ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 863 ซ่อง

จางเว่ยอวี่เดินเข้าไปในบ้านซึ่งแยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับนอน และอีกส่วนสำหรับทำอาหาร  

 

 

ในห้องเล็กๆ หลี่ว์ซู่กำลังต้มน้ำอยู่บนเตาในห้องครัว จางเว่ยอวี่พิงจอบไว้ข้างกำแพงและถามด้วยความสงสัย “นายกำลังทำอะไร”  

 

 

“ต้มน้ำไว้ดื่ม และผมยังใช้ที่เหลือไว้อาบน้ำได้ด้วย” หลี่ว์ซู่ตอบพร้อมรอยยิ้ม  

 

 

จางเว่ยอวี่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ต้มน้ำไว้ดื่ม? นายแค่ดื่มๆ มันเข้าไปเลยไม่ได้เหรอ แล้วนายก็ไปอาบน้ำในแม่น้ำก็ได้ ฉันต้องใช้ความพยายามตั้งเท่าไหร่เพื่อขนน้ำมาที่นี่ แล้วนายยังจะมาทำให้เสียของอีก”  

 

 

มีถังน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในห้อง โดยปกติแล้วถังนี้จะมีน้ำไม่เต็มเพราะจางเว่ยอวี่ไม่ได้แข็งแรงถึงขนาดที่จะขนน้ำเป็นจำนวนมากได้ทุกวัน แค่น้ำสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันก็สร้างความลำบากให้เขาแล้ว ดังนั้นน้ำจึงเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าในครัวเรือนของเขา  

 

 

ถ้าน้ำถูกใช้จนหมด เขาก็จะต้องเดินไปที่แม่น้ำซึ่งอยู่ไกลไปกว่าสามกิโลเมตรเพื่อไปขนน้ำมาเพิ่ม  

 

 

หลี่ว์ซู่ตอบพร้อมยิ้มกว้าง “น้ำที่ไม่ยังไม่ต้มใช้ดื่มไม่ได้ มันสกปรกเกินไป แต่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะใช้น้ำของคุณจนหมด ตอนนี้น้ำเกือบเต็มถังแล้วดูสิ”  

 

 

นั่นออกจะน่าเหลือเชื่อ จางเว่ยอวี่ชำเลืองมองไปยังถังน้ำและเห็นว่าน้ำเต็มถังจนปริ่มมาถึงขอบจริงๆ  

 

 

เขาจ้องหลี่ว์ซู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายขนน้ำพวกนี้มาที่บ้านเหรอ”  

 

 

จางเว่ยอวี่คิดว่านี่ออกจะน่าเหลือเชื่อที่คนขี้เกียจอย่างหลี่ว์ซู่จะเต็มใจเดินไปตั้งไกลและขนน้ำกลับมาเติมจนเต็มถัง และนี่ก็ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย!  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะ เขาหยิบชามมาเทน้ำต้มให้ตัวเอง หากจะพูดตามตรง น้ำที่ยังไม่ต้มมีกลิ่นสุดจะทนซึ่งทำให้นั่นเป็นเรื่องยากสำหรับหลี่ว์ซู่ที่จะดื่มมันลงไป  

 

 

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในจักรวาลหลี่ว์ดูเหมือนจะเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ด้วยอาหารและน้ำดื่มคุณภาพต่ำ สองสามทศวรรษที่ผ่านมา ผู้คนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตจากแบคทีเรียในอาหาร และมีแค่คนที่มีแอนติบอดีโดยเฉพาะเท่านั้นที่รอดจากภัยพิบัตินี้ ดังนั้นหากปราศจากพลังดั้งเดิม จึงเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะระมัดระวังเป็นพิเศษในโลกใบนี้  

 

 

จางเว่ยอวี่พึมพำ “ทาสอย่างนายนี่ช่างเลือกจริงๆ”  

 

 

สีหน้าของหลี่ว์ซู่มืดครึ้มลงทันที “ทาสอะไร!”  

 

 

จางเว่ยอวี่ไม่ตอบ เเต่เขาพึมพำในขณะที่คิดถึงอดีต “น้ำต้มของนายทำให้ฉันนึกถึงวันเก่าๆ ในตอนนั้น ชีวิตของพวกเราไม่ได้ยากลำบากขนาดนี้ ตอนที่ราชาแห่งทวยเทพองค์เก่ายังมีชีวิตอยู่ เขาทำให้ภาษาพูดภาษาเขียน สกุลเงิน และหน่วยวัดของพวกเราเป็นมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนี้ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขาจึงสร้างกฎขึ้นมาว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในจักรวาลหลี่ว์ห้ามดื่มน้ำที่ยังไม่ได้ต้ม หรือขับถ่ายในที่สาธารณะ เขายังเผยแพร่หนังสือ แหล่งข้อมูล และส่งเสริมการศึกษาให้เด็กทุกคน หลังจากนั้นเขาก็ริเริ่มระบบการสอบเพื่อให้คนที่มาจากครอบครัวยากจนสามารถไต่เต้าขึ้นบันไดทางสังคมได้…ฉันหวังว่าราชาองค์เก่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะถ้าเขายังอยู่ โลกก็คงไม่ยุ่งเหยิงเละเทะขนาดนี้”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตกตะลึง เขาสงสัยจริงๆ ว่าราชาองค์เก่าเคยไปเยือนโลกมนุษย์มาก่อนหรือเปล่า!  

 

 

แต่เดี๋ยวก่อน สิ่งที่เขาสงสัยก็พอจะเป็นไปได้อยู่ เพราะโลกทั้งสองนั้นเชื่อมต่อกัน! ในฐานะชายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลหลี่ว์ เขาคงจะสามารถไปเยือนโลกมนุษย์ได้ง่ายๆ เหมือนที่มนุษย์ไปเที่ยวต่างประเทศ!  

 

 

ใครจะไปรู้!  

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่า ‘ราชา’ ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ราวกับว่าเขาไม่ใช่เทพเจ้าที่ทำตัวอยู่เหนือความวุ่นวายและภาคภูมิใจกับการสักการบูชา แต่เขาเป็นเหมือนมนุษย์มากกว่า  

 

 

หลี่ว์ซู่ถามไปเรื่อยๆ “ราชาองค์เก่ายังทำอะไรอีกบ้างเหรอ”  

 

 

 

 

 

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของจางเว่ยอวี่ เขาพูดต่ออย่างกระตือรือร้น “ราชาองค์เก่าใช้ชีวิตอย่างเป็นตำนาน และเขามีเรื่องให้เล่ามากมาย เขานำทหารออกรบอย่างกล้าหาญและต่อสู้อยู่ในสนามรบกว่าสามพันปี เข่นฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วน และหลังจากนั้น เขายุติสงครามลงได้อย่างรวดเร็ว เรื่องเกี่ยวกับเขาที่ฉันชอบมากที่สุดก็เป็นเรื่องที่ทุกคนที่นี่ชื่นชอบเช่นกัน และฉันก็เบื่อแล้วที่จะต้องฟังเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งในระหว่างทางไปเยี่ยมจอมทัพสวรรค์ประจิม อวี้ฝูเหยา ราชาองค์เก่าบังเอิญเดินผ่านซ่อง…”  

 

 

ใบหน้าของหลี่ว์ซู่เจิดจ้าขึ้นมาทันที “ผมไม่เห็นรู้เลยว่าที่นี่มีซ่องด้วย!”  

 

 

“ห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด ถ้านายอยากจะฝึกบำเพ็ญ” จางเว่ยอวี่พูดขณะที่เขามองหลี่ว์ซู่อย่างดูถูก จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ในตอนที่ราชาองค์เก่าเดินผ่านที่นั่น เด็กสาวคนหนึ่งที่มักจะเปิดหน้าต่างไว้เสมอ ตั้งใจโยนไม้ท่อนหนึ่งมาที่เขาเพื่อดึงดูดความสนใจ ราชาองค์เก่ามองขึ้นไป และเด็กสาวก็พูดว่า ‘นายท่าน ได้โปรดช่วยโยนท่อนไม้กลับขึ้นมาได้หรือไม่ และเพื่อตอบแทนความกรุณาของท่าน ท่านจะทำอะไรข้าก็ได้’ ในตอนสุดท้าย ราชาองค์เก่าขึ้นไปข้างบนพร้อมท่อนไม้ และสั่งให้เด็กสาวคัดประโยค ‘ข้าจะไม่โยนท่อนไม้ลงไปข้างล่างอีกต่อไป’ สามสิบจบ! ฮ่าๆๆ …”  

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจด้วยความตกใจ ทำไมราชาองค์เก่าถึงมีนิสัยคล้ายกับเขาขนาดนี้! แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าถ้าเขาเป็นราชาองค์เก่า เขาน่าจะทำให้เด็กสาวร้องไห้ไปแล้ว…ไม่สิ เขาไม่ควรจะใจร้ายกับคนที่ทำงานในซ่องขนาดนั้น…  

 

 

แต่จากเรื่องที่จางเว่ยอวี่เล่า ทำให้หลี่ว์ซู่รู้สึกชอบราชาแห่งทวยเทพองค์เก่ามากขึ้น ไม่ว่าอย่างไร เขาก็รักษาท่าทางก่อนความสวยงาม  

 

 

จะว่าไป หรือว่าเขาคือราชาของปรมาจารย์หุ่นเชิด หรือว่ายังมีคนอื่นอีก หลี่ว์ซู่ค่อนข้างจะเชื่ออย่างหลังมากกว่า เพราะเนี่ยถิง สือเสวจิ้น และหลี่เสียนอี ทุกคนปฏิเสธที่จะพูดถึงราชาองค์เก่า ราวกับว่าเขาเป็นสิ่งต้องห้าม แต่จากที่จางเว่ยอวี่เล่า เขาไม่ได้ดูน่ากลัวเลย หรืออาจจะเป็นเพราะหลี่ว์ซู่ไม่เคยอยู่ในสงครามในช่วงสมัยของเขา  

 

 

 

 

 

ในตอนกลางคืน หลี่ว์ซู่กลับมาฝึกกระบี่ต่อหลังจากจางเว่ยอวี่เข้านอน ก่อนหน้านี้ จางเว่ยอวี่แนะนำเขาอย่างจริงจังว่าเขาต้องอยู่กับความเป็นจริง และควรเก็บขนมหวานบางส่วนไว้สำหรับอนาคต และควรจะออกไปเริ่มทำไร่ไถนากับเขาหากอยากจะร่ำรวย…  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะ เขายืนยันจะทำตามแผนของตัวเองต่อไป  

 

 

เขาเลือกหยิบอาวุธขึ้นมาจากกองฟืน เขาหักกิ่งไม้ไปส่วนหนึ่งในตอนที่เขาปลดปล่อยพลังออกมาในตอนกลางวัน และในตอนนั้นเองที่หลี่ว์ซู่ได้รู้ว่าการควบคุมพลังของเขายังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ  

 

 

ขั้นตอนแรกในการควบคุมพลังงานกระบี่ขั้นสูงสุด ก็คือการควบคุมพลังของตนเองให้ได้ก่อน  

 

 

วันต่อมา จางเว่ยอวี่ถามหลี่ว์ซู่ด้วยความประหลาดใจในขณะที่เขาเดินออกมาจากห้อง “นี่นายนอนข้างนอกอีกแล้วเหรอ”  

 

 

แต่จางเวยอวี่ยังสังเกตเห็นอีกว่าหลี่ว์ซู่ดูสดชื่นขึ้นในหลายวันมานี้ หลี่ว์ซู่หมดสติในตอนที่พวกเขาเพิ่งพบกัน และดูไร้เรี่ยวแรงในตอนที่ตื่นขึ้นมา แต่ตอนนี้เขากลับดูมีพลังเต็มที่  

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้ม “ผมจะไม่ไปที่ทุ่งกับคุณในวันนี้ ผมต้องกินขนมหวานให้หมด”  

 

 

จางเว่ยอวี่เอ่ยเตือนอีกครั้ง “นายจะกินจนหมดในวันนี้! นายต้องเผื่อวันข้างหน้าด้วยสิ!”  

 

 

ในตอนนี้เอง พวกเขาได้ยินเสียงกีบเท้าม้าดังมาจากที่ไกลๆ จางเว่ยอวี่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ หรือว่านั่นคือ…  

 

 

เหล่าทาสที่มาเมื่อวันก่อนปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของพวกเขา ผู้ที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “เจ้านายสั่งให้พวกเรานำของขวัญมาให้เพิ่มอีก และยังเชิญนายไปที่คฤหาสน์ด้วย นายจะไปไหม”  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะ “เอาของขวัญวางไว้ แต่ผมไม่ไป”  

 

 

ผู้เป็นหัวหน้าเตรียมควบม้ากลับ แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาพูดว่า “เจ้านายฝากบอกว่า เธอไม่ว่าอะไรถ้าวันนี้นายจะไม่ไปเพราะเห็นแก่ใบหน้าหล่อๆ ของนาย แต่เธอเชื่อว่าสักวันนายจะต้องยอมไปอย่างแน่นอน”  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset