ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 830 บทสรุปที่สมบูรณ์แบบ

หลี่ว์ซู่คิดคำนวณอย่างละเอียด มีรถขนส่งทั้งหมด 31 คัน หมายความว่ามีดาบอยู่ทั้งหมดอย่างน้อยหมื่นเล่ม ถ้าอาวุธเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือขององค์กรใหญ่ๆ คงจะสร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้เครือข่ายฟ้าดินแน่นอน  

 

 

เขาจะต้องปล้นสะดมอาวุธพวกนี้มาให้ได้ถ้าเขาอยากจะปกป้องสหายร่วมรบของเขา! ทั้งหมดนี่ก็เพื่อเครือข่ายฟ้าดิน!  

 

 

ฟังดูเข้าท่าเป็นที่สุด! หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมาก…  

 

 

เพราะฉะนั้นการเอารถขนส่งทั้งหมดนี่ยัดเข้าไปในตราแผ่นดินท่ามกลางความโกลาหลตอนนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว คลังเก็บของไร้รูปไม่ได้มีอยู่เยอะมากในโลกนี้ ผู้บำเพ็ญ 99% ของทั้งโลกยังไม่เคยเห็นของจริงเลย พวกเขาไม่รู้กันหรอกว่าคลังเก็บของไร้รูปทำงานอย่างไร  

 

 

อีกอย่างคลังเก็บของไร้รูปก็มีขีดจำกัดของมันด้วย ไม่มีใครบ้าเอารถขนส่งยัดลงไปมาก่อน…  

 

 

เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็เลยจึงเคลื่อนตัวไปพร้อมกับฝูงชนที่วุ่นวายจนกระทั่งเขาใส่รถบรรทุกขนส่งคันที่ 14 เข้าไปในตราแผ่นดินก่อนที่จะมีใครเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  

 

 

รถบรรทุกขนส่งหายไปไหนนะ รถคันใหญ่พวกนั้นน่ะ!  

 

 

มีคนรีบโทรหาผู้บังคับบัญชาของพวกเขาเพื่อรายงานเรื่องนี้ เขาละล่ำละลักพูดออกไปทางโทรศัพท์ “รถบรรทุกหายไปแล้ว!”  

 

 

ผู้บังคับบัญชาคนนั้นตอบกลับอย่างงงๆ “หาย รถอะไรหายไปนะ”  

 

 

“ไม่ใช่ครับ! ผมหมายถึงว่าดาบหายไปแล้ว!” คนรายงานตอบ  

 

 

ผู้บังคับบัญชายิ่งงหนักกว่าเดิม “แล้วอะไรหายไปกันแน่ รถหายหรือว่าดาบหาย”  

 

 

“ทั้งรถทั้งดาบเลยครับ! หายไปหมดเลย…”  

 

 

ผู้บังคับบัญชาพูดไม่ออก  

 

 

เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ถ้าดาบโดนขโมยไปก็ยังจะพอเข้าใจได้อยู่ แต่หายไปทั้งรถบรรทุกเลยเนี่ยนะ!  

 

 

เมื่อเขารายงานเรื่องนี้ให้ฟรานเชสโกทราบ หน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดขึ้นทันที “มียอดฝีมือที่มีคลังเก็บของไร้รูปอยู่ในหมู่พวกเราที่ฐานขนส่ง!”  

 

 

ฟรานเชสโกรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายแน่ เพราะแม้แต่คลังเก็บของไร้รูปของเขาเองก็ใส่รถบรรทุกไปได้แค่สองคันเท่านั้น แต่ชายคนนี้กลับใส่ไปได้ตั้ง 14 คันงั้นเหรอ…  

 

 

จากนั้นเขาก็ได้รับสายอีกสายที่โทรมารายงานว่ารถคันที่ 15 หายไปอีกคันแล้ว…  

 

 

ฟรานเชสโก้สูดหายใจเข้าลึก “หามันให้เจอแล้วฆ่ามันทิ้งซะ!”  

 

 

หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในป่าลึกตามเดิม บริเวณนี้ถูกกลุ่มแก่นความเชื่อปิดผนึกไว้หมดแล้ว และไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้  

 

 

และสมาชิกกลุ่มแก่นความเชื่อเองยังถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ไปในบริเวณใจกลางอีกด้วย มีแต่ฟรานเชสโกและลูกน้องคนสนิทเท่านั้นที่ขนศพของผู้บำเพ็ญลับเข้าไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั่น  

 

 

แต่ผู้คนก็เห็นว่าหัวหน้านักบวชและฟรานเชสโกทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่กลับมาจากสวนศักดิ์สิทธิ์  

 

 

…  

 

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่วิ่งไปที่รถคันที่ 16 เขาได้ยินเสียงตะโกนตามหลังเขามา จากนั้นทุกคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็เดินออกห่างไปจากรถบรรทุกขนส่ง  

 

 

ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้แล้วว่ารถหายไปได้อย่างไร เพราะฉะนั้นทุกคนจะต้องถอยออกห่างจากบริเวณรถขนส่งให้หมดเพื่อไม่ให้เสียรถขนส่งไปมากกว่านี้  

 

 

ไม่ใช่ว่ากลุ่มแก่นความเชื่อทำงานกันช้ากันหรอก แต่หลี่ว์ซู่เคลื่อนไหวกว่ามากต่างหาก หลังจากที่รถคันแรกหายไปถึงตอนนี้ก็ผ่านไปแค่สองนาทีเท่านั้น…  

 

 

อีกอย่างหลี่ว์ซู่ก็รู้ว่าพวกหัวหน้าของกลุ่มแก่นความเชื่อหรือกระทั่งอาจจะเป็นหัวหน้าบาทหลวงเองเลยก็ได้กำลังมุ่งหน้ามาที่พวกเขาอยู่  

 

 

เพราะอาวุธเวทมนตร์ที่เก็บไว้ในรถขนส่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อพวกเขามาก และพวกเขาปล่อยให้แผนพังไปไม่ได้  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ต้องการจะขโมยไปให้หมดทุกคันรถเลยน่ะสิ…  

 

 

ในเมื่อพวกเขารู้แผนของหลี่ว์ซู่แล้ว เขาจะใช้วิธีเดิมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขารู้สึกว่าเขาทำดีมากแล้วสำหรับงานสายลับนี้ และงานนี้ก็น่าจะจบลงด้วยดี  

 

 

อาวุธทั้งหมดจะถูกส่งไปที่ฐานอยู่แล้ว เขาสามารถรอก่อนและค่อยจัดการทีหลังก็ได้  

 

 

ด้วยเหตุนี้หลี่ว์ซู่จึงตัดสินใจที่จะอยู่เงียบๆ เพื่อให้การซุ่มนี้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น  

 

 

แล้วตอนนั้นเองก็มีสมาชิกของกลุ่มแก่นความเชื่อหันมาหาหลี่ว์ซู่และพูดอะไรบางอย่างกับเขา เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ชายคนนั้นก็ยังรอให้หลี่ว์ซู่ตอบกลับอยู่  

 

 

หลี่ว์ซู่พูดไม่ออก  

 

 

แย่จัง ผู้ชายคนนั้นก็ยังรอเขาตอบอยู่อีก  

 

 

“ฉันจะฆ่าคนที่เปิดเผยตัวตนของฉัน ทำไมไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้กันนะ” หลี่ว์ซู่พูดขึ้นมาและรู้สึกสงสารผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเส้นของกระบี่เฉวียอินก็ทำให้ร่างของผู้ชายคนนั้นระเบิดเหมือนพายุทอร์นาโดสีเทา!  

 

 

 

 

 

เส้นพวกนั้นบินโฉบอยู่รอบตัวเขา จากนั้นมันก็แผ่ออกไปด้านนอกหมายจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง!  

 

 

หน้าของหลี่ว์ซู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา เขาเอามือแตะไปที่รถขนส่งคันที่ 16 ในตอนที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ จากนั้นรถก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย  

 

 

ผู้คนกระหายความจริง แต่บางครั้งพวกเขาก็ไม่สมควได้รู้มัน  

 

 

จากนั้นก็ท่อระบายน้ำทั้งหมดที่อยู่บนพื้นก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กระแสน้ำนั้นพุ่งขึ้นมาจากท่อระบายน้ำอย่างกับมังกรและบดขยี้กระดูกของทุกคนในบริเวณนั้น!  

 

 

ตอนนี้มีพลังจิตวิญญาณลอยขึ้นมาในอากาศ จากนั้นก็มีมนุษย์ล่องหนปรากฏตัวอยู่หลังหลี่ว์ซู่!  

 

 

เคยมีการพูดคุยว่าประเภทของธาตุไหนที่อันตรายที่สุดหลังจากที่ระดับ B สามารถหลอมรวมธาตุเข้าด้วยกันได้ จะเป็นสายฟ้าหรือไฟกัน  

 

 

แต่ก็มีบางคนเสนอความคิดที่แตกต่างออกไป หากธาตุลมเข้าหลอมรวมกับธาตุลม การโจมตีของพวกเขาก็ยากที่จะป้องกันได้!  

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ทันได้ตั้งตัวขณะที่เส้นกระบี่เฉวียอินล้อมรอบตัวเขาอยู่ เมื่อผู้ชายคนนั้นโผล่ออกมา หลี่ว์ซู่ก็รีบถอยออกไปเพื่อรับดาบยาวที่คู่ต่อสู้โจมตีมาด้วยมือเปล่า  

 

 

เขาคงจะโดนแทงตายไปแล้วถ้าเขาหลบช้าไปเพียงแค่เสี้ยววินาที  

 

 

เขาไม่รู้ว่ายอดฝีมือธาตุลมระดับ B มาถึงที่นี่เมื่อไหร่ หรือบางทีเขาอาจเป็นผู้ดูแลฐานการขนส่งก็ได้ แน่ละ อาวุธมีตั้งมากมายขนาดนี้จะไม่มีผู้คุมอยู่สักคนได้อย่างไรกัน  

 

 

หลี่ว์ซู่ประหลาดใจมากที่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นหายไปจากที่นี่หลังจากที่เขาล้มเหลวในการโจมตีครั้งแรก เขาทิ้งดาบไว้ อย่างกับว่าเขาถูกลบออกไปจากบรรยากาศแล้ว!  

 

 

ทุกคนคิดว่าหลี่ว์ซู่จะจดจ่อกับการสู้ยอดฝีมือธาตุลมต่อไป เขากลับพุ่งเข้าใส่รถบรรทุกคันที่ 17 อย่างไม่ลังเล…  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าคงไม่ฉลาดนักถ้าเขาจะอยู่ที่นี่นานๆ เพราะเขาสู้เรื่องจำนวนไม่ได้ เขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!  

 

 

พูดให้ชัดๆ ก็คือเขาจะต้องขึ้นรถขนส่งเหล่านี้แล้วออกเดินทางไปในทันที!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset