อยู่ที่นี่?
หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่และครุ่นคิดอยู่นาน ชายวัยกลางคนที่จะทำอะไรกับเขา ที่จริงตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้แล้วว่าโลกจักรวาลหลี่ว์ไม่ได้มีแต่ผู้แข็งแกร่งอย่างปรมาจารย์หุ่นเชิดเพียงอย่างเดียว พูดน่าเกลียดหน่อย ประเทศจีนเมื่อก่อนก็มีคนที่จนอย่างจางเว่ยอวี่น้อยมาก
เพียงแค่หลี่ว์ซู่ไม่อยากคุยกับจางเว่ยอวี่ต่อ เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้ เขาอาจไม่รู้ว่าถูกขายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ได้
“นายจะให้ฉันทำอะไร” หลี่ว์ซู่ถาม
“ทำนาซิ!” จางเว่ยอวี่พูดเสียงหนักแน่น
หลี่ว์ซู่ “…”
เขาผ่านประตูดวงดาวบานใหญ่นั้นมา ตามหลักน่าจะได้ต่อสู้ทุกสารทิศเจอผู้แข็งแกร่ง อาจหาญจากทั่วทุกที่ ทำไมถ่ายมาทำนาซะได้ มันใช่หรือ!
ถ้ากลับไปพูดให้หลี่ว์เสี่ยวอวี่ฟัง เธอคงขำตายเลย
ถึงคราวนั้น เมื่อเขากลับไปก็เหมือนกับคนที่ไปผจญภัยมา ทุกคนจะต้องเข้ามาถามเขาว่าโลกแห่งจักรวาลหลี่ว์ จากนั้นเขาก็บอกว่าเขามาทำนาทำสวน ผลผลิตออกมาได้ไม่เร็วเลย แค่เตียงนอนแข็งไปหน่อย…
นี่คือสิ่งที่ราชันฟ้าที่เก้าควรทำหรือ
หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่ตอบกลับว่า “ตกลง”
หลี่ว์ซู่เป็นคนมองโลกตามความจริง แปลว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรต้องลงหลักปักฐานให้ได้ก่อน รอให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆของโลกนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจที่จะเดินทางต่อ
ทำนาก็ทำนา!
เดินออกจากบ้านดินมีก็จะพบแปลงนา สีเขียวชอุ่ม อาทิตย์บนท้องฟ้าส่องแสงจ้า หลี่ว์ซู่ยกมือขึ้นบังแสง
หลี่ว์ซู่มั่นใจว่าพระอาทิตย์ดวงนี้ไม่ต่างจากของโลกแต่ไม่รู้ว่าเป็นดวงเดียวกับของโลกด้วยหรือเปล่า
จางเว่ยอวี่หยิบจอบแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างร่าเริง “ฉันจะบอกให้ถึงฉันไม่ใช่เป็นนายทาสและไม่ใช่ขุนนาง แต่ชาวนาในเมืองเถียนเกิ่งนี้ไม่มีใครมีที่เยอะเท่าฉัน ไม่กว่าภาษีจะมาขนาดไหน ไม่ว่าจะเจอภัยพิบัติ จางเว่ยอวี่คนนี้ต่อให้กินรากไม้ก็จะไม่ขายที่ซักผืน!”
จางเว่ยอวี่เดินนำทางอยู่ข้างหน้า หลี่ว์ซู่เดินตามข้างหลัง เขาสังเกตจางเว่ยอวี่อย่างละเอียด อีกฝ่ายโม้เก่งใช่ย่อย ผอมจนจะปลิวลมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอาหารสีดำที่อยู่บนโต๊ะอีก…
จางเว่ยอวี่หันหน้ามามองหลี่ว์ซู่ “ทำไม ไม่เชื่อหรือ”
“เชื่อสิ ทำไมไม่เชื่อ!”
“ถือว่านายอยู่เป็น!”
หลี่ว์ซู่พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเชื่อว่านายกินรากไม้”
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +399!]
ตี๋เห็นแต้มก็พูดไม่ออก แผนที่ดวงดาวและจุดขี่ไก่ถูกผนึกไปแล้ว แต่เเต้มยังได้เหมือนเดิม แต่คำถามคือเขาจะเอาแต้มไปทำอะไร ใช้อะไรไม่ได้เลย
ว่าแต่ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าฮุ่นตุ้นดิ้นหลุดจากโซ่นั้น ก็แสดงว่าด้วยพลังระดับ a สามารถดิ้นหลุดได้ภายในสิบกว่านาที
จึงทำให้หลี่ว์ซู่มีความหวังว่าอย่างน้อยก็รู้ว่าโซ่สามารถปลดออกได้
ในตอนนี้เอง กลุ่มชาวนาสิบกว่าคนเดินผ่านมา หลี่ว์ซู่สังเกตว่าที่คอด้านขวาของแต่ละคนจะมีตราประทับแบบเดียวกันแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รูปร่างคล้ายกับเงินไซซี
ไม่นานนักก็มีกลุ่มเดินผ่านมา คราวนี้บนหลังมือมีรูปภาพ แต่ภาพครั้งนี้เปลี่ยนเป็นภาพที่ดูคล้ายกับดาบน่าเกลียดๆ เล่มหนึ่ง
หลี่ว์ซู่มองที่คอของจางเว่ยอวี่ก็ไม่พบอะไร
หลี่ว์ซู่จึงถามไปว่า “แม่บอกว่านายมีที่มากที่สุด แต่ฉันเห็นคนอื่นก็ดูมีกินแต่ทำไมนายผอมอย่างนี้”
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +199!]
