แต่ปัญหาคือ … ต่อให้บุคลิกจะมีมากขนาดไหนก็มีได้แค่ในร่างเดียวแต่นี่มันแยกเป็นห้าร่างนะ!
เดี๋ยวนะ … หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้ว ตอนที่เขาฆ่าคนเมื่อกี้ไปเขาได้รับแต้มอารมณ์จากคนคนเดียวจริงๆ! และชื่อนี้ปรากฏขึ้นห้าครั้งในคราวเดียว!
เป็นการยืนยันได้ว่าคนที่ก่อนจะตายจะให้แต้มอารมณ์หนึ่งพันแต้ม บางทีนี่อาจเป็นสัญลักษณ์ว่านอกจากชีวิตและความตายไม่มีอะไรสำคัญและความตายคือความกลัวที่ใหญ่ที่สุด
แต่ในขณะนั้น ผู้ตายที่ชื่อว่าเจ๋อเมิ่ง เพื่อนของเขาไม่ให้แต้มอารมณ์เลยเหรอ มันไม่สมเหตุสมผล! ต่อให้จะโหดร้าย ไร้ความปรานีแค่ไหนคงไม่ขนาดที่เห็นเพื่อนตายต่อหน้าแล้วไม่ให้แต้มอารมณ์หรอกนะ!
จากนั้น หลี่ว์ซู่สังเกตดูดีๆ แล้วว่าเวลาที่อีกฝ่ายให้แต้มอารมณ์ เขาให้พันแต้มก่อน จากนั้นอีกสี่แต้มค่อยตามมา!
คนก็ตายไปแล้ว ทำไมยังให้แต้มอารมณ์ตั้งสี่ครั้งตามหลังมาได้
ในพริบตานั้นความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนผุดขึ้นในความคิดของหลี่ว์ซู่ แต่ความเป็นไปได้ที่เขายอมเชื่อที่สุดนั้นกลับสมเหตุสมผลน้อยที่สุดนั่นคือทั้งห้าคนนี้เป็นคนคนเดียวกันจริงๆ!
ถึงอีกฝ่ายมีห้าร่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแต่ไม่รู้ว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงรู้สึกว่านี่เป็นการอนุมานที่ถูกต้องที่สุด เพราะในยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนอะรก็เป็นไปได้
หลังจากตัดการอนุมานที่ผิดออกไปทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แค่ไหนแต่มันก็เป็นความจริง
แล้วหลี่ว์ซู่เริ่มถอดถอนหายใจ นี่คงเป็นผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกที่รุนแรงที่สุดที่เขาเคยเจอมาแล้วใช่ไหม
ถ้ามีคนถามว่ามีคนตายในหุบเขาค่ายกลดาบกี่คน เขาจะตอบว่าห้าคนหรือว่าคนเดียวดี…
แน่นอนว่าหลี่ว์ซู่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาคบคิดปัญหานี้ …
อีกฝ่ายรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า หลี่ว์ซู่จะต้องมาและมาพร้อมกับความสงสัยในใจ นั่นคือความลับและความสงสัยที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นผ่านเรื่องราวทั้งหมด หลี่ว์ซู่จะต้องมีแต่ความสงสัยและเขารู้ว่าเจ๋อเมิ่งเป็นผู้รู้คำตอบ ราวกับแค่รอให้หลี่ว์ซู่ถามเขา เขาก็จะเปิดเผยความลับที่น่าตกใจออกมา
ในตอนนี้เอง บางคนในทั้งสี่คนที่เหลือหัวเราะและพูดว่า “นายไม่อยากถามอะไรฉันหน่อยเหรอ เช่นทำไมฉันถึงรู้เรื่องของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ทำไมฉันต้องล่อนายมาที่นี่”
หลี่ว์ซู่ “ไม่อยากถาม”
[ได้แต้มจากเจ๋อเมิ่ง +666!]
