หลี่ว์ซู่เป็นพ่อค้าที่มีประสบการณ์บนโลกที่เขาจากมา เขาขายของอย่างไข่ต้ม เต้าหู้เหม็น หรือกระทั่งขายศิลาวิญญาณให้กับองค์กรใหญ่ๆ มาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จเหมือนตอนนี้เลย อย่างกับว่าเขากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่…
ในตอนนั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมราชาแห่งทวยเทพถึงชอบจักรวาลหลี่ว์นัก เพราะความรู้ในยุคสมัยใหม่ของเขาทำให้เขาดูฉลาดเป็นพิเศษท่ามกลางพวกคนยุคใหม่แบบนี้ อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่ก็รู้ว่าจักรวาลหลี่ว์นี้ไม่ใช่บ้านของเขา
อยู่ๆ หลี่ว์ซู่ได้รับจดหมายเชิญจากเย่เสี่ยวหมิงซึ่งเป็นผู้นำของทัพอู่เว่ยให้เข้าไปหาที่คฤหาสน์
ถึงแม้หลี่ว์ซู่จะไม่ได้ให้ความสนใจกับเย่เสี่ยวหมิงในช่วงเวลานี้ แต่เขาก็ยังจะให้ส่งผลกำไร 10% ที่ได้รับจากธุรกิจสบู่ไปให้เย่เสี่ยวหมิงบ้างนานๆ ครั้ง หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเย่เสี่ยวหมิงไม่ใช่คนธรรมดา เพราะเขาเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน แต่เขาก็กลายเป็นผู้นำของกองทัพ เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่จึงไม่อยากจะต้อนเขาให้จนมุม
ก็แค่นั้นแหละ
หลี่ว์ซู่นั่งอยู่บนกำแพงหมู่บ้านและมองลงมาเห็นคนที่เย่เสี่ยงหมิงส่งมา เขาพูดกับคนคนนั้นว่า “ไปบอกเย่เสี่ยวหมิงให้มาหาฉันที่หมู่บ้านมังกรฟ้าเองถ้าเขาอยากจะคุยด้วย”
ผู้ส่งสารไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ว์ซู่จะเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้ เขากลับไปบอกเย่เสี่ยวหมิงว่าผู้ชายคนนั้นอยากให้เย่เสี่ยวหมิงไปหาเขาด้วยตัวเอง…
แล้วเย่เสี่ยวหมิงก็ทำตามนั้น
หลี่ว์ซู่ยิ้มให้เย่เสี่ยวหมิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาถามออกไป “ลมอะไรพัดคุณมาที่นี่กันครับ ท่านแม่ทัพเย่”
เย่เสี่ยวหมิงตอบกลับ “ไม่นานมานี้เมืองหนานเกิงได้เปิดศึกกับทัพเฮยอวี่ สถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก ตอนนี้ทัพเฮยอวี่ก็ส่งคนระดับหนึ่งสองคนไปโจมตีเมืองหนานเกิงแล้ว เมืองหนานเกิงตกอยู่ในอันตราย และเมืองหยุนอันก็จะกลายเป็นเป้าหมายถัดไปถ้าทัพชิงไซป้องกันเขตแดนไม่ได้ เราเองก็จะต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เหมือนกัน”
หลี่ว์ซู่สับสน “แล้วท่านต้องการอะไรครับ”
เย่เสี่ยวหมิงลังเลที่จะพูดออกไป “หมู่บ้านมังกรฟ้าของเจ้ากำลังเฟื่องฟู พ่อค้าหน้าใหม่เข้ามาหาอยู่ตลอด เจ้าส่งคันรถออกไปขายสินค้าอยู่ทุกวัน ตอนนี้เจ้าคงจะเป็นเศรษฐีที่รวบที่สุดในเมืองหยุนอันแล้วสินะ”
“พูดมาตรงๆ เลยดีกว่าครับ”
“ข้าอยากได้เงินอุดหนุนทางทหาร…” เย่เสี่ยวหมิงกล่าว
[ได้รับแต้มจากเย่เสี่ยวหมิง +666]
ไม่ว่าชีวิตของเย่เสี่ยวหมิงจะลำบากมาขนาดไหนเมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำทัพคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่เคยจะขอเงินจากโจรมาก่อนจนกระทั่งวันนี้แหละ…
ที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทัพอู่เว่ยขอเงินจากหมู่บ้านมังกรฟ้า แต่ตอนนี้ทหารของทัพอู่เว่ยเกือบหนึ่งในสี่กำลังปลูกถั่วลิสงกัน และรอให้ผู้นำหมู่บ้านมังกรฟ้าให้เงินสนับสนุนพวกเขาทุกวัน
เมื่อเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนว่าหลี่ว์ซู่จะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของเมืองหยุนอันและของกองทัพอู่เว่ยไปแล้ว…
เย่เสี่ยวหมิงไม่เคยเจอเรื่องแปลกอย่างนี้มาก่อนในชีวิต…
หลู่ว์ซู่มองไปที่เย่เสี่ยวหมิง “นี่มาขอเงินงั้นเหรอครับ”
เย่เสี่ยวหมิงอธิบายอย่างใจเย็น “หมู่บ้านเจ้าอาจจะอยู่ในอันตรายก็ได้ถ้าเมืองหยุนอันถูกยึดไป”
หลี่ว์ซู่เห็นด้วย แต่เขาสงสัยว่าเย่เสี่ยวหมิงจะสามารถปกป้องเมืองได้ด้วยเงินที่มากขึ้นหรือเปล่า จากนั้นเขาก็ยิ้มให้ “อย่าคิดจะโกงเงินผมไปนะ แต่เรามาทำธุรกิจด้วยกันได้”
“ธุรกิจงั้นเหรอ” เย่เสี่ยวหมิงผงะ “เกี่ยวกับอะไร”
“ก่อนอื่นเลยผมก็จะให้ทหารทั้งหมดต้องลงแรงมาปลูกถั่วลิสง” หลี่ว์ซู่พูด “แล้วเดี๋ยวผมจะให้เงินท่านเอง”
หน้าของเย่เสี่ยวหมิงสดใสขึ้น เขารู้ว่าเงินสนับสนุนที่หมู่บ้านมังกรฟ้าได้จากการปลูกถั่วลิสงนั้นไม่ได้น้อยเลย ถ้าเขาได้เงินทั้งหมดนั่นอยู่ในมือเขาแล้วเขาก็จะทำกำไรได้ก่อนที่จะเอาไปแจกจ่ายให้กับคนอื่น
แม้ว่าเขาจะต้องเปลี่ยนตำแหน่งจากท่านเจ้าเมืองไปเป็นเจ้าของไร่ เย่เสี่ยวหมิงก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเห็นแก่เงินก้อนใหญ่ที่จะได้ ซึ่งเขาก็ระงับความคิดที่จะกำจัดหมู่บ้านมังกรฟ้าไปก่อน
เย่เสี่ยวหมิงถามต่อ “แล้วมีอะไรอีกไหม”
“รับผมเข้าไปในทัพอู่เว่ย และแนะนำชื่อผมไปที่กระท่อมกระบี่” หลี่ว์ซู่พูดและยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ
หลี่ว์ซู่อยากจะเข้าร่วมกับทัพอู่เว่ยแบบถูกต้อง แต่ใครจะคิดว่าเขากลับมาเป็นโจรในตอนท้าย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าหลี่ว์ซู่จะยอมล้มเลิกแผนการไปกระท่อมกระบี่และหาทางกลับบ้าน!
หลังจากที่เย่เสี่ยวหมิงกำลังฟังข้อต่อรองของหลี่ว์ซู่ เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เจ้าอยากจะไปที่กระท่อมกระบี่งั้นหรือ งั้นก็เยี่ยมไปเลย! ถ้าอย่างนั้นข้าก็ให้เข้าไปได้แบบไม่ต้องเสียเงินเลย! ข้าจะเขียนหนังสือแนะนำพร้อมกับประทับตราพยัคฆ์ของข้าให้ตอนนี้! แล้วเจ้าจะไปเมื่อไหร่กันล่ะ ขอให้ข้าได้อวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จในการเข้าสู่กระท่อมกระบี่ล่วงหน้าด้วยเถอะ!”
หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย
เขามองเย่เสี่ยวหมิงและรู้สึกราวกับว่าเขารังแกเย่เสี่ยวหมิงมากนานจนเย่เสี่ยวหมิงปิดความตื่นเต้นไม่มิดเมื่อเขาจะไป…
ที่จริงเย่เสี่ยวหมิงกำลังคิดหัวแทบแตกว่าจะไล่ผู้นำของหมู่บ้านมังกรฟ้าออกไปอย่างไร เขารู้ว่าผู้นำคนนี้แข็งแกร่งและเขาก็คงใช้กำลังข่มขู่ให้เขาออกไปไม่ได้…
เย่เสี่ยวหมิงก็เป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงในเมืองทางใต้เช่นกัน เขาไม่เคยต้องรู้สึกอับอายมากขนาดนี้มาก่อน!
แต่ปิศาจอยากจะไปเองนี้ อย่างนี้ก็เยี่ยมสุดๆ ไปเลย!
เมื่อก่อนพวกขุนนางจะจ่ายเงินให้เย่เสี่ยวหมิงส่งลูกชายของตัวเองไปกระท่อมกระบี่ แต่ครั้งนี้เย่เสี่ยวหมิงจะจ่ายเงินให้หลี่ว์ซู่เองเลย… เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้หลี่ว์ซู่ไปพ้นๆ เสียที!
ถ้าเย่เสี่ยวหมิงเป็นจักรพรรดิดินแห่งเมืองหยุนอัน หลี่ว์ซู่ก็คงเป็นผู้นำที่ชักใยอยู่ข้างหลัง…
หลี่ว์ซู่จ้องมองไปที่เย่เสี่ยวหมิงที่กำลังดีใจอย่างออกนอกหน้า หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ส่งเย่เสี่ยวหมิงกลับ “กลับไปก่อนแล้วกัน อย่าลืมส่งหนังสือแนะนำมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะ”
“แน่นอน” เย่เสี่ยวหมิงตอบ จากนั้นเขาก็เดินออกไปด้วยความปีติ การที่หลี่ว์ซู่จะเดินทางไปกระท่อมกระบี่เป็นข่าวที่สุดในตอนนี้เลย!
แต่หลังจากนั้นสองชั่วโมงหลี่เฮยทั่นก็รีบกลับมาพร้อมกับคนของเขาจากเมืองหยุนอัน เกราะของพวกเขาแตกและมีคราบเลือดบนใบหน้า
หลี่ว์ซู่ตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้นกัน”
“กลุ่มกองทัพยอดฝีมือของทัพเฮยอวี่ได้ข้ามเทือกเขาอวิ๋นเทียนอย่างลับๆ ตอนนี้เข้าโจมตีเมืองอวิ๋นอันเข้ามาแล้วครับ!” หลี่เฮยทั่นรายงานขณะหอบหายใจ “ท่านเจ้าเมืองเย่เสี่ยวหมิงถูกทัพเฮยอวี่ฆ่าตายระหว่างทางกลับเมืองครับ!”
หลี่ว์ซู่ตัวแข็งทื่อ ขณะนี้ความคิดเดียวที่เขาคิดออกก็คือ… หนังสือแนะนำของเขาจบเห่กันแล้ว
ทำไมถึงขอหนังสือแนะนำได้ยากเย็นแบบนี้นะ เขาอุตส่าห์ลดตัวมาเป็นโจร แต่เขาก็ยังเอาหนังสือนี้มาไม่ได้! แล้วเขาก็เพิ่งโน้มน้าวใจเย่เสี่ยวหมิงให้เขียนหนังสือนี้ให้เขาได้ แต่ตอนนี้ตายไปเสียแล้ว! บ้ากันไปใหญ่!
หลี่ว์ซู่ยังตกใจอยู่ เวลาที่ทัพเฮยอวี่เข้าโจมตีตอนนี้เป็นเวลาที่ไม่เหมาะที่สุดเลย!
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่และหลี่เฮยทั่นก็รีบวิ่งออกไปที่เมืองอวิ๋นอัน จากภาพข้างบนภูเขาอันนี้ หลี่ว์ซู่รู้ได้เลยว่าเมืองอวิ๋นอันตกอยู่ในมือของศัตรูแล้ว พวกทัพเฮยอวี่ควบม้าเข้าประจันหน้ากันอย่างไม่เกรงกลัว แต่ทัพอู่เว่ยกลับทำได้แค่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด
แล้วก็มีทหารม้าสวมชุดเกราะสีดำหยุดมองมาที่ทางภูเขาอัน จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ว่าสายตาคู่นั้นจ้องตรงเข้ามาที่เขา!
Related