จางเว่ยอวี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เอาฉันไปเทียบกับพวกทาสได้ยังไง พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ปีหนึ่งฉันทำเงินได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของการเก็บภาษี ต้องไปเทียบกับเจ้าของที่ดินและขุนนางนั้น แต่ฉันต่อให้ชาตินี้ต้องหิวตายก็จะไม่ไปเป็นทาสคนพวกนั้น!”
หลี่ว์ซู่ถึงกับบางอ้อ ที่แท้ภาพนั้นเป็นตราประทับของพวกทาส
เอ๊ะ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของจางเว่ยอวี่ ไม่เป็นทาสของคนพวกนั้นก็แสดงว่าเป็นทาสคนอื่นได้? ฟังดูแล้วดูเข้มแข็งใช่ย่อย…
แต่ที่ทาสอยู่ดีกินดีกว่าชาวนาก็พอเข้าใจได้ จากประวัติศาสตร์ยุคสังคมทาสมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ เพราะทาสเป็นเสมือนทรัพย์สินของนายทาส นั้นจึงอยู่ดีกินดีกว่าชาวนาไม่มากนัก คนที่ฉลาดโดยไม่อยากให้ทาสใช้เงินตัวเองซื้อดูไม่สมบูรณ์
แล้วพวกชาวนาจะถูกขุนนางขูดรีด ค่อยๆ จมลงไปเรื่อยๆ ขุนนางก็แค่หวังว่าสามารถบีบพวกเขาจนตรอก จากนั้นก็รับที่ดินของเขามาเป็นเจ้าของที่แทน ชาวนาก็ถูกบีบจนต้องมาเป็นทาส คราวนี้ทุกอย่างก็เป็นของตนเองหมด
นี่เป็นกระบวนการจำเป็นที่จะกลายเป็นคนรวย กระบวนการที่ความโลภแผ่ขยาย
แน่นอนว่า พวกทาสอยู่สบายก็แค่สบายกว่าชาวนาเท่านั้น ได้กินอิ่ม มีเสื้อใส่
ตอนนี้จางเว่ยอวี่ไม่ให้หลี่ว์ซู่เขเาใจทุกอย่าง เขาชำเลืองมองแล้วพูดว่า “นายดูกล้ามากที่กล้าหนีออกมา ดีมาก! ว่าแต่ตราประทับของนายอยู่ตรงไหน”
หลี่ว์ซู่อึ้งไปสักพักแล้วตีเนียนเปลือกตำแหน่งที่ถูกพบยากที่สุด “ที่ก้น”
จางเว่ยอวี่มีสีหน้าเคร่งขรึม “มิน่านายถึงหนีออกมา!”
หลี่ว์ซู่ “???”
หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า…
นี่มันสังคมศักดินาที่วุ่นวายอะไรกัน โลกของเขาบอกลาสังคมทาสมาสองพันกว่าปีแล้ว
หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดว่าทำไมคนคนนี้ดูมีอะไรผิดปกติบางอย่างแล้วก็มีลางสังหรณ์บางอย่างกับตราประทับนั้น
มาพูดเรื่องของจางเว่ยอวี่ ชาวนาธรรมดาในสังคมทาสได้เรียนหนังสือด้วยหรือ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าไม่น่าใช่ ที่นี่จะคล้ายกับโลกอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานเก้าปีหรอกนะ
จางเว่ยอวี่คนนี้มีปัญหา
จางเว่ยอวี่ผอเป็นไม้เสียบผี หลี่ว์ซู่เป็นคนฝึกกระบี่ คนคนหนึ่งถ้ามีพลังหรือไม่อย่างน้อยก็แยกแยะได้จากการเดินแต่เขาคนนี้เดินเหินไร้น้ำหนัก ไม่เหมือนคนที่บำเพ็ญมา
เดี๋ยวนะ หลี่ว์ซู่อึ้งไปครู่หนึ่ง ตอนที่เขาอยู่ที่โลกเคยเห็นตราประทับคล้ายๆ กันนี้มาก่อน…เช่น…ตราเปลวไฟสีขาวที่คอด้านขวาของอวิ๋นอี่และพยัคฆ์จื๋อ!
ปรมาจารย์หุ่นเชิดก็คือทาสของราชาคนนั้นที่พวกเขาพูดเสมอหรือ น่าจะเป็นไปได้!
ไม่รู้ว่าราชาคนนั้นมีฐานะอย่างไรในโลกนี้ เขาจ้องไปหาราชาคนนั้นไหม ยังไงเสียปรมาจารย์หุ่นเชิดก็ไม่กลับมา เขาเองก็จะพูดกับราชาว่า ผมเป็นสหายของปรมาจารย์หุ่นเชิด พวกเขาบอกว่าให้มาหาท่าน ท่านจะดูแล
หลังจากที่หลี่ว์ซู่ไตร่ตรองอย่างหนักจึงตัดสินใจดูสถานการณ์ไปก่อน เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้เข้าใจปรมาจารย์หุ่นเชิดมากนัก…มันก็น่าสนุกที่ได้ตีเนียนไปเรื่อยๆ…
เดินไปไม่นานนักก็ถึงที่นาของจางเว่ยอวี่ หลี่ว์ซู่มองออกไปไกลๆ ก็ไม่มีพืชที่เขารู้จักเลยซักต้น