[ได้แต้มจาก…]
[ได้แต้มจาก…]
[ได้แต้มจาก…]
หลี่ว์ซู่ตาลุกวาว เขาพบว่าคนคนนี้คือเครื่องให้แต้มสุดวิเศษเลย ให้ทีเดียวให้สี่ครั้ง ใครจะให้ได้มากขนาดนี้ หลี่ว์ซู่ พูดอย่างคาดหวังว่า “นายมีคำถามอยากจะถามฉันไหม”
เจ๋อเมิ่ง “??? “
ตอนนี้ ต้องเป็นเขาแสดงบทบาทผู้คลายความสงสัยซิ รอให้อีกฝ่ายถามจากนั้นก็เปิดเผยความลับ แต่ตอนนี้ทำไมเหมือนสลับบทบาทกันเสียอย่างนั้น เหมือนว่าหลี่ว์ซู่จะเซอร์ไพรส์อะไรเขา!
ประสาท!
เจ๋อเมิ่งรอวันนี้มานานแค่ไหน เขาเริ่มจินตนาการภาพในวันนี้ไว้ตั้งแต่ปีก่อน เหมือนกับเวลาที่เขาสร้างความฝัน คิดเอาไว้แม้กระทั่งรายละเอียดของฉากในวันนี้
และเขาก็ออกแบบทิศทางเรื่องเอาไว้สามร้อยเก้าสิบเอ็ดแนวกลับไม่มีซักแนวที่เหมาะกับเหตุการณ์ในตอนนี้
ทำเอาเจ๋อเมิ่งหงุดหงิดมาก เขาชินกับการควบคุมทุกสิ่งในความฝัน ตอนนี้เขาไม่เพียงสูญเสียพลังการสร้างความฝันเท่านั้นแต่เขายังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกด้วย!
และในจังหวะนี้ หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นความหงุดหงิดและความสับสนวุ่นวายภายในใจของเจ๋อเมิ่ง เขาจึงซัดกระบี่เฉวียอิน ซือโก่วและฝูฉื่อออกไปพร้อมกัน หลี่ว์ซู่ต้องลงมือรวดเร็วปานสายฟ้าและสังหารคนในพริบตา!
ทันใดนั้นคลื่นลมขนาดใหญ่ม้วนขึ้นบนหน้าผา กระเฉวียอินพุ่งเข้าทั้งสี่คน ส่วนกระบี่อีกสองเล่มก็ซ่อนอยู่หลังกระบี่เฉวียอิน!
แต่ในตอนนี้หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกไม่สบายใจ เขารู้สึกชัดเจนว่าเจ๋อเมิ่งทั้งสี่คนกำลังยิ้ม!
พื้นที่หลี่ว์ซู่ยืนอยู่เปล่งแสงสีแดงขนาดใหญ่ขึ้น เหมือนว่าจะมีตาข่ายทอสีแดงซ่อนอยู่ตรงนั้นไว้นานแล้ว หลี่ว์ซู่ กระโดดขึ้นเพื่อหลบตาข่ายแดงนั้นแต่ตาข่ายนั้นกลับไล่ตามราวกับเงาตามตัว!
ฮุ่นตุ้นที่อยู่บนฟ้าโน้มตัวลงมา หลี่ว์ซู่ถอนกระบี่เฉวียอินและซือโก่วกลับมาชั่วคราวเพื่อมาฝืนทำลายตาข่าย
แต่ฮุ่นตุ้นยังไม่ทันลงมา ตาข่ายนั้นกลับแยกออกมาคลุมร่างหลี่ว์ซู่ไว้อันหนึ่งและอีกอันคลุมฮุ่นตุ้นเอาไว้!
สิ่งที่ทำให้หลี่ว์ซู่ประหลาดใจคือชั่วพริบตาที่กระบี่เฉวียอินและกระบี่อันอื่นกลับมาสู่แผนที่ดวงดาวในตัวเขา เหมือนว่าพวกมันไม่ได้ถูกหลี่ว์ซู่ควบคุม
แต่ตาข่ายแดงหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากรัดร่างเขาไว้แน่นราวกับว่ามันหลอมละลายเข้าไปร่างของเขา
หลี่ว์ซู่ล้มลงบนพื้น เขารู้สึกว่าไม่สามารถยืนได้มั่นคงและเขาเจ็บกระดูกไปทั่วร่าง!
เมื่อก่อน ความสูงแค่นี้มีไม่มีค่าอะไรกับเขา ทำไมเขาตกลงมาแล้วรู้สึกเจ็บได้
จู่ๆ เจ๋อเมิ่งก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันเสียของฉันไปและนายก็เสียของนายไป ยุติธรรมดีไหม ช่วงนี้พลังของฉันลดลงเรื่อยๆ ไม่มีทางที่จะฟื้นตัวได้อีก นายควรได้ลิ้มรสความเจ็บปวดนี้ดูบ้าง!”
หลี่ว์ซู่พยายามกำหมัดแน่นกลับพบว่ามือเหล่านี้ไม่มีพลังอีกต่อไป เขามองที่เจ๋อเมิ่ง “นายเสียอะไรไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน! “
“ฮิๆๆ ไม่ต้องลองหรอก” เจ๋อเมิ่งหัวเราะ “อุตส่าห์ซ่อนตัวอยู่ในมูลนิธิมานานและปกครองอาณาจักรมืดมาสองปี สิ่งเดียวที่ฉันตามหาในสถานที่แห้งแล้งแบบนั้นก็คือเจ้าของสิ่งนี้ ได้ดั่งใจฉันจริงๆ “
หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้ว เขาเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตนอยู่ในมูลนิธิและอาณาจักรมืด มูลนิธิเริ่มรวบรวมของวิเศษตั้งแต่ก่อนยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนและอีกฝ่ายก็เป็นผู้ปกครองของอาณาจักรมืดอีก
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา อาณาจักรมืดมีธุรกิจมากมาย พูดอย่างไม่เกินจริงก็คืออาณาจักรมืดอาจจะเป็นองค์กรที่มีอาวุธและของวิเศษมากที่สุด!
ฮุ่นตุ้นก็ถูกตาข่ายแดงมัดไว้ จนแทบจะบินไม่ได้ แต่ฮุ่นตุ้นยังมีเรี่ยวแรงขัดขืนแต่ตัวเขากลับไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนเลยราวกับว่าเขาไม่เคยบำเพ็ญมาก่อน
ทันใดนั้นเจ๋อเมิ่งทั้งสี่ก็กระโดดเข้ามาข้างๆ เขาพร้อมกันและพยายามควบคุมหลี่ว์ซู่ไว้ตรงกลางแต่จู่ๆ หลี่ว์ซู่โจมตีขณะที่พวกเขาลดการป้องกันลง
เฉิงอิ่งโปร่งใสในมือนั้นแทงทะลุผ่านท้องของชายชุดดำอีกครั้ง เจ๋อเมิ่งคาดไม่ถึงว่าหลี่ว์ซู่ที่กลายเป็นคนธรรมดาจะมีพลังทำร้ายเขาได้!
กระบี่เล่มนี้ดูเหมือนจะแฝงจิตวิญญาณกระบี่และความคมของกระบี่เฉิงอิ่งนั้นไม่มีใครเทียบได้!
เจ๋อเม่งที่ถูกกระบี่แทงนั้นค่อยๆ นั่งลงที่พื้นและหายใจหอบ “ดำเนินการตามแผน! “
ดูเหมือนว่ากระบี่ของหลี่ว์ซู่จะทำร้ายร่างหลักของเจ๋อเมิ่ง!
อีกสองคนที่เหลือคว้านิ้วของหลี่ว์ซู่ขึ้นมาและกรีดเป็นแผล
เจ๋อเมิ่งดูดเอาเลือดของหลี่ว์ซู่มาหยดหนึ่งแล้วยิงเข้าไปในหุบเขาค่ายกลดาบ ทันใดนั้นเลือดก็หายไปในอากาศราวกับเข้าไปในประตูที่มองไม่เห็น!
เสียงระเบิดดังลั่นขึ้น ม่านแสงรัศมีดาวกว้างสามเมตรปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือหุบเขาค่ายกลดาบ เจ๋อเมิ่งยิ้มด้วยความโล่งใจ “ในที่สุดก็จบสิ้นซะที เมื่อฉันกลับไปที่นั่นทุกอย่างจะกลับคืนมาได้”