ความเข้าใจผิด
ทันทีที่หลี่ว์ซู่ไม่ได้อยู่ในระยะสายตาของยาเอโกะ เขาก็เริ่มเร่งฝีเท้าให้วิ่งเร็วที่สุด ด้วยความเร็วเทียบเท่าคนระดับ B ที่น่าทึ่งของเขาจึงเป็นไปไม่ได้ที่ยาเอโกะซึ่งอยู่แค่ระดับ C จะตามเขาทันได้…
ยาเอโกะยอมอ่อนข้อลงเล็กน้อย ไม่มีอะไรในข้อมูลของเธอที่บอกว่าฮิโรโนะวิ่งได้เร็วขนาดนั้น
ในตอนนั้นเอง เธอก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนหาเธอมาจากข้างหลัง “คุณซากุราอิ กำลังตามหาผมอยู่เหรอ”
ยาเอโกะหันกลับไปมองทันที เธอตกตะลึงเมื่อพบว่าฮิโรโนะวิ่งตามมาจากข้างหลังและกำลังเดินข้ามสี่แยกมาหา
ณ ชั่วขณะนั้นเอง ทั้งฮิโรโนะและยาเอโกะก็มองเห็นเศษเสี้ยวแห่ง…ความไม่แน่ใจ…ในแววตาของกันและกัน
ยาเอโกะคิดอยู่เงียบๆ ไอ้บ้านี่วิ่งมาข้างหลังฉันได้ยังไง มันจะวิ่งเร็วขนาดย้อนกลับมาได้เลยก็ไม่น่าจะใช่
ฮิโรโนะสงสัยกับตัวเอง ก็เธอมายืนหน้าดุอยู่ตรงนี้เองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงทำหน้าอย่างกับว่าตัวเองไม่น่ายืนอยู่ที่นี่เสียอย่างนั้นล่ะ
หลี่ว์ซู่หนีไปไกลแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องตามรอยเขาเจอ เขาได้โกยหนีและทิ้งยาเอโกะและคิตะมุระให้ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างหลัง
[ได้แต้มจากซากุราอิ ยาเอโกะ +666!]
[ได้แต้มจากคิตะมุระ ฮิโรโนะ +666!]
ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะหลี่ว์ซู่ ฉะนั้นแต้มอารมณ์ที่เกิดจึงเป็นความผิดของหลี่ว์ซู่คนเดียว!
ฮิโรโนะหัวเราะเบาๆ “คุณซากุราอิ คุณนี่ใช้ผมเพื่อความบันเทิงจริงๆ เลยนะ หือ เมื่อคืนนี้ตอนที่ผมพยายามตามหาคุณ กลับไม่มีใครอยู่บ้านเลยจริงๆ ด้วย แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มาหาผมที่บ้านเสียเองเลยล่ะ”
ยาเอโกะจ้องเขม็งไปที่ฮิโรโนะ เธอกล่าวว่า “หลังจากคืนนี้ จะไม่มีคิตะมุระ ฮิโรโนะจากทวยเทพอยู่บนโลกนี้อีก”
“เหรอ” ฮิโรโนะขยับแว่นตาที่ไม่มีค่าสายตาของเขา “แค่เพราะเจ้าโอดะ โทคุมะเป็นอาจารย์ของเธอเท่านั้น ฉันเกรงว่าเธอก็ยังไม่อาจฆ่าฉันได้หรอกนะ ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวมันเองจะทำได้หรือเปล่าซะด้วยซ้ำ”
ยาเอโกะไม่แน่ใจว่าเขาไปเอาความกล้ามาจากไหน เขากำลังพูดว่าคนระดับ B ไม่สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ เหรอ
อย่างไรก็ตาม เธอไม่คิดที่จะพูดจาไร้สาระด้วย ทันทีที่ฮิโรโนะพูดจบเธอก็เตรียมโจมตี ทว่าในตอนนั้นกลับมีดาบยาวร่วงลงมาจากเสาไฟฟ้า ทันใดนั้นร่างของโอดะ โทคุมะก็ปรากฏขึ้นและดาบเล่มนั้นก็พร้อมที่จะผ่าร่างของคิตะมุระออกครึ่งซีก
ยาเอโกะอึ้งจนพูดไม่ออก ทำไมท่านอาจารย์ของเธอจึงไปแอบอยู่ตรงนั้น มันดูเหมือนว่าเขาวางแผนจะฆ่าเจ้าคนอวดดีฮิโรโนะ!
แต่ภายในเสี้ยววินาทีนั้น มีร่างที่มองไม่เห็นผลักคิตะมุระจากด้านหลัง และก็ฉวยโอกาสดึงดาบของเขาออกมาจากเอว แรงผลักที่หนักหน่วงนั้นได้ดันตัวโอดะ โทคุมะ ซึ่งกำลังกระโดดลงมาจากฟ้ากระเด็นในทันที
เสียงระเบิดดังกระหึ่มเป็นคลื่นออกไปพร้อมกับเสียงโลหะตีกระทบกัน บ้านเรือนที่อยู่รายรอบเริ่มสั่นไหวจากพลังของการปะทะของดาบสองเล่ม นี่เป็นการสัประยุทธ์ระหว่างคนระดับ B ที่ทรงพลังสองคน!
ร่างที่มั่นคงของโอดะ โทคุมะกลับขึ้นไปที่เสาไฟฟ้าอีกครั้ง เขามองลงมาแล้วหัวเราะอย่างขุ่นเคืองใจ “คิตะมุระ คิจิโทริ แกยังคงมีแผนลับเยอะอยู่เลยนะ”
ชายวัยกลางคนที่ชื่อ คิตะมุระ คิจิโทริ ค่อยๆ เก็บดาบลงฝัก เขาหัวเราะในลำคอ “ฉันอุตส่าห์ลงทุนพยายามตามหาแกตั้งนานนะไอ้หนูโสโครก หลังจากวันนี้ไป แกไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว รออยู่ข้างหลังนี่ซะเถอะ”
ณ ขณะนี้ สถานการณ์กลับไม่แน่นอนเสียแล้ว โอดะ โทคุมะได้มาสังเกตการณ์ด้วยตัวเองเพราะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวยาเอโกะและเป็นกังวลว่าเธอจะยอมจำนน
ในทางกลับกัน สาเหตุที่ฮิโรโนะกล้าพูดจาบ้าบิ่นในตอนนั้นก็เพื่อจะยั่วยุอาจารย์ของเขา ท่านอาจารย์ของเขารู้ว่าจากทั้งหมดที่มีอยู่สี่คนนั้น พลังของเขาใกล้เคียงกับของโอดะ โทคุมะมากที่สุด! เขาแค่วางแผนว่าจะถามถึงและทำให้โมโห แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะล่อโอดะ โทคุมะออกมาได้จริงๆ
คิจิโทริหัวเราะร่า “หนทางของแกยังอีกไกลถ้าแกคิดจะตามให้ทันคิริฮาระ คุรากิ ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าคำพูดของฉันจะไม่ทำให้เขาโกรธเลยสักนิด ในแง่ของพลังแล้ว ฉันเกรงว่าแกจะต้องยอมถอยและไปร่วมมือกับคนอื่นถึงจะพอมีโอกาสขึ้นมาบ้าง ไม่น่าล่ะสกุลที่ซ่อนเร้นพวกนั้นถึงได้ไม่เชื่อใจแกอีกต่อไป ถ้าเป็นฉัน มันก็คงยากสำหรับฉันเหมือนกันที่จะเชื่อใจในความเป็นผู้นำของแก พวกอนุรักษ์นิยมจะมีอนาคตอะไรเหลืออยู่อีก แต่…ถ้าข้างๆ ตัวฉันมีหนูที่ทำให้ผู้คนต้องรำคาญ สัญชาตญาณตามธรรมชาติก็คือการกำจัดแกออกไปเท่านั้นเอง”
เมื่อโอดะ โทคุมะได้ยินว่าเขาถูกคิจิโทริเรียกว่าเป็นหนู เส้นเลือดของเขาก็เต้นตุ้บๆ พร้อมที่จะระเบิด ผู้ที่ประกาศตนเป็นอัจฉริยะคนนั้นจะทนต่อการลบหลู่เยี่ยงนี้ได้อย่างไร
ทว่าในวินาทีต่อมา คิจิโทริก็ชักดาบออกมาจากฝักที่อยู่ตรงเอวและชี้ไปที่ยาเอโกะ!
โดยไม่รีรอให้โอดะ โทคุมะตอบโต้ คิจิโทริก็ไปถึงตัวของยาเอโกะเสียแล้ว เฉือนครั้งเดียวก็ทำให้ค่ำคืนพินาศย่อยยับแล้ว
ดอกซากุระบนชุดกิโมโนของยาเอโกะทุกดอกต้านแรงจากคมมีดนั้นก่อนที่จะทิ้งไว้เพียงฝุ่นผงบนใบมีด
เกิดเสียงดังกงวานขณะที่ใบมีดและชุดกิโมโนกระทบกัน ยาเอโกะลอยกระเด็นไปตามแรงจากใบมีด แต่ทว่าชุดกิโมโนของเธอยังคงไม่เสียหาย!
คิจิโทริอ้าปากค้างด้วยความชื่นชมแล้วหัวเราะออกมา “ของในตำนานชิ้นนั้นนั่นเอง! ที่แท้ก็อยู่ในมือของแก พวกอนุรักษ์นิยม”
ทว่าขณะที่เขาเตรียมไล่ตามไปฆ่าเธออีกครั้ง จู่ๆ โอดะ โทคุมะก็หนีออกไปไกล เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าลูกศิษย์ของเขาจะได้ออกมาแบบเป็นหรือตาย เพราะสำหรับเขาแล้ว เขายังไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของคิจิโทริ!
คิจิโทริกล่าวด้วยความสังเวชใจ “ช่างขี้ขลาด ฮิโรโนะ ฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอนะ”
ทันทีที่พูดจบ คิจิโทริก็ถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็วและไล่ตามโอดะ โทคุมะไป
ยาเอโกะกระอักเลือดออกมาและยืนขึ้นอีกครั้ง เธอมองไปทางที่ท่านอาจารย์ของเธอหนีไปเหมือนกับจะถอนใจ มีบางคำถามและบางคำตอบที่เธอไม่อยากรู้คอยรบกวนจิตใจของเธอมาตลอด และตอนนี้ทุกอย่างก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงชุดกิโมโนดอกซากุระของเธอเลยว่าเป็นของวิเศษอย่างแท้จริง ไม่มีร่องรอยของความเสียหายเกิดขึ้นแม้หลังจากที่ได้ต้านการโจมตีขั้นสุดยอดจากคนระดับ B แม้ว่าเธอจะบาดเจ็บภายในที่ค่อนข้างจะรุนแรงแต่เธอก็ยังคงมีแรงที่จะเคลื่อนไหวได้!
ทันใดนั้นยาเอโกะก็หันหลังแล้วหนี เธอมุ่งหน้าไปที่โดโจ เธอรู้ว่าหากเธอไม่ได้รับกำลังเสริมก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องตาย อย่างไรเสียฮิโรโนะก็คงไม่ได้อ่อนแอกว่าตอนที่เธอมีพลังเต็มที่มากนัก
นอกเหนือไปจากนั้น จู่ๆ ยาเอโกะก็อยากรู้ว่า หากท่านอาจารย์ได้ทอดทิ้งเธอ แล้ว…ชายหนุ่มคนนั้นจะช่วยเธอไหม
โลกใบนี้ยังคงหนาวเหน็บจริงๆ เลยนะ ยาเอโกะถอนหายใจเงียบๆ
ด้วยเหตุผลบางประการ ยาเอโกะรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มที่โดโจจะต้องช่วยเหลือเธออย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้จักกันมานานก็ตาม
ขณะที่ทั้งสองแข่งกันมุ่งหน้าไปทางโดโจ ฮิโรโนะหัวเราะไล่หลังยาเอโกะ “ทำไมเธอถึงได้หนีไปทางนั้นเล่า เธอคิดว่าเขาจะช่วยเธอจริงๆ เหรอ นังสายลับ เขาจะมองเธออย่างไรเมื่อเขารู้ตัวตนของเธอ เธอคิดว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขาได้เหรอ”
คำพูดของเขาทิ่มแทงลงไปในขั้วหัวใจของยาเอโกะ เธอแน่ใจว่าฮิโรโนะพูดถูก เจตนารมย์ในการมีปฏิสัมพันธ์กับหลี่ว์ซู่ของเธอนั้นผิดมาตั้งแต่แรก แล้วมันจะมีบทสรุปที่ถูกต้องได้อย่างไร
หากคิริฮาระรู้ว่าเธอเข้าหาเขาในฐานะสายลับ เธอจะแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองได้อย่างไร
แต่ตอนนี้ยาเอโกะไม่สนใจอะไรนักหนาแล้ว เธอเหมือนกับนักเดินทางที่จมน้ำ ซึ่งหวังเพียงแต่จะคว้าเอาฟางสักเส้นในสายน้ำแห่งกาลเวลานี้เพื่อพิสูจน์ว่าอย่างน้อยในสิบเจ็ดปีที่ได้มีชีวิตมา เธอก็ได้พบกับความจริงใจแม้เพียงครั้งเดียว