยการแลกด้วยชีวิตคนจำนวนมาก พวกเขาก็เลยแจกจ่ายงานให้สมาชิกตามความสามารถ

 

 

โครงสร้างของป้อมปราการขนาดใหญ่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว เครือข่ายฟ้าดินต้องการจะสร้างป้อมปราการที่แข็งแกร่งไว้ที่นี่ เพื่อต้อนรับศัตรูของพวกเขา

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset