หลังจากได้ยินหลี่ว์ซู่เรียกชื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ จางเว่ยอวี่รู้สึกสับสนและมองไปที่หลี่ว์ซู่ “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกนายสองคนก้าวหน้าจนนายเรียกแค่ชื่อเธอว่า ‘เสี่ยวอวี่’ เฉยๆ ก็ได้”
ในตอนนั้นเองมีเสียงเย็นเยียบดังมาให้ได้ยิน “ใครคือเสี่ยวอวี่ หลี่ว์ซู่ เธออยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว…”
[ได้แต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +666!]
หลี่ว์ซู่หัวเราะเมื่อเขาเห็นหลี่วเสี่ยวอวี๋ “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยิ้มกว้าง “ฉันมาที่นี่เพื่อปกป้องเธอ…ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตระหนักได้ว่าสภาพของหลี่ว์ซู่ดูแปลกๆ ทั้งเธอและปรมาจารย์หุ่นเชิดไม่มีใครรู้ว่าหลี่ว์ซู่เลือกที่จะถูกผูกมัดด้วยความฝันของเขา เธอบอกว่าเธอจะปกป้องหลี่ว์ซู่เพราะเธอถูกพิจารณาให้เป็นบุคคลที่มีพลังระดับ A
สำหรับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ผู้มีพลังระดับ B เขาจำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างแน่นอน
แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะสูญเสียพลังระดับ B ของเขาไป
หลี่ว์ซู่ชำเลืองมองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ถึงแม้เขาจะผ่านความยากลำบากมากมายมากับจางเว่ยอวี่ และจางเว่ยอวี่ก็เป็นคนที่มีนิสัยดี แต่เขาก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ และเกือบจะใช้ประโยชน์จากหลี่ว์ซู่ตอนก่อนหน้านี้
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่ให้จางเว่ยอวี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะระมัดระวังสักเล็กน้อยจากคนภายนอก
ในขณะที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลี่ว์ซู่ส่งกระแสจิตให้กัน หลังจากที่หลี่ว์ซู่ชำเลืองมองมา หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงหยุดพูด
จางเว่ยอวี่รู้สึกสับสน เขาสงสัยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครและเธอมาจากไหน
เดี๋ยวก่อนนะ จู่ๆ จางเว่ยอวี่ก็ถามขึ้นมาว่า “เอ่อ…เด็กน้อย เธอบังเอิญเจอเข้ากับกองทัพบ้างไหม”
“ไม่นะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ส่ายหัว
จางเว่ยอวี่ตกตะลึง แล้วทัพเฮยอวี่หายไปไหน เสียงที่พวกเขาได้ยินไม่ใช่เสียงควบม้าของพวกทัพเฮยอวี่เหรอ นั่นไม่สมเหตุสมผลเลย…
เขามองไปที่หลี่ว์ซู่ “เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร…ฉันคิดว่านายเป็นลูกคนเดียวซะอีก”
หลี่ว์ซู่พุดไม่ออก
เขาพูดแบบนั้นเร็วเกินไปเพราะเขาไม่คิดว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะมาที่นี่
จางเว่ยอวี๋เองก็กำลังคาดเดาตัวตนของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เธอดูเด็กมากและน่ารักมาก ส่วนพลังของเธอนั้น…เขาบอกไม่ได้
หลี่ว์ซู่ตอบว่า “คุณก็รู้ว่าผมหนีมาจากนายทาส ในตอนนั้น…”
“ฉันเป็นนายทาสของเขา” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดด้วยความสงบ
หลี่ว์ซู่รู้สึกมึนงง
ในตอนนี้เอง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองไปที่หลี่ซ์ซู่และยิ้มอย่างมีลับลมคมใน ‘ดูสิ ฉันตอบสนองเร็วดีใช่ไหมล่ะ’
[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666!]
เขาอยากจะสร้างเรื่องว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นชาวบ้านธรรมดาที่บังเอิญช่วยเขาไว้ตอนที่เขากำลังหลบหนี แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กับพังเรื่องลงแบบนั้น…
จางเว่ยอวี่รู้สึกประหลาดใจ “จริงเหรอ แล้วถ้างั้นทำไมตราของหมอนี่ถึงอยู่บน…”
จางเว่ยอวี่รู้สึกสงสัยมาก เพราะทาสที่มีตราประทับอยู่ที่บั้นท้ายจะมีนายทาสเป็นผู้ชาย! แต่นั้นเป็นไปไม่ได้ และทั้งตระกูลที่สูงส่งและนายทาสต่างก็มีบุคลิกที่ไม่ปกติในความคิดของจางเว่ยอวี่…
อย่างไรก็ตาม จางเว่ยอวี่ถอนหายใจ เขาจะเสียใจมากถ้าสิ่งที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดเป็นความจริง
คนผู้หนึ่งมีนายทาสสุดน่ารักมาเป็นทาสและยังมีนายทาสผู้หญิงมาคอยช่วยเหลือหลังจากหนีออกมา หรือโลกนี้ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับหน้าตา ไม่ว่าใครก็ตามที่หน้าตาดีก็เท่ากับว่าจะมีชีวิตที่ดีอย่างนั้นเหรอ
ในตอนแรกจางเว่ยอวี่รู้สึกเห็นอกเห็นใจหลี่ว์ซู่ แต่ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะไม่ได้ต้องการความเห็นอกเห็นใจของเขาเลย!
“กลับไปที่เมืองก่อนเถอะ” จางเว่ยอวี่พูด “ผู้คุ้มกันเมืองจะต้องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้วแน่ๆ ตอนนี้ทัพเฮยอวี่หายไปแล้ว เมืองน่าจะพร้อมตอนที่พวกเขากลับมาเพราะฉะนั้นตอนนี้เมืองก็น่าจะปลอดภัย แล้วฉันค่อยจากไปตอนหลังจากซื้อของสักหน่อย พวกนายสองคนจะไปกับฉันไหม”
ของที่อวี่เตี๋ยให้มายังมีผ้าคุณภาพดีอยู่ด้วย หลี่ว์ซู่ให้จางเว่ยอวี่ขายผ้าเหล่านั้นแล้วพวกเขาก็แบ่งเงินกันแบบเก้าสิบต่อสิบส่วน และถึงแม้จางเว่ยอวี่จะได้เงินส่วนแบ่งแค่สิบส่วน แต่เขาก็สามารถใช้เงินจำนวนนี้ซื้ออาหารได้เป็นจำนวนหนึ่ง
ตอนที่หลี่ว์ซู่อยู่ที่โลกมนุษย์ เขาเคยคิดว่าศิลาวิญญาณจะกลายเป็นสกุลเงินใหม่ในยุคแห่งการบำเพ็ญได้หรือไม่ แต่ศิลาวิญญาณแต่ละเม็ดมีพลังที่แตกต่างกันถึงแม้จะมีขนาดเท่ากันก็ตาม และมันคงเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะแยกความแตกต่างของศิลาวิญญาณ ดังนั้นมันจึงขาดคุณสมบัติพื้นฐานในการจะใช้เป็นหน่วยเงิน
นอกจากนี้ศิลาวิญญาณแต่ละเม็ดยังมีค่าหลายแสน เพราะฉะนั้นมันคงมีค่ามากเกินไป
ในตอนแรก ศิลาวิญญาณถูกใช้เป็นหน่วยเงิน และนั่นก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวง หลังจากนั้น ราชาแห่งทวยเทพจึงได้พิจารณากำหนดค่าเงินให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยธนบัตรจะถูกแจกจ่ายโดยพระราชวังภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งพระราชวัง และธนบัตรทุกใบจะได้รับการพิมพ์แบบพิเศษจากธนาคาร
วิธีนี่ช่วยป้องกันความผิดพลาดได้ง่ายกว่าวิธีที่ใช้ในโลกมนุษย์ และยังเป็นผลให้ไม่มีใครสามารถสร้างธนบัตรปลอมขึ้นมาได้ มีบางคนที่พยายามจะพิมพ์ธนบัตรปลอม แต่หลังจากรู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตามรอยธนบัตรปลอมเหล่านี้ได้ ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงอีกต่อไป ธนบัตรปลอมยังมีอยู่บ้าง แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำมาใช้ เนื่องจากผู้คนต่างก็มีทักษะพื้นฐานในการระบุตัวตน
ในตอนแรก ผู้คนไม่ยอมรับการใช้ธนบัตรเพราะทุกคนคิดว่าราชาแห่งทวยเทพนั้นใจง่ายเกินไป ในอดีต ผู้คนถือศิลาวิญญาณที่หนักอึ้งไว้ในมือ แต่ตอนนี้เขากลับอยากจะเปลี่ยนมาใช้กระดาษและทำให้ธนบัตรเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ของเขาเอง นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร
ผู้บำเพ็ญทั่วๆ ไปไม่เชื่อมั่นในพระราชวังที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เช่นกัน และก็ไม่มีใครรู้ว่าราชาแห่งทวยเทพจะอยู่ได้นานแค่ไหน หลังพระราชวังสร้างเสร็จ โลกก็ตกอยู่ในความวุ่นวายและทุกคนก็ชินเสียแล้วกับการเปลี่ยนแปลงอำนาจอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พระราชวังไม่ได้ถูกทำลายมากว่าสามพันปีแล้ว และก็ไม่มีใครโค่นล้มบัลลังก์ของราชาแห่งทวยเทพ ราชวงศ์หลี่ว์จึงอยู่ในอำนาจมาตราบนานเท่านานกับที่พระราชวังถูกสร้างขึ้น
ในอดีตราชาแห่งทวยเทพไม่ได้บังคับให้ทุกคนใช้ธนบัตร จอมทัพสวรรค์ทั้งสี่คนและเหล่าขุนนางอีกไม่กี่คนเริ่มขยายเขตแดนและกำหนดให้ธนบัตรเป็นเพียงหน่วยเงินเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ทำธุรกิจกับจอมทัพสวรรค์และเหล่าขุนนาง และเพราะว่าเหล่าขุนนางมีธุรกิจขนาดใหญ่ หลังจากที่พวกเขาใช้ธนบัตร ทุกคนที่ติดต่อค้าขายกับพวกเขาจึงถูกบังคับให้ใช้ธนบัตรเช่นกัน
จากนั้นทุกคนจึงค้นพบว่าธนบัตรนั้นใช้ง่ายมาก
ในตอนนั้น หลี่ว์ซู่ถามจางเว่ยอวี่ว่าทำไมจอมทัพสวรรค์ทั้งสี่ถึงได้เชื่อฟังนัก และจางเว่ยอวี่ตอบว่า ‘พวกเขาจะต้องตายหากไม่เชื่อฟัง แล้วแบบนี้ใครจะกล้าไม่เชื่อฟังล่ะ…’
ตอนนี้จากเว่ยอวี่ต้องการหนีไปหลังจากซื้ออาหารแล้ว หลี่ว์ซู่เดาว่าเพื่อนของเขาน่าจะไปซ่อนตัวที่ถ้ำเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอาหารที่จงเว่ยอวี่กำลังจะซื้อจึงมีความสำคัญมาก
ถ้าหลี่ว์ซู่ไม่ได้ให้เงินจางเว่ยอวี่จำนวนหนึ่ง กลุ่มคนเหล่านั้นก็อาจจะต้องทนอดอยากจนกว่าสงครามจะจบลง..