ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 875 ทหารมังกรจักรพรรดิ

ในขณะที่ชาวบ้านกำลังยุ่งอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทหารเสื้อขนดำหายไปไหน หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็กำลังชมดูความวุ่นวายนั้น หากจะพูดตามตรงแล้ว พวกเขาทั้งสองเคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่ๆ แบบนี้มาก่อน และตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรในเมืองนี้

แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวอวี๋ หลี่ว์ซู่ก็คงไม่สามารถรู้สึกไร้กังวลได้ขนาดนี้…

ที่จางเว่ยอวี่บอกว่าผู้นำของเมืองหนานเกิงอยู่แค่ระดับสองนั้น ก็เท่ากับว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะทำอะไรก็ได้ตามแต่ที่เธอต้องการในเมืองหนานเกิง

สำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว โลกนี้เหมือนกับโลกมนุษย์ในแง่ของขนาด แต่ในโลกมนุษย์มีประเทศมากมาย ในขณะที่ๆ นี่มีเพียงประเทศเดียวเท่านั้น…

เมืองหนานเกิงที่มีผู้นำอยู่ระดับสองก็คงจะเป็นเมืองเล็กๆ ใช่หรือไม่ ในกรณีนั้น หลี่ว์ซู่สงสัยว่าเมืองที่เป็นศูนย์กลางของโลกจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน

หลี่ว์ซู่พูดเสียงเบา “ถ้ามีโอกาส พวกเราก็สามารถไปเที่ยวชมรอบๆ เมืองได้เหมือนว่าตอนนี้พวกเรากำลังมาท่องเที่ยว”

หลี่ว์ซู่หมายความว่า พวกเขาสามารถเดินเที่ยวเล่นไปรอบๆ ได้หลังจากพวกเขาพบทางกลับบ้าน หรือหลังจากหลี่ว์ซู่ฟื้นคืนสู่สภาวะที่เหมาะสมแล้ว

อย่างไรพวกเขาก็เคยฆ่าคนนับหมื่นในการสู้รบก่อนหน้านี้มาแล้ว คนที่ตายและที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะความกลัวทุกคนต่างก็ให้แต้มอารมณ์กับหลี่ว์ซู่ทั้งนั้น

ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงรู้สึกว่าแต่อารมณ์ของเขาน่าจะเพียงพอสำหรับจุดประกายแผนภูมิดาราทั้งหมดแล้ว!

ระดับ A และระดับหนึ่ง หลี่ว์ซู่ฝันถึงขอบเขตนี้มานานจนคงมีแค่พระเจ้าที่รู้ว่านานแค่ไหนก่อนที่เขาจะหยุดชะงักเพราะเจ๋อเมิ่ง

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องดีที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มาคอยปกป้องเขา เพราะเขาจะได้สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่โดยไร้กังวล!

ในตอนนี้หลี่ว์ซู่ได้แต้มอารมณ์มามากมาย เขาได้ยินชื่อคนมากมายจากจางเว่ยอวี่มาก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขาล้วนเป็นชาวเมืองของเมืองนี้

แต้มอารมณ์จากความสับสนงงงวยที่ว่าทหารเสื้อขนดำหายไปไหนถูกส่งต่อไปให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลี่ว์ซู่ ในตอนนี้หลี่ว์ซู่ยังได้เข้าใจอีกว่าแต้มอารมณ์ของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังสะสมอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถกินผลหรือมอบผลต่างๆ ให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้

หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับทหารเสื้อขนดำค่อยๆ กลายเป็นความสงสัยว่า หรือจริงๆ แล้วทหารเหล่านี้อาจจะไม่ได้มาที่นี่ตั้งแต่แรก…

ชายหนุ่มจ้องทหารรักษาเมืองด้วยสายตาอันเย็นเยียบ “ฉันจะรายงานสถานการณ์นี้ให้จอมทัพสวรรค์ทราบ และฉันก็แน่ใจว่าเขาจะตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด”

เหล่าขุนนางและนายทาสนั้นแตกต่างออกไป ผู้คนจากเมืองหนานเกิงไม่สามารถตัดสินชะตากรรมของเหล่าขุนนางได้ แต่นายทาสสามารถสังหารพวกเขาได้หสกต้องการ

ดังนั้น นายทาสจำนวนมากจึงอยากได้สถานะขุนนาง เพราะนั่นเท่ากับมีเกราะป้องกันอยู่สักสองสามชั้น

ในตอนนี้ จางเว่ยอวี่พูดขึ้นว่า “คนๆ นี้คงจะเป็นผู้นำของเมืองหนานเกิง หลิวอี้เจา ถึงฉันจะไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะทำให้กองทัพชิงไซเชื่อฟังได้ขนาดนี้”

หลี่ว์ซู่และหลี่วเสี่ยวอวี๋มองไปที่ทหารม้าในชุดเกราะสีแดง พวกเขาแต่ละคนต่างนิ่งเฉยอยู่บนหลังม้า เหมือนอย่างที่หลี่ว์ซู่คาดการณ์ไว้ พลังของกองกัพและชาวเมืองนั้นแตกต่างกันมาก

“เขาคือทหารมังกรจักรพรรดิของราชาแห่งทวยเทพ ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะสูญเสียตำแหน่งหลังจากที่ราชาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ เขาเป็นหนึ่งในคนที่โชคดีที่สุดจากทหารมังกรจักรพรรดิสามหมื่นคน” จางเว่ยอวี่พูดอย่างสงบ

หลี่ว์ซู่หันไปมองจางเว่ยอวี่ด้วยความตกใจ เขารู้สึกว่าจางเว่ยอวี่พูดถึงเรื่องนั้นได้สงบเกินไปและนั่นจึงทำให้เรื่องนี้ดูแปลกๆ

แต่เขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องอื่นมากกว่า “มีระดับสองถึงสามหมื่นคนท่ามกลางทหารมังกรจักรพรรดิอย่างนั้นเหรอ”

จางเว่ยอวี่ชำเลืองมองหลี่ว์ซู่ “ระดับสองเหรอ ทหารมังกรจักรพรรดิสามร้อยคนอยู่ระดับหนึ่งด้วยซ้ำ! และนี่ก็ไม่ใช่ความลับ ทุกคนที่นี่ก็รู้กันหมดเพราะพวกนักเล่านิทานชอบเล่าเรื่องพวกนี้”

หลี่ว์ซู่ได้แต่อุทานว่า ‘โอ้’ จางเว่ยอวี่อาจจะหมายความว่าเขาเคยได้ยินเรื่องพวกนี้จากนักเล่านิทานแต่หลี่ว์ซู่กลับไม่เชื่อ

หลังจากได้ฟังสิ่งที่จางเว่ยอวี่พูด เขาก็จมอยู่ในความคิดของตนเอง หากยอดฝีมือระดับสองสามหมื่นคนกับยอดฝีมือระดับ B ร่วมมือกันต่อสู้ นั่นจะเป็นกองกำลังที่ทรงพลังขนาดไหนนะ และยังมียอดฝีมือระดับหนึ่งอีกสามร้อยคนงั้นเหรอ นั่นออกจะน่ากลัวเกินไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากจำนวนเหล่านี้ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าคงจะมีคนที่อยู่ระดับหนึ่งมากกว่าหนึ่งพันคนในโลกใบนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมถึงมีเสินฉังจิ้งแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และในโลกใบนี้เสินฉังจิ้งถูกเรียกว่า ‘ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่’

จางที่จางเว่ยอวี่เคยบอก นอกจากราชาแห่งทวยเทพแล้วยังมีเสินฉังจิ้งคนอื่นอีก จอมทัพสวรรค์บางคนก็ยังมีทาสที่อยู่ระดับเสินฉังจิ้งเช่นกัน แต่เสินฉังจิ้งก็มีระดับที่แตกต่างกันไป

จึงทำให้มีไม่ถึงสิบคนที่จะถูกเรียกว่าเสินฉังจิ้ง

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเฉินไป่หลี่และคนอื่นๆ ที่เหลือที่อยู่เหนือระดับ A ต่างก็เป็นกังวลกับความสามารถของพวกเขา มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะก้าวไปถึงขั้นเสินฉังจิ้ง ในตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้สึกภูมิใจที่เนี่ยถิงที่เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการจับนั้นเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่เขาก็ยังสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาก้าวไปถึงขั้นเสินฉังจิ้งได้ เขารู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วตราบเท่าที่เขายังคงเก็บรวบรวมแต้มอารมณ์และไม่ควรมีอุปสรรคใหญ่ๆ อะไรเกิดขึ้น…

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีที่สุดก็คือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่จำเป็นต้องคอยสนใจอารมณ์ของเธอ

ยิ่งโลกกว้างใหญ่มากเท่าไร หลี่ว์ซู่ก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น พลังที่แท้จริงของแผนภูมิดาราคืออะไร ขุนนางและนายทาสจำนวนมากต้องการพลังในระดับที่สูงขึ้นแต่กลับไม่รู้ว่าแผนภูมิดาราเชื่อมต่อกับที่กั้นทั้งหมดบนโลกตั้งแต่ตอนเริ่ม

ทันใดนั้นใครบางคนก็พูดขึ้นว่า “ชาวบ้านสองคนบอกฉันว่าทหารเสื้อขนดำกำลังมาที่นี่ และพวกเขาทั้งสองคนฆ่าทหารม้าไปสามนาย!”

“โอ้” หลิวอี้เจาผู้บัญชาการกองทัพชิงไซหันไปมองคนที่กำลังพูด “แล้วชาวบ้านสองคนนั้นอยู่ที่ไหน”

ทหารรักษาเมืองถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะความเครียดได้ถูกยกออกไปจากตัวเขาแล้ว แต่ทาสที่เพิ่งจะพูดก็ต้องล้มลงไปบนพื้นหลังส่งเสียงกรีดร้อง อวี่เตี๋ยลงโทษเขาผ่านทางตราประทับ

หลิวอี้เจาชำเลืองมองอวี่เตี๋ยแต่ไม่ได้สอบสวนอะไรเพิ่มเติม เป็นเรื่องของนายทาสที่จะจัดการกับทาสของพวกเขาเพราะทาสถือเป็นทรัพย์สินของนายทาส

ราชาแห่งทวยเทพองค์เก่าเคยกล่าวว่าไม่มีใครรุกล้ำทรัพย์สินส่วนตัวของผู้อื่นได้…

ในตอนนี้ ทุกคนต่างหันไปมองที่หลี่ว์ซู่และจางเว่ยอวี่ ทาสที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาหลีกทางให้หลิวอี้เจา

หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าหลิวอี้เจากำลังมองไปที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋

เสียงม้าดังมาให้ได้ยินอีกครั้งในขณะที่หลิวอี้เจาเดินตรงไปที่หลี่ว์ซู่พร้อมกับม้าของเขา หลี่ว์ซู่ขยับไปยืนตรงหน้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตามสัญชาตญาตเหมือนที่เขามักจะทำเสมอ

แต่ครั้งนี้เขาทำไม่สำเร็จเพราะหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแทน

หลี่ว์ซู่แตะบ่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ เธอสามารถโจมตีเมื่อไรก็ได้ที่เธอต้องการ

เงาขนาดใหญ่ของหลิวอี้เจาพาดผ่านเหมือนกับเมฆที่ดำมืด หลี่ว์ซู่และหลิวอี้เจาแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างเย็นชา ถ้าหลิวอี้เจาทำอะไรตลกๆ กับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ล่ะก็ เขาจะสังหารกองทัพชิงไซให้หมด

การซ่อนตัวหรือการถ่อมตัวนั้นหมายถึงอะไร บางสิ่งบางอย่างก็ไม่อาจอดทนได้…

ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะได้ตัดสินใจ ทันใดนั้นหลิวอี้เจาก็พูดขึ้นมาว่า “พี่ชาย ทำไมคุณถึงหล่อขนาดนี้ คุณอยากไปเดินเที่ยวชมเมืองหนานเกิงกับผมไหม”

หลี่ว์ซู่รู้สึกมึนงง

นี่มันเรื่องบัดซบบ้าอะไรกัน!

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินไปที่ประตูไม้ของร้านขายข้าวในทันทีและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง หลี่ว์ซู่กำลังจ้องมาที่เธอและบอกให้เธอฆ่าหลิวอี้เจาซะ

แต่เธอก็เมินเขาอย่างสิ้นเชิง…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset