ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 858 ตราประทับแห่งทาส

อยู่ที่นี่?  

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่และครุ่นคิดอยู่นาน ชายวัยกลางคนที่จะทำอะไรกับเขา ที่จริงตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้แล้วว่าโลกจักรวาลหลี่ว์ไม่ได้มีแต่ผู้แข็งแกร่งอย่างปรมาจารย์หุ่นเชิดเพียงอย่างเดียว พูดน่าเกลียดหน่อย ประเทศจีนเมื่อก่อนก็มีคนที่จนอย่างจางเว่ยอวี่น้อยมาก  

 

 

เพียงแค่หลี่ว์ซู่ไม่อยากคุยกับจางเว่ยอวี่ต่อ เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้ เขาอาจไม่รู้ว่าถูกขายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ได้  

 

 

“นายจะให้ฉันทำอะไร” หลี่ว์ซู่ถาม  

 

 

“ทำนาซิ!” จางเว่ยอวี่พูดเสียงหนักแน่น  

 

 

หลี่ว์ซู่ “…”  

 

 

เขาผ่านประตูดวงดาวบานใหญ่นั้นมา ตามหลักน่าจะได้ต่อสู้ทุกสารทิศเจอผู้แข็งแกร่ง อาจหาญจากทั่วทุกที่ ทำไมถ่ายมาทำนาซะได้ มันใช่หรือ!  

 

 

ถ้ากลับไปพูดให้หลี่ว์เสี่ยวอวี่ฟัง เธอคงขำตายเลย  

 

 

ถึงคราวนั้น เมื่อเขากลับไปก็เหมือนกับคนที่ไปผจญภัยมา ทุกคนจะต้องเข้ามาถามเขาว่าโลกแห่งจักรวาลหลี่ว์ จากนั้นเขาก็บอกว่าเขามาทำนาทำสวน ผลผลิตออกมาได้ไม่เร็วเลย แค่เตียงนอนแข็งไปหน่อย…  

 

 

นี่คือสิ่งที่ราชันฟ้าที่เก้าควรทำหรือ  

 

 

หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่ตอบกลับว่า “ตกลง”  

 

 

หลี่ว์ซู่เป็นคนมองโลกตามความจริง แปลว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรต้องลงหลักปักฐานให้ได้ก่อน รอให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆของโลกนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจที่จะเดินทางต่อ  

 

 

ทำนาก็ทำนา!  

 

 

เดินออกจากบ้านดินมีก็จะพบแปลงนา สีเขียวชอุ่ม อาทิตย์บนท้องฟ้าส่องแสงจ้า หลี่ว์ซู่ยกมือขึ้นบังแสง  

 

 

หลี่ว์ซู่มั่นใจว่าพระอาทิตย์ดวงนี้ไม่ต่างจากของโลกแต่ไม่รู้ว่าเป็นดวงเดียวกับของโลกด้วยหรือเปล่า  

 

 

จางเว่ยอวี่หยิบจอบแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างร่าเริง “ฉันจะบอกให้ถึงฉันไม่ใช่เป็นนายทาสและไม่ใช่ขุนนาง แต่ชาวนาในเมืองเถียนเกิ่งนี้ไม่มีใครมีที่เยอะเท่าฉัน ไม่กว่าภาษีจะมาขนาดไหน ไม่ว่าจะเจอภัยพิบัติ จางเว่ยอวี่คนนี้ต่อให้กินรากไม้ก็จะไม่ขายที่ซักผืน!”  

 

 

จางเว่ยอวี่เดินนำทางอยู่ข้างหน้า หลี่ว์ซู่เดินตามข้างหลัง เขาสังเกตจางเว่ยอวี่อย่างละเอียด อีกฝ่ายโม้เก่งใช่ย่อย ผอมจนจะปลิวลมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอาหารสีดำที่อยู่บนโต๊ะอีก…  

 

 

จางเว่ยอวี่หันหน้ามามองหลี่ว์ซู่ “ทำไม ไม่เชื่อหรือ”  

 

 

“เชื่อสิ ทำไมไม่เชื่อ!”  

 

 

“ถือว่านายอยู่เป็น!”  

 

 

หลี่ว์ซู่พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเชื่อว่านายกินรากไม้”  

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +399!]  

 

 

 

 

 

ตี๋เห็นแต้มก็พูดไม่ออก แผนที่ดวงดาวและจุดขี่ไก่ถูกผนึกไปแล้ว แต่เเต้มยังได้เหมือนเดิม แต่คำถามคือเขาจะเอาแต้มไปทำอะไร ใช้อะไรไม่ได้เลย  

 

 

ว่าแต่ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าฮุ่นตุ้นดิ้นหลุดจากโซ่นั้น ก็แสดงว่าด้วยพลังระดับ a สามารถดิ้นหลุดได้ภายในสิบกว่านาที  

 

 

จึงทำให้หลี่ว์ซู่มีความหวังว่าอย่างน้อยก็รู้ว่าโซ่สามารถปลดออกได้  

 

 

ในตอนนี้เอง กลุ่มชาวนาสิบกว่าคนเดินผ่านมา หลี่ว์ซู่สังเกตว่าที่คอด้านขวาของแต่ละคนจะมีตราประทับแบบเดียวกันแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รูปร่างคล้ายกับเงินไซซี  

 

 

ไม่นานนักก็มีกลุ่มเดินผ่านมา คราวนี้บนหลังมือมีรูปภาพ แต่ภาพครั้งนี้เปลี่ยนเป็นภาพที่ดูคล้ายกับดาบน่าเกลียดๆ เล่มหนึ่ง  

 

 

หลี่ว์ซู่มองที่คอของจางเว่ยอวี่ก็ไม่พบอะไร  

 

 

หลี่ว์ซู่จึงถามไปว่า “แม่บอกว่านายมีที่มากที่สุด แต่ฉันเห็นคนอื่นก็ดูมีกินแต่ทำไมนายผอมอย่างนี้”  

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +199!]  

 

 

จางเว่ยอวี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เอาฉันไปเทียบกับพวกทาสได้ยังไง พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ปีหนึ่งฉันทำเงินได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของการเก็บภาษี ต้องไปเทียบกับเจ้าของที่ดินและขุนนางนั้น แต่ฉันต่อให้ชาตินี้ต้องหิวตายก็จะไม่ไปเป็นทาสคนพวกนั้น!”  

 

 

หลี่ว์ซู่ถึงกับบางอ้อ ที่แท้ภาพนั้นเป็นตราประทับของพวกทาส  

 

 

เอ๊ะ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของจางเว่ยอวี่ ไม่เป็นทาสของคนพวกนั้นก็แสดงว่าเป็นทาสคนอื่นได้? ฟังดูแล้วดูเข้มแข็งใช่ย่อย…  

 

 

แต่ที่ทาสอยู่ดีกินดีกว่าชาวนาก็พอเข้าใจได้ จากประวัติศาสตร์ยุคสังคมทาสมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ เพราะทาสเป็นเสมือนทรัพย์สินของนายทาส นั้นจึงอยู่ดีกินดีกว่าชาวนาไม่มากนัก คนที่ฉลาดโดยไม่อยากให้ทาสใช้เงินตัวเองซื้อดูไม่สมบูรณ์  

 

 

แล้วพวกชาวนาจะถูกขุนนางขูดรีด ค่อยๆ จมลงไปเรื่อยๆ ขุนนางก็แค่หวังว่าสามารถบีบพวกเขาจนตรอก จากนั้นก็รับที่ดินของเขามาเป็นเจ้าของที่แทน ชาวนาก็ถูกบีบจนต้องมาเป็นทาส คราวนี้ทุกอย่างก็เป็นของตนเองหมด  

 

 

นี่เป็นกระบวนการจำเป็นที่จะกลายเป็นคนรวย กระบวนการที่ความโลภแผ่ขยาย  

 

 

แน่นอนว่า พวกทาสอยู่สบายก็แค่สบายกว่าชาวนาเท่านั้น ได้กินอิ่ม มีเสื้อใส่  

 

 

ตอนนี้จางเว่ยอวี่ไม่ให้หลี่ว์ซู่เขเาใจทุกอย่าง เขาชำเลืองมองแล้วพูดว่า “นายดูกล้ามากที่กล้าหนีออกมา ดีมาก! ว่าแต่ตราประทับของนายอยู่ตรงไหน”  

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไปสักพักแล้วตีเนียนเปลือกตำแหน่งที่ถูกพบยากที่สุด “ที่ก้น”  

 

 

จางเว่ยอวี่มีสีหน้าเคร่งขรึม “มิน่านายถึงหนีออกมา!”  

 

 

หลี่ว์ซู่ “???”  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า…  

 

 

นี่มันสังคมศักดินาที่วุ่นวายอะไรกัน โลกของเขาบอกลาสังคมทาสมาสองพันกว่าปีแล้ว  

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดว่าทำไมคนคนนี้ดูมีอะไรผิดปกติบางอย่างแล้วก็มีลางสังหรณ์บางอย่างกับตราประทับนั้น  

 

 

มาพูดเรื่องของจางเว่ยอวี่ ชาวนาธรรมดาในสังคมทาสได้เรียนหนังสือด้วยหรือ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าไม่น่าใช่ ที่นี่จะคล้ายกับโลกอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานเก้าปีหรอกนะ  

 

 

จางเว่ยอวี่คนนี้มีปัญหา  

 

 

จางเว่ยอวี่ผอเป็นไม้เสียบผี หลี่ว์ซู่เป็นคนฝึกกระบี่ คนคนหนึ่งถ้ามีพลังหรือไม่อย่างน้อยก็แยกแยะได้จากการเดินแต่เขาคนนี้เดินเหินไร้น้ำหนัก ไม่เหมือนคนที่บำเพ็ญมา  

 

 

เดี๋ยวนะ หลี่ว์ซู่อึ้งไปครู่หนึ่ง ตอนที่เขาอยู่ที่โลกเคยเห็นตราประทับคล้ายๆ กันนี้มาก่อน…เช่น…ตราเปลวไฟสีขาวที่คอด้านขวาของอวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อ!  

 

 

ปรมาจารย์หุ่นเชิดก็คือทาสของราชาคนนั้นที่พวกเขาพูดเสมอหรือ น่าจะเป็นไปได้!  

 

 

ไม่รู้ว่าราชาคนนั้นมีฐานะอย่างไรในโลกนี้ เขาจ้องไปหาราชาคนนั้นไหม ยังไงเสียปรมาจารย์หุ่นเชิดก็ไม่กลับมา เขาเองก็จะพูดกับราชาว่า ผมเป็นสหายของปรมาจารย์หุ่นเชิด พวกเขาบอกว่าให้มาหาท่าน ท่านจะดูแล  

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่ไตร่ตรองอย่างหนักจึงตัดสินใจดูสถานการณ์ไปก่อน เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้เข้าใจปรมาจารย์หุ่นเชิดมากนัก…มันก็น่าสนุกที่ได้ตีเนียนไปเรื่อยๆ…  

 

 

เดินไปไม่นานนักก็ถึงที่นาของจางเว่ยอวี่ หลี่ว์ซู่มองออกไปไกลๆ ก็ไม่มีพืชที่เขารู้จักเลยซักต้น  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset